สืบค้นงานวิจัย
ผลของอุณหภูมิสูงและปริมาณคาร์บอนต่ำที่ส่งผลต่อการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพ
Rotjarek Worakatamas - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: ผลของอุณหภูมิสูงและปริมาณคาร์บอนต่ำที่ส่งผลต่อการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพ
ชื่อเรื่อง (EN): Effects of high temperature and low carbon feed on biological phosphorus removal
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Rotjarek Worakatamas
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงผลของอุณหภูมิสูงและปริมาณคาร์บอนต่ำที่ส่งผลต่อการกำจัด ฟอสฟอรัสทางชีวภาพ การศึกษาครั้งนี้ได้แบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยกัน ส่วนที่หนึ่งเป็นการติดตามตรวจสอบการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพของโรงควบคุมคุณภาพน้ำช่อง นนทรี ผลการศึกษาพบว่า อุณหภูมิและค่าซีโอดีของน้ำเสียที่ป้อนเข้าโรงควบคุมคุณภาพน้ำช่องนนทรี มีความ แปรผันอยู่ในช่วง 23-30 องศาเซลเซียส และ 60-150 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามลำดับ ในช่วงที่มีอุณหภูมิค่อนข้าง ต่ำ (23-25 องศาเซลเซียส) ประสิทธิภาพการบำบัดฟอสฟอรัส, เปอร์เซ็นต์การสะสมฟอสฟอรัสและพีเอชเอ ในเซลล์มีค่าสูงกว่าที่อุณหภูมิสูง (28-30 องศาเซลเซียส) เมื่อความเข้มข้นของซีโอดีและฟอสฟอรัสในน้ำเสียมี ค่าใกล้เคียงกัน และพบว่า ในการเดินระบบในช่วงที่มีอุณหภูมิเท่ากัน การกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพมีค่า เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อความเข้มข้นของซีโอดีและฟอสฟอรัสในน้ำเสียมีค่าเพิ่มขึ้น ผลการทดลองแบบ แบตช์ พบว่าค่าอัตราการปลดปล่อยฟอสฟอรัสจำเพาะ (SPRR) และ ค่าอัตราการจับใช้ฟอสฟอรัสจำเพาะ (SPUR) มีค่าค่อนข้างต่ำซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพมีค่าค่อนข้างน้อย ผลการศึกษา ในส่วนที่สองโดยใช้ระบบเอสบีอาร์ ซึ่งประกปบด้วยถังปฏิกรณ์ R1และ R2 โดยถัง ปฏิกรณ์ที่หนึ่ง (R1) ควบคุมอุณหภูมิที่ 20 องศาเซลเซียส ส่วน ถังปฏิกรณ์ที่สอง (R2) ควบคุมอุณหภูมิที่ 30 องศาเซลเซียส แบ่งการทดลองออกเป็นห้าขั้นตอนด้วยกัน จากผลการทดลองพบว่าที่ 20 องศาเซลเซียส ประสิทธิภาพการกำจัดฟอสฟอรัสสูงที่สุด มีการสะสมฟอสฟอรัสในเซลล์สูงถึงร้อยละ 11 และลดลงมาที่ร้อย ละ 8 เมื่อเดินระบบที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม พบการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพในระดับสูง พอสมควรซึ่งประสิทธิภาพการกำจัดฟอสฟอรัสประมาณร้อยละ 50ในการเดินระบบที่อุณหภูมิ 30 องศา เซลเซียสการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพลดต่ำลงอย่างชัดเจนเมื่อใช้น้ำเสียที่มีปริมาณคาร์บอนและฟอสฟอรัส ต่ำ ในการทดลองขั้นตอนสุดท้ายที่เดินระบบให้คล้ายคลึงกับระบบ CASS ของโรงควบคุมคุณภาพน้ำช่อง นนทรีและใช้น้ำเสียจริงที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ประสิทธิภาพการกำจัดฟอสฟอรัสลดลงเหลือร้อยละ 50 โดยประมาณ ซึ่งคล้ายคลึงกับที่เกิดขึ้นในโรงควบคุมคุณภาพน้ำช่องนนทรี ดังนั้น สรุปได้ว่า ทั้งอุณหภูมิที่สูงขึ้นและคาร์บอนต่ำส่งผลต่อการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพ แต่ คาร์บอนที่ต่ำส่งผลกระทบมากกว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้น ดังนั้น ข้อเสนอแนะในการเพิ่มการกำจัดฟอสฟอรัสทาง ชีวภาพให้สูงขึ้นในโรงควบคุมคุณภาพน้ำช่องนนทรีควรทำโดยการเพิ่มแหล่งคาร์บอนในน้ำเสียเป็นสำคัญ
บทคัดย่อ (EN): C condition was approximately 50%, which were similar to those found in Chongnonsi WWTP. These findings suggest that both temperature and low carbon feed affect the BPR performance, with greater influence from the low carbon feed than the temperature. In order to enhance the BPR performance in the Chongnonsi Wastewater Treatment Plant, addition of external carbon is recommended.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=62&obj_id=33
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Biological treatment
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงผลของอุณหภูมิสูงและปริมาณคาร์บอนต่ำที่ส่งผลต่อการกำจัด ฟอสฟอรัสทางชีวภาพ การศึกษาครั้งนี้ได้แบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยกัน ส่วนที่หนึ่งเป็นการติดตามตรวจสอบการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพของโรงควบคุมคุณภาพน้ำช่อง นนทรี ผลการศึกษาพบว่า อุณหภูมิและค่าซีโอดีของน้ำเสียที่ป้อนเข้าโรงควบคุมคุณภาพน้ำช่องนนทรี มีความ แปรผันอยู่ในช่วง 23-30 องศาเซลเซียส และ 60-150 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามลำดับ ในช่วงที่มีอุณหภูมิค่อนข้าง ต่ำ (23-25 องศาเซลเซียส) ประสิทธิภาพการบำบัดฟอสฟอรัส, เปอร์เซ็นต์การสะสมฟอสฟอรัสและพีเอชเอ ในเซลล์มีค่าสูงกว่าที่อุณหภูมิสูง (28-30 องศาเซลเซียส) เมื่อความเข้มข้นของซีโอดีและฟอสฟอรัสในน้ำเสียมี ค่าใกล้เคียงกัน และพบว่า ในการเดินระบบในช่วงที่มีอุณหภูมิเท่ากัน การกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพมีค่า เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อความเข้มข้นของซีโอดีและฟอสฟอรัสในน้ำเสียมีค่าเพิ่มขึ้น ผลการทดลองแบบ แบตช์ พบว่าค่าอัตราการปลดปล่อยฟอสฟอรัสจำเพาะ (SPRR) และ ค่าอัตราการจับใช้ฟอสฟอรัสจำเพาะ (SPUR) มีค่าค่อนข้างต่ำซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพมีค่าค่อนข้างน้อย ผลการศึกษา ในส่วนที่สองโดยใช้ระบบเอสบีอาร์ ซึ่งประกปบด้วยถังปฏิกรณ์ R1และ R2 โดยถัง ปฏิกรณ์ที่หนึ่ง (R1) ควบคุมอุณหภูมิที่ 20 องศาเซลเซียส ส่วน ถังปฏิกรณ์ที่สอง (R2) ควบคุมอุณหภูมิที่ 30 องศาเซลเซียส แบ่งการทดลองออกเป็นห้าขั้นตอนด้วยกัน จากผลการทดลองพบว่าที่ 20 องศาเซลเซียส ประสิทธิภาพการกำจัดฟอสฟอรัสสูงที่สุด มีการสะสมฟอสฟอรัสในเซลล์สูงถึงร้อยละ 11 และลดลงมาที่ร้อย ละ 8 เมื่อเดินระบบที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม พบการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพในระดับสูง พอสมควรซึ่งประสิทธิภาพการกำจัดฟอสฟอรัสประมาณร้อยละ 50ในการเดินระบบที่อุณหภูมิ 30 องศา เซลเซียสการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพลดต่ำลงอย่างชัดเจนเมื่อใช้น้ำเสียที่มีปริมาณคาร์บอนและฟอสฟอรัส ต่ำ ในการทดลองขั้นตอนสุดท้ายที่เดินระบบให้คล้ายคลึงกับระบบ CASS ของโรงควบคุมคุณภาพน้ำช่อง นนทรีและใช้น้ำเสียจริงที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ประสิทธิภาพการกำจัดฟอสฟอรัสลดลงเหลือร้อยละ 50 โดยประมาณ ซึ่งคล้ายคลึงกับที่เกิดขึ้นในโรงควบคุมคุณภาพน้ำช่องนนทรี ดังนั้น สรุปได้ว่า ทั้งอุณหภูมิที่สูงขึ้นและคาร์บอนต่ำส่งผลต่อการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพ แต่ คาร์บอนที่ต่ำส่งผลกระทบมากกว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้น ดังนั้น ข้อเสนอแนะในการเพิ่มการกำจัดฟอสฟอรัสทาง ชีวภาพให้สูงขึ้นในโรงควบคุมคุณภาพน้ำช่องนนทรีควรทำโดยการเพิ่มแหล่งคาร์บอนในน้ำเสียเป็นสำคัญ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของอุณหภูมิสูงและปริมาณคาร์บอนต่ำที่ส่งผลต่อการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพ
Rotjarek Worakatamas
มหาวิทยาลัยมหิดล
30 มีนาคม 2552
ผลของอุณหภูมิที่มีต่อการกำจัดไดเบนโซไธโอฟีนในน้ำมันเตาโดยวิธีทางชีวภาพ การเปรียบเทียบการใช้ฟอสฟอรัสภายใต้สภาพแอโรบิคและสภาพแอน็อคซิคในกระบวนการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพที่อายุตะกอนต่าง ๆ ผลของวัยความเข้มข้นของก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ต่อคุณภาพการเก็บรักษามังคุดที่อุณหภูมิต่ำ ผลการประเมินเลซิตินและฟอสฟอรัสต่อปริมาณกรดไขมัน และคุณค่าทางอาหารของกุ้งกุลาดำที่เลี้ยงในระบบความเค็มต่ำ การศึกษาปริมาณคาร์บอนในดินของป่าเบญจพรรณและสวนป่าสัก การผลิตน้ำมันชีวภาพที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำจากกระถินยักษ์ การกำจัด Dibenzothiophene ด้วยวิธีทางชีวภาพ โดย Cryptococcus laurentii สมรรถนะของระบบตัวนำชีวภาพร่วมกับถังปฏิกรณ์ชีวภาพเมมเบรนในการกำจัดไนโตรเจน ระบบการกำจัดกลิ่นจากระบบบำบัดน้ำเสียโดยวิธีการกรองแบบชีวภาพ การกำจัดสารกำมะถันโดยวิธีการทางชีวภาพด้วย rhodococcus gordoniae
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก