สืบค้นงานวิจัย
การวิจัยและพัฒนาพื้นที่ดินเค็มเพื่อการเกษตรกรรม บริเวณพื้นที่อ่างเก็บ น้ำหนองบ่อ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
สมสงวน ปัสสาโก - มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
ชื่อเรื่อง: การวิจัยและพัฒนาพื้นที่ดินเค็มเพื่อการเกษตรกรรม บริเวณพื้นที่อ่างเก็บ น้ำหนองบ่อ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
ชื่อเรื่อง (EN): Research and Development of Saline for Agriculture Soil Area in Nongbor Reaervoir, Borabue District, Maha Sarakham Province.
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สมสงวน ปัสสาโก
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยต่อเนื่องระยะเวลา 2 ปี มีวัตถุประสงค์ในปีที่ 1 คือ 1) เพื่อศึกษา ประสิทธิภาพของแกลบ มูลโค ฟางข้าว และส่วนผสมของแกลบ มูลโค และฟางข้าว ในการปรับปรุงดิน เค็ม บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองบ่อ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม 2) เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพ ของแกลบ มูลโค และฟางข้าว และส่วนผสมของแกลบ มูลโค และฟางข้าว ในการปรับปรุงดินเค็ม บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองบ่อ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม และวัตถุประสงค์ในปีที่ 2 คือ 1) เพื่อ ศึกษาการปรับปรุงคุณภาพดินเค็มโดยใช้โสนอัฟริกันเป็นปุยพืชสด ในพื้นที่ที่มีการปรับปรุงดินเค็มด้วย แกลบ มูลโค และฟางข้าว และส่วนผสมของแกลบ มูลโค และฟางข้าว 2) เพื่อเปรียบเทียบ ประสิทธิภาพของโสนอัฟริกันในการปรับปรุงดินเค็มในพื้นที่ที่มีการปรับปรุงด้วยแกลบ มูลโค ฟางข้าว และส่วนผสมของแกลบ มูลโค และฟางข้าว พารามิเตอร์ที่ใช้ในการศึกษา คือ สีดิน ค่าความเป็นกรด - ด่าง ค่าการนำไฟฟ้า ค่าความเค็ม ค่าอินทรียวัตถุในดิน ปริมาณนโตรเจนรวม ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็น ประโยชน์ และปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ ทำการวิเคราะห์ดินทั้งก่อนและหลังปรับปรุงดิน การดำเนินการวิจัยปีที่ 1 ทำการศึกษาในพื้นที่ดินเค็ม โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 5 ตำหรับ การทดลอง คือ ตำหรับที่1 ดินควบคุม ตำหรับที่ 2 ปรับปรุงดินเค็มด้วยแกลบ ตำหรับที่ 3 ปรับปรุงดิน เค็มด้วยมูลโค ตำหรับที่ 4 ปรับปรุงดินเค็มด้วยฟางข้าว และตำหรับที่ 5 ปรับปรุงดินเค็มด้วยส่วนผสม ของแกลบ มูลโค และฟางข้าว ทำกรสับกบวัสแต่ละชนิดในแปลงทดลอง เป็นเวลา 60 วัน แล้วทำ การเก็บตัวอย่างดินมาวิเคราะห์ ผลการศึกษาปีที่ 1 มันวิจัยและพัฒนา การศึกษาพบว่าแกลบเหมาะแก่การนำมาปรับปรุงค่าความเป็นกรด - ด่าง ค่าสภาพการนำ ไฟฟ้า คำความเค็ม อินทรียวัตถุในดิน และปริมาณนโตรเจนรวม เพราะแกลบสามารถทำให้ดินมีค่า ความเป็นกร - ด่ง ใกล้เคียงความเป็นกลางมากที่สุด (PH = 6.57) ทำให้ค่าสภาพการนำไฟฟ้าและ ความความเค็มของดินลดลง จาก 847 Js/cm และ 8.47 dS/m ลดลงเป็น 544 us/cm และ 5.44 dS/m ตามลำดับ นอกจากนี้ยังเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน จาก 0.54% เป็น 2.09% และเพิ่มปริมาณ ไนโตรเจนรวม จาก 0.01% เป็น 0.68% สำหรับมูลโค เหมาะแก่การใช้ในการปรับปรุงสีดิน ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ และ ปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ เพราะมูลโค สามารถทำให้สีดินเข้มขึ้น และทำให้ปริมาณ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ และ โพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ เพิ่มขึ้น จาก 1.10 ppm และ 155.72 ppm เป็น 22.19 ppm และ 714.61 ppm ตามลำดับ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแกลบ มูลโค ฟางข้าว และส่วนผสมของแกลบ มูลโค และฟาง ข้าว พบว่า ค่าความเป็นกรด-ด่าง ค่าความเค็ม ปริมาณนโตรเจนรวม ค่าฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ และค่าโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ ทุกตำหรับมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนตำหรับที่ปรับปรุงด้วยมูลโคและตำหรับที่ปรับปรุงด้วยฟางข้าวมีค่าสภาพการนำไฟฟ้าแตกต่างกัน อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05
บทคัดย่อ (EN): This research is the ongoing research which takes 2 years. The objectives of the first year research are: 1) to study the effectiveness of rice husk, cow dung, rice straw, and the mixture of rice husk, cow dung, and rice straw in Nong Bor Reservoir area, Borabue District , Maha Sarskham Province, 2) to compare the effectiveness of rice husk, cow dung, rice straw, and the mixture of rice husk, cow dung, and rice straw to improve saline soil in Nong Bor Reservoir area, Borabue District, Maha Sarskham Province. The objectives of the second year research are: 1) to improve soil quality by Sesbania rostrata in areas where was improved by rice husk cow dung and rice straw and the mixture of rice husk cow dung and rice straw, 2) to compare the efficiency of Sesbania rostrata improving saline soil in the area where was improved by rice husk, cow dung, rice straw and rice husk mixture of cow dung and rice straw. In the first year of the research; the experiment were conducted in field study and divided into 5 treatments. The first treatment was the control group, the second treatment was the improved saline soil with rice husk, the third treatment was improved saline soil with cow dung, the fourth treatment was improved saline soil with rice straw and the fifth treatment was improve saline soil with the mixture of rice husk, cow dung, and rice straw. The experiment were conducted by chopping and filling each material into the plots for 60 days and then the soil samples were collected and analyzed. The parameters used in this study are soil color, soil pH , conductivity, salinity, organic matter, total nitrogen, available phosphorus, available potassium . The soil was analyzed before and after the improvement. The result in the first year; The study found that the area with rice husk was suitable for the pH, conductivity, salinity, organic matter in the soil and total nitrogen. The rice husk could make soil pH close to neutral level the most (pH = 6.57) and made the conductivity and salinity decreased from 847 ?s/cm and 8.47 dS / m to 544 ?s/cm and 5.44 dS/m, respectively. It also increased soil organic matter from 0.54% to 2.09% and total nitrogen from 0.01% to 0.68%. In case of cow dung, it was suitable to improve the soil because it provided phosphorus and potassium which was useful for soil improvement and made the soil darker. And the amount of phosphorus and potassium increased from 1.10 ppm, 155.72 ppm to 22.19 ppm and 714.61 ppm respectively. The comparison of the efficiency of rice husk, cow dung, rice straw and rice husk mixture of cow dung and rice straw showed that; pH, salinity, total nitrogen, phosphorus, potassium, all treatment are difference statistically significant at the .05 level. The treatments that were improved by cow dung and the treatment with rice straw had the conductivity differences at the .05 level.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
คำสำคัญ: อ่างเก็บน้ำหนองบ่อ
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิจัยและพัฒนาพื้นที่ดินเค็มเพื่อการเกษตรกรรม บริเวณพื้นที่อ่างเก็บ น้ำหนองบ่อ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
30 กันยายน 2557
ศึกษาการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำใต้ดินต่อการผลิตข้าวในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ดินเค็มแบบบูรณาการ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ความหลากหลายของจุลินทรีย์ดินในพื้นที่เกษตรกรรมของอำเภอไพรบึงจังหวัดศรีสะเกษ โครงการวิจัยการพัฒนารูปแบบระบบการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โครงการวิจัยการพัฒนารูปแบบระบบการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โครงการวิจัยการพัฒนารูปแบบระบบการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โครงการวิจัยการพัฒนาระบบการผลิตพืชเศรษฐกิจในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก โครงการวิจัยเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่ขยายผลโครงการหลวงแม่สลอง โครงการย่อยที่ 1 การศึกษาโอกาสทางการตลาดทั้งภายในและภายนอกชุมชน ของสินค้าเกษตรในพื้นที่ขยายผลโครงการหลวงแม่สลอง โครงการวิจัยการพัฒนาระบบการผลิตพืชท้องถิ่นที่สำคัญในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก โครงการวิจัยเชิงบูรณาการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตสุกรบนพื้นที่สูง โครงการย่อยที่ 2 การพัฒนาสายพันธุ์สุกรที่เหมาะสมภายใต้เงื่อนไขสภาพการเลี้ยงบนพื้นที่สูง ชุดโครงการวิจัยและพัฒนาการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพผลิตผลพืชผักในพื้นที่โครงการหลวงและพื้นที่ขยายผลโครงการหลวง โครงการย่อยที่ 2 การทดสอบและสาธิตเทคโนโลยี/องค์ความรู้โครงการหลวงในการพัฒนาประสิทธิภาพการปลูก
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก