สืบค้นงานวิจัย
ภูมิปัญญาอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับแม่ระหว่างให้นมบุตร
ทัศนีย์ ลิ้มสุวรรณ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: ภูมิปัญญาอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับแม่ระหว่างให้นมบุตร
ชื่อเรื่อง (EN): Healthy Food Wisdom for Lactating Mother
บทคัดย่อ: งานวิจัยภูมิปัญญาอาหารสำหรับหญิงให้นมบุตรมีวัตถุประสงค์ในการศึกษาภูมิปัญญาไทยที่เกี่ยวกับอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับหญิงในระหว่างให้นมบุตรเพื่อนำมาพัฒนาตำรับอาหารสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ประสบความสำเร็จและเป็นไปตามแนวคิดของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างที่เจาะจงเลือกผู้ที่น่าจะมีความรู้ในเรื่องของภูมิปัญญาด้วยการแนะนำของคนในท้องถิ่นจำนวน 56 คนในจังหวัดเชียงใหม่ นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา และนครศรีธรรมราช ซึ่งประกอบด้วยผู้สูงอายุ ผู้นำชุมชน หมอตำแย อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังได้ศึกษาพฤติกรรมการให้นมบุตรและการบริโภคอาหารของผู้ที่เป็นแม่เพื่อประกอบการจัดทำตำรับอาหาร ด้วยการสอบถามกลุ่มหญิงที่มีบุตรอายุไม่เกิน 1 ปีที่มารับบริการที่คลินิกเด็กสุขภาพดีที่โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดดังกล่าวจำนวน 481 คน ผลการศึกษาภูมิปัญญาอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับหญิงให้นมบุตรพบว่าอาหารที่แนะนำสำหรับหญิงให้นมบุตรมีหลากหลาย จัดเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีผลต่อการกระตุ้นการไหลของน้ำนม กลุ่มที่มีผลต่อสุขภาพทั่วไป และกลุ่มที่ไม่แนะนำให้บริโภค เนื่องจากอาจมีผลทำให้น้ำนมหยุดไหล สำหรับกลุ่มที่ช่วยกระตุ้นการไหลของน้ำนมประกอบด้วยกลุ่มย่อย 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีผลต่อการกระตุ้นการไหลของน้ำนม ซึ่งอาหารที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด คือ หัวปลี ซึ่งมีผลสอดคล้องในทุกจังหวัด กลุ่มที่สองคือกลุ่มอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่น่าส่งผลต่อการขับน้ำนมด้วยเช่นกัน ได้แก่ เครื่องเทศและผักสมุนไพรหลายชนิดซึ่งส่วนใหญ่สามารถพบได้ในอาหารไทย จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างหญิงที่มีบุตรอายุไม่เกิน 1 ปี มีช่วงอายุตั้งแต่น้อยกว่า 20 ปีถึงมากกว่า 35 ปี เกือบกึ่งหนึ่งมีอาชีพแม่บ้าน และร้อยละ 42.4 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ในจำนวนกลุ่มตัวอย่างมีเพียงร้อยละ 62.2 ที่เลี้ยงบุตรด้วยนมแม่ แม้ส่วนใหญ่ระบุว่ามีความตั้งใจเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่ก่อนการตั้งครรภ์ และมีการให้นมบุตรทันทีหลังคลอดหรือภายใน 3 ชั่วโมงหลังคลอด ส่วนใหญ่มีความรู้การเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่ระดับปานกลาง และมีครอบครัวสนับสนุนการเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่ ระดับความรู้เรื่องการเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) กับความถี่ในการให้นมบุตรและความสัมพันธ์กับการน้ำมากกว่า 8 แก้ว ส่วนพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่เน้นอาหารชนิดใดเป็นพิเศษ การพัฒนาตำรับอาหารเน้นอาหารที่สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่น เป็นประเภทอาหารคาว 20 รายการ และเป็นเครื่องดื่ม 1 รายการ เป็นตัวอย่างอาหารที่ประกอบด้วยหัวปลี และเครื่องเทศสมุนไพรที่ให้รสเผ็ดร้อน งานวิจัยภูมิปัญญาอาหารสำหรับหญิงให้นมบุตรมีวัตถุประสงค์ในการศึกษาภูมิปัญญาไทยที่เกี่ยวกับอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับหญิงในระหว่างให้นมบุตรเพื่อนำมาพัฒนาตำรับอาหารสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ประสบความสำเร็จและเป็นไปตามแนวคิดของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างที่เจาะจงเลือกผู้ที่น่าจะมีความรู้ในเรื่องของภูมิปัญญาด้วยการแนะนำของคนในท้องถิ่นจำนวน 56 คนในจังหวัดเชียงใหม่ นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา และนครศรีธรรมราช ซึ่งประกอบด้วยผู้สูงอายุ ผู้นำชุมชน หมอตำแย อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังได้ศึกษาพฤติกรรมการให้นมบุตรและการบริโภคอาหารของผู้ที่เป็นแม่เพื่อประกอบการจัดทำตำรับอาหาร ด้วยการสอบถามกลุ่มหญิงที่มีบุตรอายุไม่เกิน 1 ปีที่มารับบริการที่คลินิกเด็กสุขภาพดีที่โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดดังกล่าวจำนวน 481 คน ผลการศึกษาภูมิปัญญาอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับหญิงให้นมบุตรพบว่าอาหารที่แนะนำสำหรับหญิงให้นมบุตรมีหลากหลาย จัดเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีผลต่อการกระตุ้นการไหลของน้ำนม กลุ่มที่มีผลต่อสุขภาพทั่วไป และกลุ่มที่ไม่แนะนำให้บริโภค เนื่องจากอาจมีผลทำให้น้ำนมหยุดไหล สำหรับกลุ่มที่ช่วยกระตุ้นการไหลของน้ำนมประกอบด้วยกลุ่มย่อย 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีผลต่อการกระตุ้นการไหลของน้ำนม ซึ่งอาหารที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด คือ หัวปลี ซึ่งมีผลสอดคล้องในทุกจังหวัด กลุ่มที่สองคือกลุ่มอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่น่าส่งผลต่อการขับน้ำนมด้วยเช่นกัน ได้แก่ เครื่องเทศและผักสมุนไพรหลายชนิดซึ่งส่วนใหญ่สามารถพบได้ในอาหารไทย จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างหญิงที่มีบุตรอายุไม่เกิน 1 ปี มีช่วงอายุตั้งแต่น้อยกว่า 20 ปีถึงมากกว่า 35 ปี เกือบกึ่งหนึ่งมีอาชีพแม่บ้าน และร้อยละ 42.4 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ในจำนวนกลุ่มตัวอย่างมีเพียงร้อยละ 62.2 ที่เลี้ยงบุตรด้วยนมแม่ แม้ส่วนใหญ่ระบุว่ามีความตั้งใจเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่ก่อนการตั้งครรภ์ และมีการให้นมบุตรทันทีหลังคลอดหรือภายใน 3 ชั่วโมงหลังคลอด ส่วนใหญ่มีความรู้การเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่ระดับปานกลาง และมีครอบครัวสนับสนุนการเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่ ระดับความรู้เรื่องการเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) กับความถี่ในการให้นมบุตรและความสัมพันธ์กับการน้ำมากกว่า 8 แก้ว ส่วนพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่เน้นอาหารชนิดใดเป็นพิเศษ การพัฒนาตำรับอาหารเน้นอาหารที่สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่น เป็นประเภทอาหารคาว 20 รายการ และเป็นเครื่องดื่ม 1 รายการ เป็นตัวอย่างอาหารที่ประกอบด้วยหัวปลี และเครื่องเทศสมุนไพรที่ให้รสเผ็ดร้อน
บทคัดย่อ (EN): The objective of this research was to study the traditional Thai intellectual heritage concerning nutrition for nursing mothers in order to develop food recipe that will help support the breastfeeding campaign and will be compatible with the Sufficiency Economy philosophy. Data on traditional advice for the nutrition of nursing mothers was gathered from interviewing 56 people in the provinces of Chiang Mai, Nakhon Ratchasima, Phra Nakhon Si Ayutthaya, and Nakhon Si Thammarat who were recommended by local people as being knowledgeable on the subject. Most of these samples were elders, community leaders, midwives, and village public health volunteers. Additional data on the breastfeeding behavior and nutritional behavior of nursing mothers was gathered by questionnaire from a sample group of 481 women with children aged less than 1 year who went in for services at the healthy child clinics of community hospitals in the same 4 provinces. The results showed that a wide variety of foods are traditionally recommended as nutritious for nursing mothers. They can be roughly divided into 3 groups: foods believed to promote lactation, foods believed to be good for general health, and foods that are recommended against because they might stop the flow of breast milk. The first group, foods believed to promote lactation, is divided into 2 sub-groups. The first is foods that are said to stimulate the flow of breast milk, most notably consisting of banana flower, which was recommended by people in every province studied. The second sub-group is spicy foods that stimulate blood circulation, which is also believed to promote lactation. This group consists of several herbs and spices, most of which are commonly used in Thai cuisine. Results from the survey of women with children aged less than one year showed that their age ranged from less than 20 to over 35; the majority was home makers and 42.4% had completed secondary school level education. Only 62.2% were breastfeeding, although the majority reported their intention of giving breastfeeding for their children before they got pregnant and even they did started breastfeeding after delivery or within 3 hours following delivery. Most had a medium level of knowledge about breastfeeding and their families supported the idea of breastfeeding. There was a statistically significant relationship (p<0.05) between frequency of breastfeeding and knowledge of breastfeeding, and between frequency of breastfeeding and drinking more than 8 glasses of water a day. There was no clear evidence that they ate certain foods to stimulate lactation or for other specific aspects of maternal health. The development of the food recipe for nursing mothers emphasizes foods that are readily available locally. It contains totally 21 recipes; 20 recipes for main dishes and one for a beverage. Many of the foods contain banana flower and herbs and spices. The objective of this research was to study the traditional Thai intellectual heritage concerning nutrition for nursing mothers in order to develop food recipe that will help support the breastfeeding campaign and will be compatible with the Sufficiency Economy philosophy. Data on traditional advice for the nutrition of nursing mothers was gathered from interviewing 56 people in the provinces of Chiang Mai, Nakhon Ratchasima, Phra Nakhon Si Ayutthaya, and Nakhon Si Thammarat who were recommended by local people as being knowledgeable on the subject. Most of these samples were elders, community leaders, midwives, and village public health volunteers. Additional data on the breastfeeding behavior and nutritional behavior of nursing mothers was gathered by questionnaire from a sample group of 481 women with children aged less than 1 year who went in for services at the healthy child clinics of community hospitals in the same 4 provinces. The results showed that a wide variety of foods are traditionally recommended as nutritious for nursing mothers. They can be roughly divided into 3 groups: foods believed to promote lactation, foods believed to be good for general health, and foods that are recommended against because they might stop the flow of breast milk. The first group, foods believed to promote lactation, is divided into 2 sub-groups. The first is foods that are said to stimulate the flow of breast milk, most notably consisting of banana flower, which was recommended by people in every province studied. The second sub-group is spicy foods that stimulate blood circulation, which is also believed to promote lactation. This group consists of several herbs and spices, most of which are commonly used in Thai cuisine. Results from the survey of women with children aged less than one year showed that their age ranged from less than 20 to over 35; the majority was home makers and 42.4% had completed secondary school level education. Only 62.2% were breastfeeding, although the majority reported their intention of giving breastfeeding for their children before they got pregnant and even they did started breastfeeding after delivery or within 3 hours following delivery. Most had a medium level of knowledge about breastfeeding and their families supported the idea of breastfeeding. There was a statistically significant relationship (p<0.05) between frequency of breastfeeding and knowledge of breastfeeding, and between frequency of breastfeeding and drinking more than 8 glasses of water a day. There was no clear evidence that they ate certain foods to stimulate lactation or for other specific aspects of maternal health. The development of the food recipe for nursing mothers emphasizes foods that are readily available locally. It contains totally 21 recipes; 20 recipes for main dishes and one for a beverage. Many of the foods contain banana flower and herbs and spices.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: คุณค่าทางโ
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

ทัศนีย์ ลิ้มสุวรรณ. "ภูมิปัญญาอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับแม่ระหว่างให้นมบุตรHealthy Food Wisdom for Lactating Mother". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2551

ทัศนีย์ ลิ้มสุวรรณ. "ภูมิปัญญาอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับแม่ระหว่างให้นมบุตรHealthy Food Wisdom for Lactating Mother". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2551. Print.



TARR Wordcloud:
ภูมิปัญญาอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับแม่ระหว่างให้นมบุตร
ทัศนีย์ ลิ้มสุวรรณ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2551
เนื้อ & นม แพะ: คุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ โครงการวิจัยคุณค่าทางโภชนาการและสารออกฤทธิ์ชีวภาพจากหนอนไหมและดักแด้ไหมสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ ศึกษาความเหมาะสมของดินกรด สำหรับการผลิตข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้านธาตุเหล็กในเมล็ดสูง(ชื่อข้อเสนอการวิจัยเดิม : ศึกษาความเหมาะสมของดินเปรี้ยวจัดและดินกรด สำหรับการผลิตข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้าน การปรับปรุงคุณค่าทางโภชนะของกากปาล์มน้ำมันรวมโดยใช้ยีสต์ และบาซิลัสซับติลิสเพื่อเป็นแหล่งอาหารโปรตีนสำหรับสัตว์ การพัฒนาศักยภาพดอกชมจันทร์สำหรับผลิตพืชอาหารเพื่อสุขภาพ ผลการใช้ถั่วคาวาลเคดแห้งในอาหารผสมเสร็จสำหรับเลี้ยงแม่โครีดนม 2558A17001004 การพัฒนาศักยภาพดอกชมจันทร์สำหรับผลิตพืชอาหารเพื่อสุขภาพ การใช้ใบมะรุมในอาหารข้นสำหรับแม่โคนม การตั้งตำรับน้ำยาจุ่มเต้านมหลังรีดนมจากน้ำมันหอมระเหยสมุนไพรไทยที่เลือกสำหรับควบคุมโรคเต้านมแพะอักเสบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สารเสริมจากธรรมชาติสำหรับสุกรหลังหย่านม
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair