สืบค้นงานวิจัย
การประยุกต์ใช้เจลาตินจากเกล็ดปลาผสมเส้นใยธรรมชาติเพื่อผลิตกระดาษในงานหัตถกรรม
สายสมร สุวรรณพฤกษ์ - มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
ชื่อเรื่อง: การประยุกต์ใช้เจลาตินจากเกล็ดปลาผสมเส้นใยธรรมชาติเพื่อผลิตกระดาษในงานหัตถกรรม
ชื่อเรื่อง (EN): Applier Gelatin from Scales Mixed Nature fiber for handicrafts Paper.
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สายสมร สุวรรณพฤกษ์
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ ( 1) ศึกษาการผลิตสารเคลือบเจลาตินจากเกล็ดปลาและ เปรียบเทียบคุณสมบัติทางกลคุณสมบัติทางกายภาพของกระดาษในงานหัตถกรรมที่ผลิตจากเส้นใย ธรรมชาติและเส้นใยธรรมชาติเคลือบผสานเจลาตินจากเกล็ดปลา (2) ศึกษาคุณสมบัติการเคลือบ ผสานของสารเคลือบเจลาตินจากเกล็ดปลาระหว่างเส้นใยธรรมชาติกับวัสดุธรรมชาติชนิดอื่น (3) ศึกษาแนวทางการพัฒนาลักษณะลวดลายที่ปรากฏบนกระดาษในงานหัตถกรรมเพื่อสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์หัตถกรรม การศึกษาตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 ศึกษาอัตราส่วนผสมที่เหมาะสมของสารเจลาตินจาก เกล็ดปลาต่อสารปรับปรุงคุณสมบัติ เพื่อใช้เป็นสารเคลือบกระดาษในงานหัตถกรรม โดยพบว่า อัตรา ส่วนผสมที่เหมาะสม ประกอบด้วย สารเจลาตินจากเกล็ดปลา : แป้งมันสำะหลัง : กลีเซอรีน : กรดอะซิติก : เอทานอล เท่ากับ 100 : 20 : 3 : 6: 12 โดยน้ำหนัก นำส่วนผสมสารเคลือบที่ได้ไป เคลือบบนกระดาษใยสับปะรด ด้วยวิธีการเคลือบกึ่งเงาและเคลือบเงา ผลการทดสอบคุณสมบัติทาง กลพบว่า กระดาษใยสับปะรดเคลือบกึ่งเงา และเคลือบเงามีคุณสมบัติต้านทานแรงดึงขาดและ ต้านทานแรงฉีกขาดน้อยกว่ากระดาษใยสับปะรดไม่เคลือบผิว คือมีค่าต้านทานแรงดึงขาด 1.67, 2.57 และ 2.62 กิโลนิวตันต่อเมตร ตามลำดับ และมีค่าต้านทานแรงฉีกขาด 2,119 1,577 และ 2,409 มิลลินิวตัน ตามลำดับ การทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพพบว่า กระดาษใยสับปะรดเคลือบกึ่งเงา และเคลือบเงา มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำกว่ากระดาษใยสับปะรดไม่เคลือบผิว คือ มีค่าการดูดซึมน้ำ 83.4. 85.4 และ 2.13 วินาทีต่อน้ำ 0.1 ลูกบาศก์เซนติเมตร ตามลำดับ และกระดาษใยสับปะรดเคลือบกึ่ง เงา และเคลือบเงา มีค่าความมันวาวมากกว่ากระดาษใยสับปะรดไม่เคลือบผิว คือ มีค่าความมันวาว ร้อยละ 64.1 , 94.8 และ 3.27 ตามลำดับ การศึกษาตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 นำสารเคลือบเจลาตินจากเกล็ดปลาเคลือบผสานระหว่าง กระดาษใยสับปะรดกับวัสดุธรรมชาติ 2 ชนิด คือ โครงร่างใบยางพาราและใบเฟื่องฟ้า ทำการทดสอบ แรงยีดระหว่างชั้น พบว่ากระดาษใยสับปะรดที่ยึดติดกับโครงร่างใบยางพารา มีค่าแรงยึดระหว่างชั้น 467 จุลต่อตารางเมตร ซึ่งมากกว่ากระดาษใยสับปะรดที่ยึดติดกับใบเฟื่องฟ้าที่มีค่าแรงยึดระหว่างชั้น 154 จูลต่อตารางเมตร สรุปได้ว่าสารเคลือบเจลาตินจากเกล็ดปลาสามารถเคลือบผสานวัสดุธรรมชาติ ที่พื้นผิวมีลักษณะเป็นรูพรุน ได้ดีกว่าวัสดุธรรมชาติที่พื้นผิวมีลักษณะทึบ เรียบเนียน การศึกษาตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 3นำสารเคลือบเจลาตินจากเกล็ดปลาไปสร้างสรรค์การ เคลือบให้ปรากฎเป็นลวดลายต่าง ๆ บนกระดาษใยสับปะรด โดยนำตัวอย่างที่ได้ 12 รูปแบบ จาก 4 แนวทาง ไปสอบถามความพึงพอใจของผู้บริโภคจำนวน 200 คน พบว่า 1) ความพึงพอใจของ ผู้บริโภคที่มีต่อลักษณะลวดลายที่ปรากฏบนกระดาษใยสับปะรดเคลือบเจลาตินจากเกล็ดปลารูปแบบ ต่าง ๆ พบว่ารูปแบบ E และ L มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด รูปแบบ A, B, C, D, F, G, H และ K มีความพึงพอใจในระดับมาก รูปแบบ แ และ มีความพึงพอใจในระดับปานกลางและไม่มีรูปแบบใด เลยที่ผู้บริโภคมีความพึงพอใจในระดับน้อย และน้อยที่สุด 2 ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อการนำ สารเคลือบเจลาตินจากเกล็ดปลาเคลือบบนกระดาษใยสับปะรด ตามแนวทางการเคลือบทั้ง 4 แนวทาง พบว่าแนวทางที่ 2 (เคลือบเฉพาะจุดบนวัสดุธรรมชาติ) มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด แนวทางที่ 3 (เคลือบเจลาตินเป็นลวดลายเพียงอย่างเดียว) แนวทางที่ 1 (เคลือบเจลาตินทั้งแผ่น และตกแต่งลายด้วยวัสดุธรรมชาติ) และแนวทางที่ 4 (เคลือบเจลาตินเป็นลวดลาย และตกแต่งด้วย วัสดุธรรมชาติ มีความพึงพอใจในระดับมาก และไม่มีแนวทางใดเลยที่ผู้บริโภคมีความพึงพอใจใน ระดับปานกลาง ระดับน้อย และน้อยที่สุด
บทคัดย่อ (EN): The objectives of this study were to (1) explore the appropriate combination of gelatin from fish scales and other substances to produce a coating suitable for handicraft paper made from natural fiber and compare the mechanical properties and the physical characteristics of the coated paper with those of non-coated handicraft paper, (2) compare the bonding property of the coated paper when affixed to two types of natural materials, and (3) study ways to create patterns based on the coated paper to improve the paper handicraft. As for objective (1), the appropriate combination of the gelatin and other substances to produce the required coating for handicraft paper made from pineapple fiber was gelatin (100 g) : cassava flour (20 g) : glycerin (3 g) : acetic acid (6 g) and ethanol (12 g) in volume. A semi- glossy coating was used with a set of paper and a glossy coating was used with another set of paper. Then three kinds of paper - the semi-glossy paper, the glossy paper and the non-coated paper - were tested for their mechanical properties. It was found that the tensile strength at the break of the first and the second kind of paper was lower than that of the third kind. Their values were 1.67, 2.57 and 2.62 kilo-newtonsper meter, respectively, while the tear resistance of the three kinds of paper was 2,199, 1,577, and 2,409 millinewtons, respectively. According to the test of their physical characteristics, the ability to absorb water of the semi- glossy paper and that of the glossy paper were lower than that of the non-coated paper. Their values were 83.4, 85.4 and 2.13 seconds per 0.1 cubic centimeter of water, respectively. However, the luster values of the semi-glossy paper and the glossy paper were higher than that of the non-coated paper. They were 64.1, 94.8 and 3.27, respectively. As for objective (2), the gelatin was coated on paper made from pineapple fiber and the paper was affixed to two kinds of natural material that were transparent rubber leaves (there were only vascular bundles on the leaves) and the leaves of the paper flower (Boungainvillea). The test of the bonding property between the layers of these two materials revealed that the bonding property between layers of the paper and the rubber leaves was higher than that of the paper and the paper flowers leaves. The former was 467 joules/m2 while the latter was 154 joules/m2. It can be concluded that the gelatin bonds better with a natural material with a porous surface than a natural material with an opaque, smooth surface. As for objective (3), gelatin was used to create patterns on the paper. Twelve patterns were created based on four methods and 200 consumers were asked to choose the one they liked best. It was found that patterns E and L were ranked the most satisfactory followed by patterns A, B, C, D, F, G, H and K. Patterns I and J were ranked average. In terms of the four coating methods, the consumers ranked the second method (coating on certain areas of the paper) the most preferable while the third method (creating patterns by using gelatin), the first method (coating paper with gelatin and decorating patterns with natural materials) and the fourth method (creating patterns by using gelatin and decorating them with natural materials) were ranked high.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
คำสำคัญ: กระดาษในงานหัตถกรรม
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การประยุกต์ใช้เจลาตินจากเกล็ดปลาผสมเส้นใยธรรมชาติเพื่อผลิตกระดาษในงานหัตถกรรม
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
30 กันยายน 2557
การผลิตกระดาษปราศจากเคมีจากเศษเหลือชีวมวลจากปาล์มน้ำมัน การผลิตเจลาตินจากแมงกะพรุน การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเจลาตินจากเกล็ดปลานิล การผลิตกระดาษเชิงหัตถกรรมจากเยื่อใบหว้า การพัฒนากระดาษจากใบอ้อยด้วยมือแบบไทยเพื่องานหัตถกรรมและบรรจุภัณฑ์ การผลิตเจลาตินจากเกล็ด และผลพลอยได้ของปลาตะเพียนจากอุตสาหกรรมปลาส้มและ การนำไปใช้ประโยชน์ ความชุกชุมของปลาบริเวณปะการังเทียม จังหวัดนราธิวาส การผลิตกระดาษแบบพื้นบ้านจากเยื่อเศษกระดาษที่ใช้แล้วผสมกับเยื่อจากเศษเหลือทางการเกษตรโดยใช้เฟรมทำกระดาษลักษณะเฉพาะ นวัตกรรมกระเบื้องหลังคาซีเมนต์เส้นใยธรรมชาติผสมเศษยาง แผนงานวิจัยและพัฒนาเส้นใยธรรมชาติอื่นที่มิใช่ไหมกินใบหม่อน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก