| บทคัดย่อ: |
เป้าหมายของการศึกษานี้ เพื่อพัฒนาสูตรสารเสริมกระตุ้นภูมคุ้มกันและพลังงานแบบเร่งด่วนสำหรับสุกร (Immunostimulant supplements and instant energy for pigs; IEP) จากแหล่งของกรดไขมันสายกลาง (medium chain fatty acids; MCFAs) สำหรับสุกรแรกเกิด และสุกรหย่านมใหม่ โดยการปั๊มปากสุกร สูตร IEP1 เป็นส่วนผสมของน้ำกลั่น 40% + Tween80 + BHT + น้ำมันผสมจากน้ำมันเมล็ดในปาล์ม เพื่อใช้เป็นแหล่งของ MCFAs และ lauric acid ร่วมกับน้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันรำข้าว เพื่อเป็นแหล่งของ linoleic acids และ linolenic acids, IEP2 = IEP1+ Immunobiotic (IM), IEP3 = IEP1+IM+Vitamin A, D, E + Glutamine + Arginine และ IEP4 = IEP1 + Vitamin A, D, E + Glutamine + Arginine
การทดลองที่ 1.1 ทดสอบในลูกสุกรแรกเกิดจำนวนมากกว่า 900 ตัวจากแม่สุกร 90 แม่ ที่มีลำดับท้อง ที่ 3-4 ของฟาร์มสุกรเขาน้ำสุด บริษัทเบทาโกรเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด จังหวัดพิษณุโลก โดยแบ่งสุกรออกเป็น 6 กลุ่มทดลอง รวมกลุ่มควบคุม (Con.1) ซึ่งใช้ลูกสุกรประมาณ 150 ตัวต่อกลุ่ม ตามแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด (Completely randomized design; CRD) ลูกสุกรในครอกเดียวกันถูกจัดเข้ากลุ่มทดลองเดียวกันทุกตัว โดยสุกรครอกใดครอกหนึ่งถูกสุ่มปั๊มสิ่งทดลองดังต่อไปนี้ ได้แก่ น้ำกลั่น IEP1-IEP4 ยกเว้นกลุ่มควบคุม (Con.1) ในปริมาณ 3.5 มล./โด๊ส จำนวน 3 ครั้งได้แก่ 1, 12 และ 24 ชั่วโมงหลังเกิด เปรียบเทียบกับกลุ่ม Con1. ที่ไม่มีการปั๊มสารใดๆ การประเมินประสิทธิภาพการผลิต ได้แก่ น้ำหนักเพิ่ม อัตราการเจริญเติบโต (Average daily gain; ADG) ที่อายุ 3 วัน และ 7 วัน โดยแบ่งลูกสุกรออกเป็น 5 กลุ่ม ตามน้ำหนักแรกเกิด ได้แก่ กลุ่มที่น้ำหนักน้อยกว่า 1.20, 1.20-149, 1.50-1.80 ก.ก. มากกว่า 1.80 ก.ก. และเฉลี่ยสุกรแรกเกิดทุกน้ำหนัก หลังจากนั้น ทำการคัดเลือกสูตรที่ให้ผลตอบสนองต่อตัวชี้วัดที่ดีที่สุด 2 สูตร กำหนดให้เป็น IEPx และ IEPy เพื่อศึกษาต่อในการทดลองที่ 1.2 เพื่อหาปริมาณโด๊สที่เหมาะสม โดยศึกษาในลูกสุกรมากกว่า 750 ตัว ที่มาจากแม่สุกรลำดับท้องที่ 1-6 จำนวน 75 แม่ แบ่งเป็น 5 กลุ่มทดลอง ได้แก่ กลุ่มควบคุม (Control) ไม่มีการปั๊มปาก และกลุ่มที่ปั๊มปากด้วย IEPx 2.5 และ 5.0 มล./โด๊ส IEPy 2.5 และ 5.0 มล./โด๊ส โดยให้ชื่อกลุ่มทดสอบว่า IEPx2.5, IEPx5.0, IEPy2.5 และ IEPy5.0 ตามลำดับ การประเมินประสิทธิภาพการผลิตเช่นเดียวกับการทดลองที่ 1.1. นอกจากนี้ยังมีการประเมินสัณฐานวิทยาของผนังเยื่อบุลำไส้เล็ก และการแสดงออกของยีนที่ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันได้แก่ IFN- β, IFN- γ และ IL-12β ในตัวอย่างเลือด ลำไส้เล็ก และม้าม
การทดลองที่ 2.1 ศึกษาในสุกรหย่านมจำนวน 108 ตัว โดยแบ่งกลุ่มทดลองเป็น 6 กลุ่ม ได้รับสิ่งทดลอง เช่นเดียวกับการทดลองที่ 1.1 โดยน้ำกลั่น และ IEP ทั้ง 4 สูตร ในปริมาณ 3.5 มล./โด๊ส ปั๊มปากสุกรหย่านมใหม่ 3 ครั้ง ภายใน 1 ชั่วโมงหลังหย่านม และที่ 12 และ 18 ชั่วโมง หลังหย่านม เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่มีการปั๊มปาก (Con.1) ตามแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด ประเมินประสิทธิภาพการผลิตได้แก่ ADG ปริมาณอาหารที่กินต่อวัน และประสิทธิภาพการใช้อาหาร เป็นระยะเวลา 28 วัน หลังจากนั้น ทำการคัดเลือกสูตรที่ให้ผลตอบสนองต่อตัวชี้วัดที่ดีที่สุด 2 สูตร กำหนดให้เป็น IEPx และ IEPy เพื่อศึกษาต่อในการทดลองที่ 2.2 เพื่อหาปริมาณโด๊สที่เหมาะสม โดยศึกษาในสุกรหย่านมจำนวน 120 ตัว โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่มทดลอง ได้แก่ กลุ่มควบคุม (Control) ที่ไม่มีการป๊มปาก และกลุ่มที่ปั๊มปากด้วย IEPx 2.5 และ 5.0 มล./โด๊ส IEPy 2.5 และ 5.0 มล./โด๊ส โดยให้ชื่อกลุ่มทดสอบว่า IEPx2.5, IEPx5.0, IEPy2.5 และ IEPy5.0 ตามลำดับ การประเมินประสิทธิภาพการผลิตเช่นเดียกับการทดลองที่ 2.1 นอกจากนี้ยังมีการประเมินสัณฐานวิทยาของผนังเยื่อบุลำไส้เล็ก และการแสดงออกของยีนที่ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันได้แก่ IFN- β, IFN- γ และ IL-12β ในตัวอย่างเลือด ลำไส้เล็ก และม้าม
ค่าตัวชี้วัดด้านประสิทธิภาพการผลิตที่ตอบสนองต่อสิ่งทดลองมากที่สุด ในการทดลองที่ 1.1 ได้แก่สุกรกลุ่มที่ได้รับ IEP2 รองลงมาได้แก่ IEP3 และ IEP1 ตามลำดับส่วนในการทดสอบในสุกรหลังหย่านมที่ปั๊มปากด้วย IEP1, IEP2 และ IEP3 มีค่าตัวชี้วัดด้านประสิทธิภาพการผลิตที่ตอบสนองต่อสิ่งทดลองเท่ากัน ดังนั้นเพื่อคัดเลือก IEP 2 ชนิด เพื่อนำไปทดลองต่อในการทดลองที่ 1.2 และ 2.2 เพื่อหาโด๊สที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งได้แก่ IEP1 และ IEP2 เนื่องมาจากต้นทุนของต้นแบบผลิตภัณฑ์ IEP1, IEP2 และ IEP3 คือ 177, 305 และ 460 บาทต่อลิตร ตามลำดับ หลังจากที่คำนวนศักยภาพเชิงต้นทุนของประสิทธิภาพการผลิตที่ได้ เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม พบว่า IEP2 มีศักยภาพเชิงต้นทุนสูงที่สุด (101.53) ตามมาด้วย IEP1 (67.24) และ IEP3 (36.23) มีศักยภาพเชิงต้นทุนต่ำสุด ดังนั้นจึงเลือก IEP1 และ IEP2 เพื่อทดสอบระดับการใช้ที่เหมาะสมในการทดลองที่ 1.2 และ 2.2 โดยกำหนดให้เป็น IEPx (IEP1) และ IEPy (IEP2)
ผลการทดลอง 1.2 ในสุกรดูดนม ด้านตัวชี้วัดสัณฐานวิทยาของเยื่อบุผนังลำไส้เล็ก พบว่า กลุ่ม IEPy2.5 และ IEPy5.0 ให้การตอบสนองสูงที่สุด ส่วนการตอบสนองของยีนภูมิคุ้มกัน พบว่า IEPx5.0 และ IEPy5.0 ให้การตอบสนองสูงที่สุด สำหรับผลการตอบสนองต่อตัวชี้วัดทุกตัว เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม ที่มีการตอบสนองเพียง 2 ตัวชี้วัด เทียบค่าให้เท่ากับ 100 เปอร์เซ็นต์ ผลการทดลองพบว่าความถี่ของตัวชี้วัดที่ตอบสนองต่อ IEPy2.5, IEPx2.5 และ IEPy5.0 ค่าตอบสนอง 18, 17, 13 และ 6 ตัวชี้วัด ตามลำดับ มีค่าคิดเป็น 800, 750, 550 และ 200 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ซึ่งมากกว่ากลุ่มควบคุม ดังนั้นจะพบว่า IEPy2.5 สำหรับสุกรแรกเกิดให้ผลดีที่สุด หลังจากที่คำนวนศักยภาพเชิงต้นทุนของประสิทธิภาพการผลิตที่ได้ เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม พบว่า IEPx2.5 (564.76) มีศักยภาพเชิงต้นทุนสูงที่สุด ตามมาด้วย IEPy2.5 (349.65) IEPx5.0 (207.08) และ IEPy5.0 (77.64) มีศักยภาพเชิงต้นทุนต่ำสุด
ผลการทดลอง 2.2 ในสุกรหย่านม ด้านตัวชี้วัดสัณฐานวิทยาของเยื่อบุผนังลำไส้เล็ก พบว่ากลุ่ม IEPx5.0, IEPy2.5 และ IEPy5.0 ให้การตอบสนองสูงที่สุด ส่วนการตอบสนองของยีนภูมิคุ้มกัน พบว่า IEPx2.5 ให้การตอบสนองสูงที่สุด สำหรับผลการตอบสนองต่อตัวชี้วัดทุกตัว เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม ที่มีการตอบสนองเพียง 3 ตัวชี้วัด เทียบค่าให้เท่ากับ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งพบว่ากลุ่มที่ได้รับ IEPy2.5 มีค่าการตอบสนองของประสิทธิภาพการผลิต 8 ตัวชี้วัดซึ่งเท่ากับ 266.67 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งดีกว่ากลุ่มควบคุม รวมทั้งกลุ่มที่ได้รับ IEPx2.5, IEPx5.0 และ IEPy5.0 มีค่าการตอบสนองของประสิทธิภาพการผลิต 7 ตัวชี้วัดเท่ากัน ซึ่งเท่ากับ 233.33 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่า IEPy2.5 ให้ประสิทธิภาพดีที่สุดสำหรับสุกรหย่านมใหม่
จากการประเมินศักยภาพเชิงต้นทุนของผลิตภัณต์ต้นแบบ IEP จากโด๊สเฉลี่ยของทั้งสองการทดลองได้แก่ การทดลองที่ 1 และ 2 ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพของ IEPx จะน้อยกว่า IEPy 69 % แต่เนื่องจากต้นทุน IEPx ที่ถูกกว่า (177 Baht/L) IEPy (305 Baht/L) ดังนั้นจึงทำให้ IEPx มีค่าประสิทธิภาพเชิงต้นทุนที่มากกว่า IEPy แต่อย่างไรก็ตาม ต้นทุน IEPy ที่แพงกว่า เนื่องมาจากมีส่วนผสมของสาร immunobiotic ซึ่งยังคงมีราคาที่สูงอยู่ แต่ถ้ามีการนำมาใช้ในปริมาณมากในระดับการผลิตแบบอุตสาหกรรม อาจจะสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกลง ซึ่งจะต้องผลิต IEPy ให้มีต้นทุนต่อลิตรที่แพงกว่า IEPx ไม่เกิน 27.12 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะให้ศักยภาพเชิงต้นทุนเทียบเท่าหรือดีกว่า IEPx แต่อย่างไรก็ตาม การประเมินค่าประสิทธิภาพของตัวชี้วัดในงานวิจัยนี้ ประเมินในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในสุกรดูดนมอายุแค่ 7 วัน และสุกรหลังหย่านมเป็นเวลา 42 วัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ประสิทธิภาพที่ดีกว่าของสุกรที่ได้รับ IEPy จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอดระยะการเลี้ยงจนกระทั่งถึงระยะส่งตลาด ซึ่งจะเป็นส่วนที่ดีกว่าของ IEPy ด้านประสิทธิภาพในระยะยาว ที่ยังไม่ได้มีการประเมินศัยภาพเชิงต้นทุนในการศึกษานี้
จากการศึกษาระยะเวลาการเก็บรักษา ของต้นแบบผลิตภัณฑ์ IEPy ที่บรรจุในบรรจุภัณฑ์ขวดพลาสติกทึบในสภาพใกล้เคียงสุญญากาศและปลอดเชื้อ สามารถเก็บรักษาในที่อุณหภูมิ 4oC ถึง 40oC เป็นระยะเวลา 16 สัปดาห์ |
| บทคัดย่อ (EN): |
The goal of this study was to develop the best formulas of immunostimulant supplements and instant energy for pigs (IEP) from medium chain fatty acids (MCFAs) for newborn piglets and weanling pigs by oral administration. IEP1 formula was formulated based on 40% ddH2O+Tween80+BHT+ mixing oil from palm kernel oil (PKO) as the source of MCFAs and lauric acid, including soybean oil and rice bran oil as sources of linoleic acids and linolenic acids. IEP2 was IEP1 + Immunobiotic (IM), IEP3 was IEP1+IM+Vitamin A, D, E + Glutamine + Arginine and IEP4 was IEP1+Vitamin A, D, E + Glutamine + Arginine.
In experiment 1.1, more than 900 Duroc x (Large x Large White) newborn piglets from 90 sows at parity 3 to 4 of Betagro Agro Industry Co., Ltd. Farm at Phitsanulok province. There were divided into six experimental groups (including one control group) with approximately 150 piglets per group using Completely randomized design (CRD) by all the pigs in the same litter were assigned in experimental groups. One of the litters was randomly oral administration to any distilled water (Con.2 ddH2O) or IEP1-IEP4 in three doses of 3.5 ml/dose at 1, 12 and 24 hrs. except for the control group (Con1) after birth compared with the control group (Con.1) without any oral administration. The evaluation of production efficiencies such as body weight gain and average daily gain (ADG) at 3 and 7 days old, which separated into five groups based on birth weight including the birth weight less than 1.20, 1.20-149, 1.50-1.80 kg., more than 1.80 kg and an average of every birth weight.
After that, the best of two IEP (IEPx and IEPy) formula were selected for further study in experiment 1.2 to find the suitable dose in more than 750 newborn piglets from 75 sows at parity 1 to 6. There were divided into five groups that were the control group without oral administration and with 2.5 and 5.0 ml/dose of IEPx and IEPy, namely IEPx2.5, IEPx5.0, IEPy2.5 and IEPy5.0, respectively. The evaluation of production efficiency was evaluated as Exp.1.1. The experiment's blood parameters, intestinal morphology, and immune gene expression of IFN- β, IFN- γ and IL-12β (in blood, small intestine and spleen) were evaluated in this experiment.
Experiment 2.1, one hundred and eight of weaning pigs were orally administered with any distilled water (Con.2 ddH2O) or IEP1-IEP4 (the same formula as experiment 1.1) in three doses of 3.5 ml/dose at 1, 12 and 18 hrs. after weaning compared with the control group (Con.1; without oral administration) using CRD. Productive performance such as ADG, average daily feed intake (ADFI) and feed efficiency (FE) were evaluated for 28 days. After that, the best of two IEP (IEPx and IEPy) were selected for further study in experiment 2.2 to find the suitable dose in 120 weaning pigs, which were divided to 5 groups as follow: the control group without oral administration and with 2.5 and 5.0 ml/dose of IEPx and IEPy namely IEPx2.5, IEPx5.0, IEPy2.5 and IEPy5.0, respectively. They were separated into five groups. Productive performances were evaluated as the same in experiment 2.1 for 42 days of the experimental period. Blood parameters, intestinal morphology and immune gene expression of IFN- β, IFN- γ and IL-12β (in blood, small intestine and spleen) of the experimental were evaluated in experiment 2.2.
The most response productive parameters in experiment 1.1 were found in a group of piglet oral administered with IEP2 following with IEP3 and IEP1, respectively. For weanling pig trial in experiment 2.1 was found the best response parameters in groups of pigs’ orals administered with IEP1, IEP2 and IEP3 with the equal number of the most response productive parameters. Due to the cost of the prototype of the product for IEP1, IEP2 and IEP3 were 177, 305 and 460 Baht per liter, respectively. After the calculation of cost-effectiveness using a comparison of received production performance with the control and cost of product prototype, the IEP2 has the highest potential of cost-effectiveness (101.53), following with IEP1 (67.24) and IEP3 (36.23), respectively. Therefore, the selected IEP were IEP1 and IEP2 were used for testing the level of dose for orally administered to the pigs in experiments that 1.2 and 2.2, namely IEPx (IEP1) and IEPy (IEP2).
The result of experiment 1.2, for intestinal morphology parameters, found the IEPy2.5 and IEPy5.0 had the highest response. Including IEPx5.0 and IEPy5.0 had the highest of immune gene expression parameters response in this experiment. All parameters showed that as a percentage of response performances were better in the piglet oral administered with IEP than the control, which had a frequency of 2 response parameters (100%). It was found that the frequency of response parameters in the group IEPy2.5, IEPx2.5, IEPx5.0 and IEPy5.0 had 18, 17, 13 and 6 response parameters, respectively and better than the control group at 800 750, 550 and 200 percent, respectively. Therefore, it found that IEPy2.5 had the best response performances of suckling piglets. After the calculation of cost-effectiveness using a comparison of received response production performance compared with the control and cost of the product prototype. IEPx2.5 was the most cost-effectiveness (564.76) following with IEPy2.5 (349.65), IEPx5.0 (207.08) and IEPy5.0 (77.64), respectively.
The result of experiment 2.2, for intestinal morphology parameters, found the IEPx5.0, IEPy2.5 and IEPy5.0 had the highest response. For IEPx2.5 had the highest of immune gene expression parameters response in this experiment. For all parameters, an evaluation showed that the response performance parameters of weaning pigs compared as a percentage with the control when the control had three response performance parameters (100%). The IEPy2.5 group had eight response parameters and better (266.67%) than the control, following with IEPx2.5, IEPx5.0 and IEPy5.0, which had seven response parameters with 233.33% response performance compared with the control group. Therefore, it confirmed that IEPy2.5 is the best performance for weanling pigs.
Base on the cost-effectiveness of the IEP prototype, compared between IEPx and IEPy at average effective dose (3 ml/dose) form experiments 1.1, 1.2, 2.1 and 2.2. Although IEPx will be 69 % less productive than IEPy, however a cheaper cost (177 Baht/L) of IEPx than IEPy (305 Baht/L). Therefore, it results from IEPx had the lowest of cost-effectiveness. However, the IEPy cost is more expensive due to the price of immunobiotic substances are still high, if they are used in large quantities for industrial production scale, it may be purchased at a lower price. This must produce the production cost of IEPy per liter, not more 27.12 % expensive than IEPx to make cost-effective performance worthwhile. However, the assessment from this research is to assess the production effectiveness of the suckling pigs only seven days old and weaning pigs only for 42 days. The efficiency of the production of the pigs will undoubtedly increase until the market weight of the pig, which will be the definite advantage of IEPy for long term efficiency that has not yet been evaluated for cost-effectiveness in this study.
The shelf-life study for IEPy prototype product was packaged in a robust plastic container packaging in a nearby vacuum, and noninfectious conditions could be maintained at the temperature of 4oC to 40oC for 16 weeks. |
