สืบค้นงานวิจัย
ประสิทธิภาพของเกลือของกรดอินทรีย์ และสารลอริกอาร์จิเนทต่อการยับยั้งแบคทีเรียก่อโรคในระบบทางเดินอาหารในเนื้อสุกร
นางสาวพัชรี แก้วขำ - มหาวิทยาลัยทักษิณ
ชื่อเรื่อง: ประสิทธิภาพของเกลือของกรดอินทรีย์ และสารลอริกอาร์จิเนทต่อการยับยั้งแบคทีเรียก่อโรคในระบบทางเดินอาหารในเนื้อสุกร
ชื่อเรื่อง (EN): Efficacy of salts of organic acid and lauric arginate for inhibition of pathogenic bacteria in fresh pork
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาการยับยั้งการเจริญของเชื้อ Listeria monocytogenes Staphylococcus aureus Salmonella Rissen และ Esherichia coli ดว้ยสารละลายโซเดียมแลกเตท โซเดียมซิเตรท และ โซเดียมไดอะซิเตท ร่วมกับลอริกอาร์จิเนทโดยจากการทดสอบกิจกรรมการตา้นแบคทีเรียก่อโรคทั้ง 4 สายพนัธุ์ ที่แยกได้จากซากสุกรของสารละลายโซเดียมแลกเตท โซเดียมซิเตรท โซเดียมไดอะซิเตท และลอริกอาร์จิเนทในรูปแบบสารสกัดชนิดเดียวและใช้ร่วมกันโดยท าการวิเคราะห์หาค่าความเข้มข้น ต ่าสุดที่สามารถยับยั้งและท าลายแบคทีเรีย (MIC และ MBC ตามลา ดบั) ค่าดัชนีการออกฤทธิ์ร่วมกันใน การยับยั้งและท าลายแบคทีเรีย (FICI และ FBCI ตามลา ดบั) ระยะเวลาที่ใชใ้นการทา ลายแบคทีเรีย และ ผลต่อเซลล์แบคทีเรียเมื่อศึกษาด้วย Scanning และ Transmission electron microscopy (SEM และ TEM) พบว่า ค่า MBC ของสารละลายโซเดียมไดอะซิเตท และโซเดียมซิเตรทต่อแบคทีเรียก่อโรคทั้ง 4 สาย พนัธุ์ เท่ากับ 62.50 mg/ml และ ค่า MBC ของสารละลายโซเดียมแลกเตทต่อเชื้อ L. monocytogenes เท่ากับ 8.40%(v/v) นอกจากนี้ ค่า MBC ของสารละลายลอริกอาร์จิเนทต่อแบคทีเรียก่อโรคทั้ง 4 สาย พนัธุ์ เท่ากับ 32.00 ?g/ml และการใช้สารละลายเกลือของกรดอินทรีย์ร่วมกับลอริกอาร์จิเนทในการยับ ยังและท าลายแบคทีเรียก่อโรคทั้ง 4 สายพันธุ์ ออกฤทธิ์แบบเสริมกัน โดยที่ค่า Fractional bactericidal concentration index (FBCI) ของสารละลายโซเดียมไดอะซิเตทร่วมกับลอริกอาร์จิเนท (7.81 mg/ml+2.00 ?g/ml) และสารละลายโซเดียมซิเตรทร่วมกับลอริกอาร์จิเนท (15.63 mg/ml+8.00 ?g/ml) ในการยับยั้งเชื้อ L. monocytogenes เท่ากับ 0.1875 และ 0.5000 ตามลา ดบั และ S. Rissen เท่ากับ 0.3750 และ 0.05) แต่ค่าความเป็นกรด-ด่างของสารละลายเหล่านี้มีผลท าให้เนื้อสุกรมี การสูญเสียน ้าหนักภายหลังสัมผัส ระหว่างการเก็บรักษา และภายหลังท าให้เนื้อสุกมากขึ้น และเนื้อมีสี ซีดมากขึ้น ในขณะที่การไม่จุ่มสามารถควบคุมการเจริญของแบคทีเรียทั้ง 4 สายพันธุ์ และจุลินทรีย์ ทั้งหมดในเนื้อสุกรที่การเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส ไดเ้พียง วนั เช่นเดียวกันกับที่อุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส ไม่สามารถควบคุมแบคทีเรียได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังพบการสูญเสียน ้าหนักระหว่างการ เก็บรักษาและภายหลังท าให้เนื้อสุกของเนื้อสุกรกลุ่มควบคุมมีค่าเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาการเก็บที่นานขึ้น นอกจากนี้ ค่า L* ค่า PV และค่า TBARs ของเนื้อสุกรทุกกลุ่มมีค่าเพิ่มขึ้น แต่มีค่า a* ลดลงตาม ระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น (P < 0.05) แต่อย่างไรก็ตาม ค่า L* และ a* ของเนื้อสุกรภายหลังการ สัมผสัสารละลายโซเดียมแลกเตท และโซเดียมแลกเตทร่วมกับลอริกอาร์จิเนท มีค่ามากกว่าและน้อย กว่าเนื้อสุกรสดที่ไม่สัมผัสสารกับสารละลายกลุ่มอื่น (P < 0.05) ตามลา ดบั ดังนั้นจากผลศึกษาในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าการใช้สารละลายไดอะซิเตทร่วมกับลอริกอาร์จิเนท และลอริกอาร์จิเนทเพียงชนิดเดียว สามารถยืดอายุการเก็บรักษาเนื้อสุกรสดได้ทั้งที่อุณหภูมิการเก็บรักษา 4 และ 5 องศาเซลเซียส และมี ตน้ทุนต่า ที่สุด
บทคัดย่อ (EN): The objective of this study was to investigate the in vitro activities of sodium lactate, sodium citrate and sodium diacetate in combination with lauric arginate solution against Listeria monocytogenes, Staphylococcus aureus, Salmonella Rissen and Esherichia coli, isolated from pig carcasses, by determination of minimum inhibitory concentration (MIC), minimum bactericidal concentration (MBC), fractional inhibitory concentration index (FICI), fractional bactericidal concentration index (FBCI), time-kill method, Scanning and Transmission electron microscopy (SEM and TEM). The result showed that MBC of sodium diacetate and sodium citrate for 4 pathogenic bacteria were 62.50 mg/ml. MBC of sodium lactate for L. monocytogenes was 8.40% (v/v). In addition, MBC of lauric arginate for 4 pathogenic bacteria were 32 ?g/ml. The effects of salts of organic acid + lauric arginate combinations were synergistic against 4 pathogenic bacteria, exhibiting FBCIs of sodium diacetate + lauric arginate (7.81 mg/ml+2.00 ?g/ml) and sodium citrate + arginate (15.63 mg/ml+8.00 ?g/ml) of 0.1875 and 0.5000, respectively, for L. monocytogenes and 0.3750 and 0.05). The lower pH of their solutions caused the higher exudate, drip and cooking losses and discoloration. In contrast, non-dipped controlled growth of 4 pathogenic bacteria and TPC for 1 day of storage, respectively, at 4oC and uncontrolled growth of bacteria at 15oC. Furthermore, control samples were higher drip and cooking losses as storage was longer. Storage of all samples at 4 and 15oC, L*, PV and TBARs were increased but a* was decreased as storage was longer in all solution types (P < 0.05). However, L* and a* of pork dipped in sodium lactate were more increase and decrease, respectively, than those of control and other gourps. Results of this study indicate that sodium diacetate in combination with lauric arginate and laurgic arginate alone can be incorporated in fresh pork to effectively extend shelf-life at 4 and 15oC of storage and they are the lowest cost.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยทักษิณ
คำสำคัญ: ความปลอดภัยในอาหาร
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ประสิทธิภาพของเกลือของกรดอินทรีย์ และสารลอริกอาร์จิเนทต่อการยับยั้งแบคทีเรียก่อโรคในระบบทางเดินอาหารในเนื้อสุกร
มหาวิทยาลัยทักษิณ
30 กันยายน 2555
การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี สรุปชุดโครงการวิจัย การเฝ้าระวังการดื้อสารต้านจุลชีพของเชื้อแบคทีเรียและการศึกษากลไกทางเภสัชเพื่อกำหนดการใช้สารต้านจุลชีพในสัตว์น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ปีงบประมาณ 2546 - 2548 การยับยั้งแบคทีเรียบางชนิดของสารสกัดจากเห็ดป่าที่บริโภคได้ การศึกษาประสิทธิภาพของสารเสริมชีวนะ (Bacillus subtilis) ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในระบบทางเดินอาหารและผลต่อสมรรถภาพการผลิตของไก่เนื้อ อาหารบำรุงสมอง การพัฒนาตำรับแกรนูลชงละลายน้ำของสารสกัดเปลือกผลทับทิม เพื่อใช้ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในระบบทางเดินอาหาร อนาคตของอาหารโลกอยู่ในมือของคุณ ผลของโปรไบโอติกส์ Entrococcus italicus ต่อการเจริญเติบโตและระดับภูมิคุ้มกันของการทำวัคซีนโรคพีอาร์อาร์เอสและโรคมัยโคพลาสม่าในสุกร ฤทธิ์ต้านแบคทีเรียของสารสกัดดาหลา (Etlingera elatiorL.) ต่อแบคทีเรียก่อโรคในพืช การใช้เนื้อในเมล็ดปาล์มน้ำมันอบแห้งไขมันเต็มในอาหารสุกรขุน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก