สืบค้นงานวิจัย
ความสัมพันธ์ของลักษณะทางกายภาพและปัจจัยโครงสร้างภายในเมล็ดถั่วเหลืองที่มีผลต่อปริมาณน้ำมันในเมล็ด
ปุณยวีร์ เดชครอง - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: ความสัมพันธ์ของลักษณะทางกายภาพและปัจจัยโครงสร้างภายในเมล็ดถั่วเหลืองที่มีผลต่อปริมาณน้ำมันในเมล็ด
ชื่อเรื่อง (EN): Relation of Soybean Seed’s Morphology and its Cell Fine Structure to the Oil Content
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ปุณยวีร์ เดชครอง
บทคัดย่อ: จากการรวบรวมพันธุ์/สายพันธุ์ถั่วเหลืองที่ได้จากศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่ และภาควิชาพืชไร่นา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน นำมาคัดเลือกได้พันธุ์และสายพันธุ์ถั่วเหลืองที่ใช้ในการศึกษาวิจัยทั้ง 9 พันธุ์/สายพันธุ์ โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกจากเปอร์เซ็นต์เปลือกหุ้มเมล็ดที่มีความหนา (ประมาณ 8-9 เปอร์เซ็นต์) ได้แก่ พันธุ์ สจ1, GC10981, GC10848, Kalitur และ Fort Lamy และเปอร์เซ็นต์เปลือกหุ้มเมล็ดบาง (ประมาณ 6-7 เปอร์เซ็นต์) ได้แก่ พันธุ์เชียงใหม่60, สุโขทัย3 (สท3), สจ4 และ CM9510-1 นำถั่วเหลืองทั้ง 9 พันธุ์/สายพันธุ์ ปลูก ณ แปลงปลูกพืชทดลองของฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม 2552 เก็บเกี่ยวเมล็ดถั่วเหลืองที่ระยะสุกแก่ทางสรีรวิทยาและระยะสุกแก่เก็บเกี่ยว ในแต่ละช่วงอายุการเก็บรักษามาศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบลำแสงส่องผ่าน พบว่า พันธุ์ที่มีเปลือกหุ้มเมล็ดบางจะมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีเร็วกว่าพันธุ์ที่มีเปลือกหุ้มเมล็ดหนา และเมื่ออายุการเก็บรักษาเมล็ดเพิ่มขึ้นจะพบการเสื่อมสลายขององค์ประกอบต่างๆ ภายในเซลล์เพิ่มขึ้นตามช่วงอายุการเก็บรักษา และทำการสกัดน้ำมันถั่วเหลืองทั้ง 9 พันธุ์/สายพันธุ์ ในแต่ละช่วงอายุการเก็บรักษาเมล็ด พบว่าปริมาณน้ำมันที่สกัดได้จากถั่วเหลืองแต่ละพันธุ์/สายพันธุ์ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งที่ระดับความเชื่อมั่น 0.01 เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยในทุกช่วงอายุการเก็บรักษาเมล็ด ซึ่งพันธุ์ที่ให้ปริมาณน้ำมันสูงสุด คือ พันธุ์เชียงใหม่ 60 และพันธุ์ที่ให้ปริมาณน้ำมันน้อยที่สุด คือ พันธุ์ GC10981 โดยพันธุ์เชียงใหม่ 60 ให้ปริมาณน้ำมันสูงที่สุดในช่วงอายุการเก็บรักษาเมล็ด 2 เดือน ส่วนความแตกต่างระหว่างจำนวนซ้ำที่ทำการทดลอง ช่วงอายุการเก็บรักษาเมล็ด และอิทธิพลร่วมระหว่างพันธุ์กับช่วงอายุการเก็บรักษาเมล็ดไม่มีความแตกต่างทางสถิติ ทำการวิเคราะห์หากรดไขมันในน้ำมันถั่วเหลืองทั้ง 9 พันธุ์/สายพันธุ์ ในทุกช่วงอายุการเก็บรักษาด้วยเทคนิคแก๊สโครมาโตกราฟฟี (Gas chromatography) พบกรดไขมันชนิด Methyl heptadecanoate, Methyl linoleate, Methyl pentadecanoate, Methyl 10-heptadecanoate และ Methyl stearate ในน้ำมันถั่วเหลืองที่สกัดได้จากถั่วเหลืองทุกพันธุ์/สายพันธุ์ และทุกช่วงอายุการเก็บรักษา (ยกเว้นพันธุ์ Kalitur และ CM9510-1 พบกรดไขมัน 2 ชนิด คือ Methyl heptadecanoate และ Methyl 10-heptadecanoate) และพบกรดไขมันชนิด Methyl 10-heptadecanoate และ Methyl stearate ในปริมาณมากที่สุดในบรรดากรดไขมันที่พบทั้งหมด จากการรวบรวมพันธุ์/สายพันธุ์ถั่วเหลืองที่ได้จากศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่ และภาควิชาพืชไร่นา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน นำมาคัดเลือกได้พันธุ์และสายพันธุ์ถั่วเหลืองที่ใช้ในการศึกษาวิจัยทั้ง 9 พันธุ์/สายพันธุ์ โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกจากเปอร์เซ็นต์เปลือกหุ้มเมล็ดที่มีความหนา (ประมาณ 8-9 เปอร์เซ็นต์) ได้แก่ พันธุ์ สจ1, GC10981, GC10848, Kalitur และ Fort Lamy และเปอร์เซ็นต์เปลือกหุ้มเมล็ดบาง (ประมาณ 6-7 เปอร์เซ็นต์) ได้แก่ พันธุ์เชียงใหม่60, สุโขทัย3 (สท3), สจ4 และ CM9510-1 นำถั่วเหลืองทั้ง 9 พันธุ์/สายพันธุ์ ปลูก ณ แปลงปลูกพืชทดลองของฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม 2552 เก็บเกี่ยวเมล็ดถั่วเหลืองที่ระยะสุกแก่ทางสรีรวิทยาและระยะสุกแก่เก็บเกี่ยว ในแต่ละช่วงอายุการเก็บรักษามาศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบลำแสงส่องผ่าน พบว่า พันธุ์ที่มีเปลือกหุ้มเมล็ดบางจะมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีเร็วกว่าพันธุ์ที่มีเปลือกหุ้มเมล็ดหนา และเมื่ออายุการเก็บรักษาเมล็ดเพิ่มขึ้นจะพบการเสื่อมสลายขององค์ประกอบต่างๆ ภายในเซลล์เพิ่มขึ้นตามช่วงอายุการเก็บรักษา และทำการสกัดน้ำมันถั่วเหลืองทั้ง 9 พันธุ์/สายพันธุ์ ในแต่ละช่วงอายุการเก็บรักษาเมล็ด พบว่าปริมาณน้ำมันที่สกัดได้จากถั่วเหลืองแต่ละพันธุ์/สายพันธุ์ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งที่ระดับความเชื่อมั่น 0.01 เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยในทุกช่วงอายุการเก็บรักษาเมล็ด ซึ่งพันธุ์ที่ให้ปริมาณน้ำมันสูงสุด คือ พันธุ์เชียงใหม่ 60 และพันธุ์ที่ให้ปริมาณน้ำมันน้อยที่สุด คือ พันธุ์ GC10981 โดยพันธุ์เชียงใหม่ 60 ให้ปริมาณน้ำมันสูงที่สุดในช่วงอายุการเก็บรักษาเมล็ด 2 เดือน ส่วนความแตกต่างระหว่างจำนวนซ้ำที่ทำการทดลอง ช่วงอายุการเก็บรักษาเมล็ด และอิทธิพลร่วมระหว่างพันธุ์กับช่วงอายุการเก็บรักษาเมล็ดไม่มีความแตกต่างทางสถิติ ทำการวิเคราะห์หากรดไขมันในน้ำมันถั่วเหลืองทั้ง 9 พันธุ์/สายพันธุ์ ในทุกช่วงอายุการเก็บรักษาด้วยเทคนิคแก๊สโครมาโตกราฟฟี (Gas chromatography) พบกรดไขมันชนิด Methyl heptadecanoate, Methyl linoleate, Methyl pentadecanoate, Methyl 10-heptadecanoate และ Methyl stearate ในน้ำมันถั่วเหลืองที่สกัดได้จากถั่วเหลืองทุกพันธุ์/สายพันธุ์ และทุกช่วงอายุการเก็บรักษา (ยกเว้นพันธุ์ Kalitur และ CM9510-1 พบกรดไขมัน 2 ชนิด คือ Methyl heptadecanoate และ Methyl 10-heptadecanoate) และพบกรดไขมันชนิด Methyl 10-heptadecanoate และ Methyl stearate ในปริมาณมากที่สุดในบรรดากรดไขมันที่พบทั้งหมด
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

ปุณยวีร์ เดชครอง. "ความสัมพันธ์ของลักษณะทางกายภาพและปัจจัยโครงสร้างภายในเมล็ดถั่วเหลืองที่มีผลต่อปริมาณน้ำมันในเมล็ดRelation of Soybean Seed’s Morphology and its Cell Fine Structure to the Oil Content". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2553

ปุณยวีร์ เดชครอง. "ความสัมพันธ์ของลักษณะทางกายภาพและปัจจัยโครงสร้างภายในเมล็ดถั่วเหลืองที่มีผลต่อปริมาณน้ำมันในเมล็ดRelation of Soybean Seed’s Morphology and its Cell Fine Structure to the Oil Content". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2553. Print.



TARR Wordcloud:
ความสัมพันธ์ของลักษณะทางกายภาพและปัจจัยโครงสร้างภายในเมล็ดถั่วเหลืองที่มีผลต่อปริมาณน้ำมันในเมล็ด
ปุณยวีร์ เดชครอง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2553
การประดิษฐ์กระดานนับ 100 เมล็ดสำหรับเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวและสำหรับเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง ผลของลักษณะทางกายภาพที่มีต่อการเสื่อมคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองพันธุ์/สายพันธ์ต่าง ๆ ผลของการให้ความร้อนต่อการกะเทาะเปลือกเมล็ดถั่วเหลือง การใช้ประโยชน์ของเนื้อในเมล็ดยางพาราและกากเนื้อในเมล็ดปาล์มน้ำมันเพื่อทดแทนกากถั่วเหลืองในอาหารแพะ การศึกษาลักษณะความยาวก้านใบของถั่วเหลืองที่มีความสัมพันธ์ต่อผลผลิต การคัดเลือกเชื้อราที่ติดมากับเมล็ดถั่วเหลืองเพื่อควบคุมโรคแอนแทรคโนสของถั่วเหลือง การประเมินปริมาณสาร gamma-aminobutyric acid (GABA) ในเมล็ดถั่วเหลือง และถั่วเขียวโดยใช้เทคนิค Near Infrared Spectroscopy การวิเคราะห์หาเครื่องหมายโมเลกุลบ่งชี้ลักษณะยีนต้านทานโรคเมล็ดสีม่วงในถั่วเหลือง เปอร์เซ็นต์แตกร้าวและความงอกของเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง พันธุ์ สจ 5 เมื่อผ่านกระบวนการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ สภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองของเกษตรกรผู้ร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตถั่วเหลือง ปี 2546 จังหวัดเพชรบูรณ์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair