สืบค้นงานวิจัย
การปรับปรุงพื้นที่ดินเค็มโดยใช้แหนแดงร่วมกับโสนอัฟริกันเพื่อการปลูกข้าว
มนัสนันท์ ไชยนุรัตน์ - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การปรับปรุงพื้นที่ดินเค็มโดยใช้แหนแดงร่วมกับโสนอัฟริกันเพื่อการปลูกข้าว
ชื่อเรื่อง (EN): Improvement of salt affected by Azolla SPP with Sesbania rostrata for growing Rice
บทคัดย่อ: พื้นที่ดินเค็มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่ม การใช้ประโยชน์คือการปลูกข้าว และข้าวพันธุ์ดีที่ทนเค็มได้ก็คือ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 แต่ยังพบว่าผลผลิตที่ได้ต่อไร่ต่ำ เนื่องจากสภาพดินที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ และการจัดการปุ๋ยที่ไม่ถูกต้อง การศึกษาการปรับปรุงพื้นที่ดินเค็มโดยใช้แหนแดงร่วมกับโสนอัฟริกันเพื่อการปลูกข้าว ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาอิทธิพลของแหนแดง โสนอัฟริกัน และปุ๋ยเคมี ต่อการเจริญเติบโต การเพิ่มผลผลิต และการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีของดิน ดำเนินการในพื้นที่บ้านจอมศรี ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยวางแผนการทดลองแบบ RCBD ประกอบด้วย 8 ตำรับการทดลอง จำนวน 3 ซ้ำ ดังนี้ ตำรับที่ 1 แปลงควบคุม (ใส่ปุ๋ยเคมี 15 กิโลกรัมต่อไร่)ตำรับที่ 2 ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำ (30 กิโลกรัมต่อไร่) ตำรับที่ 3 แหนแดง 100 กิโลกรัมต่อไร่ ตำรับที่ 4 โสนอัฟริกัน 5 กิโลกรัมต่อไร่ ตำรับที่ 5 (ตำรับที่ 3 +ตำรับที่ 4) ตำรับที่ 6 (ตำรับที่ 3 +ตำรับที่ 6) ตำรับที่ 7 (ตำรับที่ 4 + ตำรับที่ 1) ตำรับที่ 8 (ตำรับที่ 5+ตำรับที่ 1) โปรแกรม Statistic 8 เปรียบเทียบความแตกต่างด้วยวิธี LSD ผลจากการศึกษา พบว่า ผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในปีการเพาะปลูกแรก (ปี 2554) ผลผลิตที่ได้อยู่ระหว่าง 584 -679 กิโลกรัมต่อไร่ และพบว่ามีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก 1589.6 มิลลิเมตร ทำให้น้ำท้วมล้นคันดิน ซึ่งมีผลต่อการละลายและเคลื่อนย้ายปุ๋ยในแต่ละตำรับการทดลอง แต่อย่างไรก็ตามพบว่าตำรับการทดลองที่ 4 (โสนอัฟริกัน 5 กิโลกรัมต่อไร่) มีแนวโน้มให้ผลผลิตมากที่สุด (679 กิโลกรัมต่อไร่) แต่ไม่แตกต่างกันทางสถิติ ส่วนในปีที่ 2 (ปี 2555) พบว่าตำรับการทดลองที่ 8 (ตำรับที่ 5+ปุ๋ยเคมี 15 กิโลกรัมต่อไร่)ทำให้ผลผลิตต่อไร่ของข้าวขาวดอกมะลิ 105 สูงที่สุดแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญยิ่งที่ระดับความเชื่อมั่น 95% จากแปลงควบคุม โดยผลผลิตที่ได้เท่ากับ 517 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนแปลงควบคุมมีค่าเท่ากับ 417 กิโลกรัมต่อไร่ แต่พบว่าทุกตำรับการทดลองไม่มีผลต่อความสูง การแตกกอ จำนวนเมล็ดต่อรวง เปอร์เซ็นต์เมล็ดดี และน้ำหนัก 100 เมล็ด และพบว่าการใช้แหนแดง 100 กิโลกรัมต่อไร่ร่วมกับโสนอัฟริกันอัตรา 5 กิโลกรัมต่อไร่ มีแนวโน้มทำให้มีน้ำหนัก 100 เมล็ดสูงที่สุด (2.98 กรัม) การเปลี่ยนแปลงสมบัติทางกายภาพของดิน พบว่า ทุกตำรับการทดลองไม่มีผลทำให้ค่าความหนาแน่นของดินรวมที่ระดับความลึก 0-15 ซม. แตกต่างกันทางสถิติ โดยตำรับการทดลองที่ 8 มีแนวโน้มให้ความหนาแน่นต่ำสุด มีค่าอยู่ระหว่าง 1.33-1.43 สมบัติทางเคมีของดิน พบว่าค่าความเป็นกรด-ด่างของดินในตำรับการทดลองที่ 7 และ 8 มีความแตกต่างกันทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95 % กับตำรับการทดลองที่ 1 โดยตำรับการทดลองที่ 7 , 8 และ 1 มีค่าเท่ากับ 6.96 6.63 และ 5.66 ตามลำดับ ส่วนในปีที่ 2 พบว่าค่าความเป็น กรด-ด่าง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกตำรับการทดลอง รวมทั้ง อินทรียวัตถุในดิน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียมทั้งสองปี พบว่ามีค่าเพิ่มขึ้นจากดินก่อนการทดลอง ยกเว้นไนโตรเจน มีค่าใกล้เคียงกับดินก่อนการทดลอง การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจพบว่าปีแรก โสนอัฟริกัน 5 กิโลกรัม./ไร่ จะให้ผลผลิตและผลตอบแทนจากการผลิตข้าวดีที่สุดเฉลี่ย เท่ากับ 8,060 บาท/ไร่ มีต้นทุนการผลิตเท่ากับ 3.13 บาท/ผลผลิตข้าว 1 กิโลกรัม ในปีที่ 2 (ปี 2555) พบว่าT8 (แหนแดง 100 กิโลกรัมต่อไร่+โสนอัฟริกัน 5 กิโลกรัมต่อไร่+ปุ๋ยเคมี 15 กิโลกรัมต่อไร่) ให้ผลผลิตข้าวสูงสุด แต่ให้?ผลตอบแทนเท่ากับ5,248 บาท/ไร่ น้อยกว่า T3 (แหนแดง 100 กิโลกรัมต่อไร่) ซึ่งให้?ผลตอบแทนสูงสุดเท่ากับ 5,375 บาท/ไร? และมีต้นทุนการผลิตต่อผลผลิตข้าว 1 กิโลกรัมต่ำสุด เฉลี่ยเท่ากับ 4.14 บาท รองลงมาคือ T5 (แหนแดง+โสนอัฟริกัน) ให้ผลตอบแทนจากการผลิตข้าวเท่ากับ 5,305 บาท/ไร่ และมีต้นทุนการผลิตต่อผลผลิตข้าว 1 กิโลกรัมเฉลี่ย เท่ากับ 4.43 บาท
บทคัดย่อ (EN): The objectives of this study were: (i) to identify the effect of applying Azolla and Sesbania and chemical fertilizers on crop growth and yield of rice in saline soil (ii) to measure its effect on soil properties such as physical and chemical characteristics. This study was established on Kula Ronghai soil serie at Chom Si village, Yangtalad district, Kalasin province. The experiment consisted of 8 treatments, i.e. T1: control(15 kg. /rai chemical fertilizer), T2: recommended rate chemical fertilizer (30 kg. /rai), T3: Azolla at the rate 100 kilograms/rai T4: Sesbania 5 kg. /rai, T5: T3+T4 , T6: T3+T1, T7: T4+T1, T8: T5+T1. A randomized complete block with 3 replicates was used in this experiment. Comparison of statistical difference by LSD method. The result found that at the first year, the estimate rice yield per rai of all treatments was 584 - 679 kg. The amount of rainfall was high during the experiment; precipitation rate was 1,589.6 mm. The experimental plots were flooded due to a big amount of rainfall. Likely, it’s affected the solubility and mobility in the fertilizer treatments. Apparently, it’s shown the highest yield in T4, 679 kilograms per rai with the no significant. The second year, T8 had the highest yield 517 kilograms per rai. By applying statistical analysis, T8 was significantly increased once compared with T1 (control). Nevertheless, all treatments did not affect the height, Good seed percentage, and 100 seeds weight but T5 had the highest 100 seeds weight (2.98 g.). Look at the effect on the physical characteristics of soil, all treatments did not effect to soil bulk density at 0-15 cm. depth. However, T8 was likely to give the lowest soil bulk density (1.33-1.43). For the effect on chemical characteristics of soil, T7 and T8 shown the highest soil pH significantly increased sensitivity compared with T1.(pH 6.96 , 6.63 and 5.66 in T7 , T8 and T1 respectively). In the second year pH of soil trend to be acicidic or alkaline all of treatments included organic matter, Phosphorus, Potassium, Calcium, and Magnesium except Nitrogen in the soil not difference from the soil before planting. The average economic return in the first year was T4 (8,060 bath/rai) and the second year was T3 (5,348 bath/rai) Although The T8 was shown the highest yield in the second year, but it wasn’t represented the best economic return.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: โสนอัฟริกัน
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การปรับปรุงพื้นที่ดินเค็มโดยใช้แหนแดงร่วมกับโสนอัฟริกันเพื่อการปลูกข้าว
กรมพัฒนาที่ดิน
30 ธันวาคม 2555
ศึกษาอัตราที่เหมาะสมของปุ๋ยเคมีอัตราแนะนำของกรมวิชาการเกษตรโดยใช้น้ำหมักชีวภาพ เพื่อเพิ่มมวลชีวภาพของแหนแดงที่ใช้เป็นปุ๋ยไนโตรเจนในการปลูกข้าว จังหวัดฉะเชิงเทรา การประยุกต์ใช้จุลินทรีย์สำหรับพืชปรับปรุงบำรุงดินเพื่อเพิ่มมวลชีวภาพของโสนอัฟริกันและผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในพื้นที่ดินเค็มน้อย คัดแยกจุลินทรีย์ไรโซเบียมทนเค็มจากโสนอัฟริกันในพื้นที่ดินเค็มจังหวัดขอนแก่น การสำรวจและศึกษารูปแบบและพันธุ์หญ้าแฝกที่ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดินเค็มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เทคโนโลยีการใช้ถ่านเพื่อปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน และเพิ่มผลผลิตข้าวขาวมะลิ 105 ภายใต้สภาพดินเค็ม ผลของการใช้ผลิตภัณฑ์สารเร่งพด.11 ต่อการเจริญเติบโต เพิ่มมวลชีวภาพโสนอัฟริกันที่มีต่อผลผลิตของข้าวที่ปลูกในพื้นที่ดินเค็ม การใช้ d-aminolevulinic acid (ALA) ในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของแหนแดงเพื่อใช้เป็นปุ๋ยพืชสดในนาข้าว การขยายพันธุ์แหนแดงโดยการใช้สปอร์ การปรับปรุงพื้นที่ดินเค็มที่มีข้าวตายเป็นหย่อม ๆ โดยใช้วัสดุอินทรีย์ วิจัยและพัฒนาจอบหมุนติดไถเดินตามเพื่อการสับกลบโสนอัฟริกัน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก