สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาวัสดุปลูกกล้วยไม้สกุลหวายตัดดอกร่วมกับเทคโนโลยีทางปุ๋ย อินทรีย์ชีวภาพจากวัสดุอินทรีย์ในท้องถิ่น
ธีระยุทธ นาคแดง - มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาวัสดุปลูกกล้วยไม้สกุลหวายตัดดอกร่วมกับเทคโนโลยีทางปุ๋ย อินทรีย์ชีวภาพจากวัสดุอินทรีย์ในท้องถิ่น
ชื่อเรื่อง (EN): Development on Soil Media Materials for Orchid Production Integrated with Organic Fertilizer Technology from Local Organic Material)
บทคัดย่อ: การศึกษาชนิดวัสดุปลูก, ปุ๋ยน้ำหมักอินทรีย์ในท้องถิ่น และวิธีการผสมใช้ต่อการเจริญเติบโตกล้วยไม้สกุลหวายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นการวางแผนแบบ Facterial Arrangement in CRD(Complete Randomized Design) 3 Replications ผลการศึกษาพบว่า การใช้แกลบดำทำให้ไม้สกุลหวายตายน้อยที่สุด รองลงมาได้แก่เปลือกถั่วลิสง ขุยมะพร้าว กากขี้อ้อย เศษกระดาษ แกลบดิบ เปลือกถั่วเหลือง ขณะที่การใช้ปุ๋ยน้ำหมักปลาหอยทำให้ไม้สกุลหวายขนาดเล็กตายมากที่สุด รองลงมาได้แก่ หญ้าหมัก ผักผลไม้ ขยะครัวเรือนหมักและสมุนไพรหมัก การใช้แกลบดิบและเปลือกถั่วเหลืองทำให้น้ำหนักต้นและรากไม้สกุลหวายน้อยที่สุด ส่วนขุยมะพร้าวและแกลบดำส่วนปุ๋ยน้ำหมักปลาหอยทำให้น้ำหนักไม้สกุลหวายมากที่สุด และขยะครัวเรือน ให้ต่ำสุด วิธีการใช้ปุ๋ยน้ำหมักอย่างเดียว มีการแตกหน่อและน้ำหนักต้นเพียง 3.7 หน่อต่อกอ และ 5.4 กรัม/กอ แต่เมื่อมีการใช้ผสมกับสูตรแร่ธาตุอาหาร A, B และ C มีผลทำให้การแตกหน่อเพิ่มขึ้นเป็น 4.8, 5.5 และ 6.7 ซม. ตามลำดับ และ น้ำหนักต้นเพิ่มขึ้นเป็น 37.9, 44.4 และ 47.8 กรัม/กอ ตามลำดับ ชนิดของวัสดุปลูกและอัตราที่เหมาะสมของดินอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโตของกล้วยไม้สกุลหวาย เป็นการวางแผนการทดลองแบบ CRD มี 2 การทดลองย่อย คือ การใช้ถ่านและอิฐเป็นวัสดุปลูก โดยมี 5 ตำรับคือ อัตราของดินอินทรีย์ผสม อัตรา 0 % 25 % 50 % 75 % 100 % ของพื้นที่ผิวปลูก ผลการศึกษาพบว่าการใช้ถ่านเป็นวัสดุปลูกมีแนวโน้มทำให้กล้วยไม้เจริญเติบโตมากกว่าการใช้อิฐ การใช้ดินอินทรีย์ผสมในอัตราที่ 50 % และ 75 % ของพื้นที่ผิวกระถาง ทำให้การเจริญเติบโตและจำนวนช่อดอก มากกว่าการใช้อัตราที่ 25 % และ 100 % เทคนิคการใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสำหรับกล้วยไม้สกุลหวาย เป็นการวางแผนทดลองแบบ CRD 9 ซ้ำ แบ่งการทดลองเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) กล้วยไม้เล็ก อายุ 3 เดือน 2)กล้วยไม้ใหญ่ อายุ 2 ปีขึ้นไป โดยมี 4 ตำรับคือ 1) ไม่ใส่ปุ๋ย (Control) 2)ฉีดพ่นทุกวัน 3)ฉีดพ่น 3วันครั้ง 4)ฉีดพ่น 5วันครั้ง ผลการศึกษาพบว่า การใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำพ่นทุกๆ 1 วันและ 3 วันกับกล้วยไม้เล็กจะส่งผลดีต่อความเจริญเติบโตมากที่สุด และการใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำพ่นทุกๆวันมีผลทำให้การออกดอกมากทีสุด
บทคัดย่อ (EN): Various substrate cultures and bio-extracted fertilizers were introduced for a research study on the response of dendrobium orchid under factorial arrangement in CRD (completely randomized design) with 3 replications. This research finding showed that the maximum survival rate of dendrobium orchid was found when grown on black-burned rice husk and then decreased respectively when grown on peanut husk, coconut fluff, sugarcane bagasse, paper debris, rice husk, and soybean husk. Among various sources of bio-extracted fertilizers gained from local materials, it was found that bio-fertilizer extracted from herbal plants showed the maximum survival rate of dendrobium orchid and then decreased respectively when applied those of domestic rubbish, mixing vegetables and fruits, grasses, mixing fish and shells. Focusing on stem and root weight, effect of substrate cultures showed that the minimum value was found when grown on fresh rice husk and peanut husk while effect of bio-extracted fertilizers showed that the maximum value was found when applying bio-extract fertilizer from mixing fish and shells whereas those of domestic rubbish gave the minimum value. Applying bio-fertilizers only, gave shooting rate at 3.7 shoot/hill and hill weight at 5.4 g/hill. However, mixing bio-extracted fertilizers with mineral nutrient formula A, B, and C increased shooting rate to be 4.8, 5.5, and 6.7 shoot/hill and also increased hill weight to be 37.9, 44.4, and 47.8 g/hill, respectively. To reveal the suitable substrate cultures and the rates of applying organic soil on the growth of dendobrium orchid, a CRD with 2 sub-experiments, i.e. using charcoal and ground brick as substrate cultures, and 5 mixed organic soils 0, 25, 50, 75, and 100 percent of pot surface as treatments was performed. It was found that using charcoal gave a trend to increase orchid growth better than using ground brick while using mixed organic soils at 50 and 75 percent of pot surface increased growth rate and number of flowers better than using that of 25 and 100 percent. CRD with 9 replications was laid out again to investigate the appropriate technique of applying bio-extracted fertilizer on 3-months and more than 2-years old orchids. Four treatments of spraying, i.e. no spraying, daily spraying, 3-days spraying, and 5-days spraying were applied. The study revealed that spraying bio-extracted fertilizer every 3 and 5 days gave the maximum growth while daily spraying increased maximum flowering.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำสำคัญ: วัสดุในท้องถิ่น
เจ้าของลิขสิทธิ์: ฐานข้อมูล NRMS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาวัสดุปลูกกล้วยไม้สกุลหวายตัดดอกร่วมกับเทคโนโลยีทางปุ๋ย อินทรีย์ชีวภาพจากวัสดุอินทรีย์ในท้องถิ่น
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
30 กันยายน 2553
การพัฒนาโรงเรือนกล้วยไม้สกุลหวายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งออก การวิเคราะห์ชนิดของเม็ดสีแอนโทไซยานิน ในกล้วยไม้ป่า และกล้วยไม้ตัดดอกของไทย เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ การประดิษฐ์วัสดุฐานรองสำหรับการปลูกกล้วยไม้สกุลหวายด้วยเพอร์ไลท์และดินเอิร์ทเทนแวร์ การผลิตเอทธานอลจากวัสดุเหลือทิ้งจากกล้วย การพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและการผลิตกล้วยไม้สกุลม็อคคาร่า เทคโนโลยีการผลิตและการแปรรูปกล้วยเพื่อการค้า การพัฒนาระบบการผลิตผักสวนครัวอินทรีย์ด้วยปุ๋ยมูลไส้เดือนคุณภาพสูงในจังหวัดเพชรบูรณ์ โครงการวิจัยการจัดการคุณภาพกล้วยไม้สกุลหวายเพื่อการส่งออก ผลของการใส่ปุ๋ยต่อการเจริญเติบโตของต้นสาคู การพัฒนาปุ๋ยชีวภาพจากผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่น เพื่อสนองแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก