สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาสายพันธุ์ข้าวฟ่างหวานที่เป็นหมันเพื่อใช้ในการผลิตข้าวฟ่างหวานลูกผสม
ประสิทธิ์ ใจศิล - มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาสายพันธุ์ข้าวฟ่างหวานที่เป็นหมันเพื่อใช้ในการผลิตข้าวฟ่างหวานลูกผสม
ชื่อเรื่อง (EN): Development of A-line of sweet sorghum for F1-hybrid seed production
บทคัดย่อ: ข้าวฟ่างหวานเป็นพืชทางเลือกซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบเสริมสำหรับการผลิตเอทานอลในเชิงพาณิชย์ได้ เพราะน้ำคั้นในลำต้นมีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบสูงและให้มวลชีวภาพสูงด้วย โดยเฉพาะพันธุ์ลูกผสม ในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวฟ่างหวานลูกผสมโดยใช้วิธีมาตรฐานนั้น จำเป็นต้องทดสอบว่าต้นไหนคือต้นสายพันธุ์ B ซึ่งต้องใช้เวลานาน ทำให้เสียเวลามาก การศึกษาครั้งนี้จึงแบ่งการทดลองออกเป็น 2 การทดลอง ประกอบด้วย การทดลองที่ 1 เป็นการจำแนกข้าวฟ่างสายพันธุ์ B ออกจากข้าวฟ่างสายพันธุ์ R โดยใช้ LW7 marker ทดสอบในข้าวฟ่างหวานและข้าวฟ่างเมล็ด (grain sorghum) จำนวน 25 พันธุ์ โดยวัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้ คือ การตรวจสอบการใช้ LW7 marker ในการจำแนกต้นสายพันธุ์ B และต้นสายพันธุ์ R ในข้าวฟ่างเมล็ด และข้าวฟ่างหวาน ผลการศึกษาพบว่า การใช้ marker LW7 ในการจำแนกข้าวฟ่างทั้ง 25 สายพันธุ์ มีเพียงข้าวฟ่างหวานพันธุ์สุพรรณบุรี 1 และข้าวฟ่างเมล็ดพันธุ์ KU03B เท่านั้นที่เป็นข้าวฟ่างสายพันธุ์ B เพราะไม่ปรากฏแถบดีเอ็นเอที่ตำแหน่ง 779 bp และเพื่อยืนยันความแม่นยำของเครื่องหมายโมเลกุล จึงนำข้าวฟ่างทั้ง 25 พันธุ์ ไปผสมข้ามกับข้าวฟ่างสายพันธุ์ A ปรากฏว่า มีเพียงลูกผสมระหว่างข้าวฟ่างสายพันธุ์ A กับข้าวฟ่างหวานพันธุ์สุพรรณบุรี 1 เท่านั้นที่มีเกสรเพศผู้เป็นหมัน จึงสามารถสรุปได้ว่า marker LW7 สามารถนำมาจำแนกต้นข้าวฟ่างสายพันธุ์ B ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในขั้นตอนการคัดเลือกต้นสายพันธุ์ B สำหรับใช้ในการผสมกลับกับข้าวฟ่างหวานเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ B ที่เป็นข้าวฟ่างหวานต่อไป การทดลองที่ 2 เป็นการใช้ LW7 marker ในการจำแนกต้นข้าวฟ่างสายพันธุ์ B ที่มีค่าความหวานสูงผลผลิตต้นสดสูง และมีลักษณะทางการเกษตรอื่นๆดีด้วย เพื่อคัดเลือกและนำไปผสมกลับในชั่วรุ่นต่อไป โดยวัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้เพื่อประยุกต์ใช้ LW7 marker ในการจำแนกต้นสายพันธุ์ B ในประชากรชั่วรุ่นที่ 2 (F2), BC1F, BC2F2 และ BC3F2 ที่ได้มาจากการผสมพันธุ์ระหว่างข้าวฟ่างพันธุ์ KU03B และ SSV84 และใช้ลักษณะทางฟีโนไทป์ในการคัดเลือกเป็นรายต้นใน ประชากรชั่วรุ่นที่ 2 (F2), BC1F, BC2F2 และ BC3F2 เพื่อนำไปผสมกลับให้ได้ต้นที่มีความหวานสูงและลักษณะทางการเกษตรที่ดีอื่นๆ พบว่า LW7 marker สามารถจำแนกต้นสายพันธุ์ B ใน ประชากรชั่วรุ่นที่ 2 (F2), BC1F, BC2F2 และ BC3F2 ได้อย่างแม่นยำ โดยมีสัดส่วนต้นที่ไม่ใช่ B-line ต่อ ต้น B-line เท่ากับ 3:1 ทั้งสี่ชั่วรุ่น ซึ่งเป็นไปตามกฎของเมนเดล และสรุปได้ว่ายีนที่ควบคุมลักษณะการเป็นหมันในนิวเคลียสของสายพันธุ์ B เป็นยีนด้อยเพียงคู่เดียว การใช้เครื่องหมายโมเลกุล (LW7) ช่วยคัดเลือกต้นสายพันธุ์ B เพื่อใช้ในการพัฒนาข้าวฟ่างหวานสายพันธุ์ B โดยวิธีการผสมกลับประสบความสำเร็จทั้งสี่ชั่วรุ่น ค่าความหวานของข้าวฟ่างหวานในชั่วรุ่นที่ BC1F2-BC3F2 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่า วิธีการผสมกลับทำให้ค่าความหวานในข้าวฟ่างสายพันธุ์ B เพิ่มขึ้น และในประชากรชั่วรุ่นที่ BC3F2 สามารถคัดเลือกข้าวฟ่างหวานสายพันธุ์ B สายพันธุ์ใหม่ได้ทั้งหมด 23 สายพันธุ์ โดยเกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือกเหล่านี้พิจารณาจากลักษณะผลผลิต ลักษณะทางการเกษตร และคุณภาพของข้าวฟ่างหวาน ได้แก่ เส้นผ่าศูนย์กลางลำต้น ความสูง น้ำหนักลำต้นสด อายุดอกบาน 50% และค่าความหวาน ซึ่งต้นสายพันธุ์ B เหล่านี้จะถูกนำไปพัฒนาข้าวฟ่างหวานสายพันธุ์ A เพื่อใช้ในการพัฒนาพันธุ์ลูกผสมต่อไป
บทคัดย่อ (EN): Sweet sorghum is an alternative and supplement crop for commercial bio-ethanol production because it has high fermentable sugar content in stalk and high biomass especially for F1 hybrids. In conventional breeding, test cross of segregating populations is required to identify the plants with male sterility during line development processes which is a tedious work and time consumption. This study comprised of two experiments, the first experiment was to study the application of LW7 marker for identification of B-line plants in segregating sweet sorghum population. The objectives of this study were to verify the use of LW7 marker in identifying maintainer lines (B-lines) and restorer lines (R-lines) in grain sorghum and sweet sorghum. Twenty five varieties of sorghum were evaluated, and LW7 marker can be correctly identified the variety that possess male sterility gene (rf4) in cv. Suphan Buri1 and KU03B; moreover, these genotypes did not show 779 bp band. The cross between Suphan Buri1 and a male-sterile line (A-line), KU03A resulted in a male sterile spikelet, confirming the usefulness of the marker for sweet sorghum improvement. The second experiment was to study the use of LW7 marker assisted selection for identification B-line plants with high sweetness, high stalk yield with good agronomic traits for using to backcross with sweet sorghum in advance generation. The objectives of this study were to apply LW7 molecular marker associated with male sterility in sorghum to facilitate the selection for B-lines in the F2, BC1F2, BC2F2 and BC3F2 generation of the cross between grain sorghum (KU03B) and sweet sorghum (SSV84) and to use phenotypic selection of individual plants from F2 to BC3F2 generations of backcrossing for total soluble solid and other agronomic traits. LW7 marker successfully identified B-line plants in the F2, BC1F2, BC2F2 and BC3F2 generations. The segregation ratio of 3:1 for non B-line to B-line in the progenies of four generations supported the one-gene model of Mendelian segregation. The use of marker assisted selection was successful for line development of B-line sweet sorghum. On the successive backcrossing for four generations, segregation patterns of the backcross generations shifted towards high total soluble solid, indicating that backcrossing can be increased the chance to obtain the B-lines with higher total soluble solid. Based on total soluble solid and other agronomic traits, 23 B-line plants in the BC3F2 generation were selected for conversion to A3 cytoplasm specific to rf4 gene and will be used for further hybrid development.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำสำคัญ: พันธุ์ลูกผสม
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาสายพันธุ์ข้าวฟ่างหวานที่เป็นหมันเพื่อใช้ในการผลิตข้าวฟ่างหวานลูกผสม
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
30 กันยายน 2555
การปรับปรุงพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 ของพริกเผ็ด โดยใช้ลักษณะเกสรเพศผู้เป็นหมัน การทดสอบพันธุ์ข้าวฟ่างหวานเพื่อผลิตหญ้าหมัก การปรับปรุงพันธุ์พริกลูกผสมโดยใช้ลักษณะเกสรเพศผู้เป็นหมัน การประเมินผลผลิตและลักษณะทางการเกษตรบางประการของข้าวฟ่างหวานพันธุ์บริสุทธิ์และพันธุ์ลูกผสม การผลิต Inulin และ Oligofructose จากกล้วยเพื่อใช้เป็นสารเสริมอาหาร การประเมินพันธุกรรมและพัฒนาพันธุ์พริกลูกผสม ชั่วที่ 1 โดยใช้ยีนเกสรเพศผู้เป็นหมัน การศึกษาหาปริมาณการใช้น้ำของข้าวฟ่างหวานพันธุ์สุพรรณบุรี 1 (ปีที่ 2) การใช้วัสดุเหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรมและพืชอาหารที่มีศักยภาพสูงเป็นแหล่งเยื่อใยในรูปผนังเซลล์ เพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตด้วยต้นทุนต่ำสำหรับการเลี้ยงโคนมในภูมิอากาศร้อนชื้น อิทธิพลของวันปลูก ต่อผลผลิตต้นสดและลักษณะทางการเกษตรของข้าวฟ่างหวาน การหมักข้าวฟ่างหวานแบบกะและแบบกึ่งกะโดยใช้ Alcaligenes latus เพื่อผลิตสารไบโอโพลีเมอร์พีเอชเอ (โพลีไฮดรอกซีอัลคาโนเอท)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก