สืบค้นงานวิจัย
การผลิตสตาร์ชซิเตรททนย่อยต่อเอนไซม์
สุนันทา ทองทา - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
ชื่อเรื่อง: การผลิตสตาร์ชซิเตรททนย่อยต่อเอนไซม์
ชื่อเรื่อง (EN): Production of Enzymes-Resistant Citrate Starch
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุนันทา ทองทา
บทคัดย่อ: การศึกษาสภาวะการผลิตสตาร์ชซิเตรทจากสตาร์ชมันสำปะหลังคั่วขวิธีการคัดแปรทางเคมื ไดขแช่สตาร์ชในสารละลายกรดซิตริก 20% ที่อุณหภูมิ ร0 องศาเซลเซียส เวลา 1 - 6 ชั่วโมง ก่อน นำไปให้ความร้อนที่อุณหภูมิ เร0 องศาเซลเชียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง และการดัดแปรด้วขเอนไซม์ ร่วมกับวิรี่ทางเคมึ ซึ่งเตรียมไดยการย่อยสตาร์ชด้วยเอนไซม์แอลฟ-อะไมเลสที่อุณหภูมิ รร องศา เซลเซียส เป็นเวลา 0.5 - 1 ชั่วโมง จา ากนั้นนำไปผลิตเป็นสตาร์ชซิเตรทด้วยขั้นตอนเช่นเดียวกับ วิธีการตัดแปรทางเคมี พบว่า ระยะเวลาในการแช่ในสารละลายกรดซิตริกไม่มีผลทำให้ปริมาณ RS ของสตาร์ชริเตรทแตกต่างกัน ซึ่งมีปริมาณ RS ในช่วง 68.1 - 69.4 % แต่เมื่อใช้วิธีการดัดแปร ร่วมกับเอนไซม์ พบว่าสภาวะการผลิตที่ทำให้ใด้สตาร์ชซิเตรทที่มีปริมาณ RS สูงสุด เท่ากับ 74.2 % อ ย่อยสตาร์ชตัวขเอนไซม์ เป็นเวลา 05 ชั่ไมง และจากนั้นนำไปแช่ในสารละลายกรดซิตริก เป็น เวลา 1.0 ชั่ไมง แต่เมื่อเพิ่มระซะเวลาในการย่อยด้วยเอนไซม์และระซะเวลาในการแช่ในสารละลาย กรดซิตริก ส่งผลให้สตาร์ชชิเตรทที่ได้มีปริมาณ RS ดลง (27.71%) จากผลการทดลองนี้แสดงให้ ว่าระชะเวลาในการช่อยคั่วขอนไซม์และระชะเวลาในการแช่กรดที่เพิ่มขึ้นมีผลทำให้ปริมาณน้ำตาล รีดิวซ์ของสตาร์ชที่ได้ก่อนนำไปทำปฏิกิริซาเอสเทอริฟีเคชันสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ปริมาณ RS และ ปริมาณกรดชิตริกที่เกาะเกี่ยวกับสดาร์ช (bound citric acid) ของสตาร์ชซิเตรทที่ผลิดได้ลดลง นอกจากนี้พบว่าปริมาณ RS ของสตาร์ชซิเตรทที่เกิดในช่วง 28 - 74 % ไม่มีผลต่อความหนืด การ พองตัวและการละลาขของสตาร์ชซิเตรท และสตาร์ชซิเตรทที่ผลิตได้ไม่มีคุณสมบัติในการเกิด เพสท์ การทศสอบการให้ความร้อนระบบด่ง ๆ ของสตาร์ชซิเตรทที่ได้จากสตาร์ชข้าว พบว่าการ ให้ความร้อนกับสตาร์ชข้าวชิตรทที่มี RS 72.26% คั่วขลูกกลิ้งและการนั่งมีผลทำให้ปริมาณ RS ของตัวข่างที่มีความชื้น 70% ลดลงต่ำที่สุดคือ 0.599และ 1.91% ตามลำดับ รองลงมาคือการให้ ความร้อนด้วยเตาอบที่มีการสูญเสียปริมาณ RS 44.30% ส่วนการให้ความร้อนด้วยหม้อนึ่งความดัน ไอเป็นเวล1 30 นาทีมีผลทำให้สูญเสียปริมาณ RS มากที่สุดคือ 66.97% นอกจากนี้ตัวอย่างที่ผ่านการ ให้ความร้อนไม่แสดงสมบัติการเกิดเพสท์ เช่นเตี่ยวกับตัวอย่างควบคุม ไดขลักษณะรูปร่างเม็ด สตาร์ชของสตาร์ชข้าวซิเตรทหลังผ่านการให้ความร้อนด้วยการบึ่ง ด้วลูกกลิ้ง และด้วยเตาอบ มื ลักษณะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตัวอย่างที่ผ่านการให้ความร้อนด้วยหม้อนึ่งความดันไอที่ไม่เหลือ ลักบณะครงสร้างของเน็ดสตาร์ช นอกจากนี้การให้ความร้อนที่สภาวะด่าง ๆ มีผลทำให้ตัวอย่างเกิด ผลึกแบบ Vh-type
บทคัดย่อ (EN): The resistant citrate starch (RS) production using chemical modification were studied. Tapioca starch was mixed with 20 % (w/v) citric acid solution and conditionted at 50 "C for 1 - 6 h prior to heating at 150 "C for 3 h. The cnzymatic and chemical modification was investigated. Tapioca starch was hydrolyzed with O-amylase at 55 "C for 0.5 - 1 h, and followed by chemical modification. The results showed that the resistant starch (RS) content was not aficcted by conditioning time with the range of 68.1-69.4% RS. The combined method with enzyme showed that the optimal condition for producing the highest RS content of 74.1% was hydrolyzing with enzyme for 0.5 h, then conditioning citric acid solution for 1 h. An increased in enzyme hydrolysis time and conditoioning time resulted in a lower RS content (27.1%). The results indicated that the longer hydrolysis and conditioning times affected the increased reducing sugar content while the RS content and bound citrate content were decreased. In addition, a decrease in RS content showed no cficct on pasting propertics, swelling power and solubility. Thus, the citrate starch obtained did not cxhibit pasting behavior. The cfiect of various heat treatments were carried out by drum dry, stcaming, baking and autoclaving process. The drum dry process with 70% moisture content of the sample showed the lowest loss of RS content (0.59% loss and 72.26% RS) while the stcaming processes was 1.91% loss in. Furthermore, the baking process showed 44.30% RS loss and the highest loss of 66.97% was found in the autoclaving process. Morcover, the citrate rice starch obtained from all of the heating processes showed no pasting viscosity. The granular shape of the rice citrate starch undergonc the stcaming, drum drying, and baking processes still unchanged, while it disappcared after autoclaving. These thermal processes also induced a Vh-crystalline type structure.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dric.nrct.go.th/Search/SearchDetail/290643
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
คำสำคัญ: แป้งดัดแปรทางเคมี
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การผลิตสตาร์ชซิเตรททนย่อยต่อเอนไซม์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
30 กันยายน 2556
การโคลนยีนไฟเตสทนร้อนจากแอคติโนไมซีท Thermomonospora sp. RC7 เพื่อพัฒนาการผลิตเอนไซม์ไฟเตสทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ ผลของการแช่เยือกแข็งยิ่งยวดต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติของสตาร์ชมันสำปะหลัง โครงการการพัฒนาการผลิตฟรุกโตโอลิโกแซ็กคาไรด์ผงจากน้ำเชื่อมลำไยด้วยวิธีทางเอนไซม์ อิทธิพลของแหล่งคาร์บอนต่อกิจกรรมของเอนไซม์ย่อยสลายจากเชื้อรา Trichoderma spp. การปรับปรุงกากชาด้วยเอนไซม์เพื่อใช้เป็นพรีไบโอติก การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากจมูกถั่วเหลืองโดยใช้เทคโนโลยีเอนไซม์ การศึกษาฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระและการยับยั้งเอนไซม์ collagenase ของสารสกัดจากข้าวเหนียวสังข์หยด ผลของการดัดแปรสตาร์ชกล้วยด้วยวิธีรีโทรเกรเดชันต่อปริมาณสตาร์ชที่ทนต่อการย่อยด้วยเอนไซม์และสมบัติทางรีโอโลยี การผลิต ทำบริสุทธิ์ และศึกษาคุณสมบัติของเอนไซม์กลุ่มเซลลูเลสจากแบคทีเรียในการย่อยสลายวัสดุทางการเกษตร การผลิตกลิ่นรสอุมามิจากการหมักปลายข้าวคุณภาพต่ำโดยการใช้เอนไซม์และการหมัก
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก