สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตตะไคร้ต้นพืชท้องถิ่นบนที่สูง
กรมวิชาการเกษตร - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตตะไคร้ต้นพืชท้องถิ่นบนที่สูง
ชื่อเรื่อง (EN): Knowledge and Technology Development on Litsea cubeba, the Highland Local Crop
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: กรมวิชาการเกษตร
บทคัดย่อ: โครงการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตตะไคร้ต้นพืชท้องถิ่นบนพื้นที่สูง ประกอบด้วย 5 การทดลองได้แก่ ศึกษาลักษณะพฤกษศาสตร์ของตะไคร้ต้นในเขตภาคเหนือตอนบน, ศึกษาสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของตะไคร้ต้นจากแหล่งต่างๆ, การขยายพันธุ์ตะไคร้ต้นด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ, ลักษณะอาการและสาเหตุของโรคแผลเปื่อยและยอดตายของกิ่งตะไคร้ต้นและการใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้ต้นเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช ดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. 2554 – 2557 ที่จังหวัดเชียงราย จากการศึกษาลักษณะทางพฤกษศาสตร์และข้อมูลการออกดอกติดผลของตะไคร้ต้น (Litsea cubeba Pers.) จากแหล่งต่างๆ ดังนี้ พื้นที่ป่าบ้านแม่แจ๋น อ.เมืองปาน จ.ลำปาง พื้นที่ป่าใน ต.หมอกจำแป่ จ.แม่ฮ่องสอน ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ แม่จอนหลวง จ.เชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย 2 แห่ง คือ ในสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริบ้านปางขอน และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย พบว่าตะไคร้ต้นที่ทำการเก็บตัวอย่างไม่มีขนที่ผิวใบ จึงจัดอยู่ในสายพันธุ์ Litsea cubeba var. cubeba โดยพบตะไคร้ต้นได้ที่ระดับความสูง 900-1400 เมตรจากระดับน้ำทะเล และยังพบว่าต้นตะไคร้ต้นที่นำลงมาปลูกที่ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย ระดับความสูง 420 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถเจริญเติบโตและติดผลได้ดี การศึกษาองค์ประกอบและปริมาณน้ำมันหอมระเหยจากผลตะไคร้ต้น พบว่าองค์ประกอบที่สำคัญของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ต้นคือ Geranial และ Citral b ส่วนปริมาณน้ำมันหอมระเหยจากแหล่งศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่, แม่จอนหลวง มีสูงที่สุดคือ 4.34 เปอร์เซ็นต์ และที่ ต.หมอกจำแป่ จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีน้อยที่สุดคือ 3.45 เปอร์เซ็นต์ ตะไคร้ต้น Litsea cubeba (Lour.) Pers. เป็นพืชสมุนไพร ที่ไม่ผลัดใบ ความสูง 5 – 12 เมตร ได้ทำการศึกษาสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของตะไคร้ต้นโดยพันธุ์ตะไคร้ต้นนำมาจากการเพาะเมล็ดจากแหล่งต่างๆ 2 แหล่ง ได้แก่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย, สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงบ้านปางขอน อ.เมือง จ.เชียงราย นำมาปลูกที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย อ. แม่สรวย จ. เชียงราย และที่ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย ทำการบันทึกข้อมูลการเจริญเติบโตด้านความสูง ขนาดใบ และจำนวนดอกต่อช่อ การศึกษาการขยายพันธุ์ตะไคร้ต้นด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ได้อธิบายผลการนำส่วนของลำต้นอ่อน มาชักนำให้เกิดแคลลัสในสูตรอาหารแบบต่างๆ การชักนำให้เกิดรากและการออกรากของตะไคร้โดยการชำต้น เนื้อเยื่อ ซึ่งพบว่าต้นสามารถออกรากได้หลังการอนุบาล เป็นเวลา 45 วัน การศึกษาโรคแผลเปื่อยและยอดตายของกิ่งตะไคร้ต้น [Litsea cubeba (Lour.) Pers. var. formosana] จากพื้นที่ป่าธรรมชาติบริเวณสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริปางขอน (สพกส.ปข.) ต.ห้วยชมภู อ.เมือง จ.เชียงราย ระหว่าง ปี พ.ศ. 2554-2556 พบกิ่งหรือลำต้นของตะไคร้ต้นที่เป็นโรคในระยะเริ่มแรกแผลมีลักษณะ สีน้ำตาลดำ ขอบแผลมีสีดำ ยุบตัวเล็กน้อย ขนาดและรูปร่างไม่แน่นอนยาวไปตามกิ่ง ต่อมาเนื้อเยื่อแผลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือสีเทาปนน้ำตาล หรือสีฟางข้าว ทำให้เนื้อเยื่อส่วนเปลือกเป็นแผลเปื่อย (canker) แผลยุบตัวลง ขอบแผลชัดเจน เนื้อเยื่อผิวบริเวณกลางแผลมักพบส่วนขยายพันธุ์ของรา (pycnidia) เป็นจุดสีดำขนาดเล็กกระจัดกระจาย เมื่อแผลเปื่อยเป็นรอบกิ่ง ทำให้กิ่งของตะไคร้ต้นบริเวณแผลแสดงอาการคอดกิ่ว (wire twig) มีผลทำให้ใบของกิ่งตะไคร้ต้นที่เป็นโรคแสดงอาการเหลืองดูทรุดโทรม ในที่สุดกิ่งที่อยู่เหนือแผลที่เป็นโรคจะแสดงอาการใบแห้งและยอดตาย (dieback) ในช่วงฤดูฝนที่มีอากาศชุ่มชื้น มักพบดอกเห็ดแครง (Shizophyllum commune) ขึ้นกระจัดกระจายบนเนื้อเยื่อแผลที่เป็นโรค การศึกษาแยกเชื้อเพื่อหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคดังกล่าวในห้องปฏิบัติการศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย (ศวส.ชร.) จากเนื้อเยื่อแผลกิ่งที่เป็นโรค โดยวิธี tissue transplanting ด้วยอาหารเลี้ยงเชื้อ PDA/2S ฟอกฆ่าเชื้อบริเวณผิวด้วยวิธี triple sterilized และคลอรอกซ์ 10% นาน 3 นาที ผลปรากฏว่า ได้ราจำนวน 20 สกุล พบรา Phomopsis มีความสัมพันธ์กับเนื้อเยื่อแผลเปื่อยในปริมาณสูง การพิสูจน์ความสามารถในการทำให้เกิดโรคของ รา Phomopsis จำนวน 5 isolates โดยใช้เส้นใยบนชิ้นอาหารวุ้น ปลูกเชื้อกับใบอ่อนระยะเพสลาดของตะไคร้ต้นโดยการไม่ทำแผล พบว่ารา Phomopsis ทำให้ใบตะไคร้ต้นเป็นโรค มีลักษณะอาการไหม้สีน้ำตาลดำ การแยกเชื้อซ้ำได้รา Phomopsis เป็นจำนวนมาก การเปรียบเทียบลักษณะกายวิภาควิทยาบางประการ และการวิเคราะห์ลักษณะทางพันธุกรรม ปรากฏว่ารา Phomopsis มีความสัมพันธ์กับเนื้อเยื่อโรคแผลเปื่อยและยอดตายของตะไคร้ต้นในลักษณะแฝงอาศัยอยู่ภายในพืช (endophyte) และจำแนกได้เป็น 3 กลุ่มพันธุ์ชนิด ได้แก่ กลุ่มที่ 1 Phomopsis isolate CR 12 - 1 และ 20 - 1 (Diaporthe sp.1) จำแนกเป็น Diaporthe pseudomangiferae (KF616500) Phomopsis bougainvilleicola (JX847139) และDiaporthe sp. (JX862533) กลุ่มที่ 2 Phomopsis isolate CR 2-1 และ 15-1 (Diaporthe sp. 2) จำแนกเป็น Diaporthe sp. (EF432257) และ Diaporthe sp. (KC357557) กลุ่มที่ 3 Phomopsis isolate CR 4-1 (Diaporthe sp. 3) จำแนกเป็น Phomopsis sp. (JN857947), Phomopsis sp. (JF705873) และ Diaporthe conorum (AB2014433) ซึ่งกลุ่มที่ 2 และ 3 ดังกล่าวน่าจะเป็นพันธุ์ชนิดใหม่ การศึกษาครั้งนี้นับว่าเป็นรายงานครั้งแรกของรา Phomopsis ที่เป็นสาเหตุของโรคแผลเปื่อยและยอดตายของกิ่งตะไคร้ต้น การศึกษาประสิทธิภาพของน้ำมันหอมระเหยตะไคร้ต้นเพื่อการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช คือ ด้วงเต่าแตงในปัญจขันธ์และ ด้วงหมัดผักในผักกาดหางหงส์ วางแผนการทดลองแบบ RCB 5 กรรมวิธี 4 ซ้ำ พบว่า การฉีดพ่นด้วยสารเคมีสามารถป้องกันกำจัดด้วงเต่าแตงในแปลงปัญจขันธ์ ได้ผลดีที่สุด การฉีดพ่นด้วยน้ำมันหอมระเหยตะไคร้ต้นที่ความเข้มข้น 20 มล./น้ำ 20 ล. สามารถป้องกันกำจัดด้วงเต่าแตงได้ 3 วัน ซึ่งตรวจนับจำนวนด้วงเต่าแตง 21 ตัว/ตร.ม. เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำเปล่า และแปลงผักกาดหางหงส์ พบว่ากรรมวิธีฉีดพ่นด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดด้วงหมัดผักได้ดีที่สุด การฉีดพ่นด้วยน้ำมันหอมระเหยตะไคร้ต้นทุกความเข้มข้น ไม่สามารถป้องกันกำจัดด้วงเต่าแตง และด้วงหมัดผักได้เมื่อเทียบกับน้ำเปล่า
บทคัดย่อ (EN): Knowledge and Technology Development on Litsea cubeba, the Highland Local Crop consisted of 4 experiments. Study on effect of environment on Lisea cubeba growth, Tissue culture of Lisea cubeba propagation, Efficiency of Lisea cubeba aromatic essential oil in vegetable pest control and the last focus on Lisea cubeba disease. Symptomatology and etiology of twig canker and dying back of Aromatic litsea [Litsea cubeba (Lour.) Pers. var. formosana] were investigated in the naturally area of Pangkhon Highland Agricultural Development Station (PHADS) under the Royal initiative project at Huay Chompoo Subdistrict, Muang District, Chiangrai Province during 2011-2013. Diseased plants were characterized by the presence of slightly sunken dark-brown irregularly necrotic lesions on twigs, and gradually enlarged into sunken grayish-brown or straw-colored cankers. As the canker developed the infected twigs had discoloured leaves and decline, with age when twigs were partially or entirely girdled, the twigs became dying back. Tiny, black, fungal fruiting bodies (pycnidia) were produced on bleached tissue. In a moist atmosphere, some soft, whitish brackets with ragged edges of wood saprobic mushroom (Schizophylum commune) often appear on the surfaces of the canker tissue. Isolations of the fungi with half strength potato dextrose agar (PDA/2)+streptomycin from affected tissues by tissue transplanting method by surface sterile with triple sterilization and clorox 10%, 3 mins techniques. There were 20 genera of fungi isolated from plant tissue, the predominant fungal genera was Phomopsis from the two surface sterilizations. Pathogenicity tests of 5 isolates of Phomopsis isolated from canker tissues on twigs confirmed the pathogenicity of Phomopsis. The method was putting mycelia disc on unwounded young expanding leaves of aromatic litsea. some anatomical studies and ITS sequencing of the five isolates grouped as 3 distinct species: Diaporthe sp. 1 (Phomopsis isolates CR 12-1 and 20-1) are Diaporthe pseudomangiferae (KF616500), Phomopsis bougainvilleicola (JX847139) and Diaporthe sp. (JX862533); Diaporthe sp. 2 (Phomopsis isolates CR 2-1 and 15-1) are Diaporthe (EF432257) and Diaporthe sp. (KC357557) and Diaporthe sp. 3 (Phomopsis isolates CR4-1) are Phomopsis sp. (JN857947), Phomopsis sp. (JF705873) and Diaporthe conorum (AB2014433). The Diaporthe sp. 2 and Diaporthe sp. 3 might be new species. This is thought to be the first report of twig canker and dying back of aromatic litsea caused by Phomopsis spp.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: การปลูก
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตตะไคร้ต้นพืชท้องถิ่นบนที่สูง
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2557
การพัฒนาเทคโนโลยีวนเกษตรระดับสถานีวิจัยเพื่อการถ่ายทอดองค์ความรู้เชิงบูรณาการ โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการใช้ประโยชน์มันขี้หนู โครงการวิจัยและพัฒนาส้มเกลี้ยงจังหวัดลำปาง โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอ้อย เกษตรประณีต : องค์ความรู้และการพัฒนาเกษตรกรต้นแบบ ชุดโครงการวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์เกษตรและผลิตภัณฑ์สำหรับการปลูกพืชเพื่อลดการใช้สารเคมีบนพื้นที่สูง โครงการย่อยที่ 2 การวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์สำหรับอบฆ่าเชื้อโรคและแมลงศัตรูพืชในดิน โครงการวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์เกษตรและผลิตภัณฑ์สำหรับการปลูกพืชเพื่อลดการใช้สารเคมีบนพื้นที่สูง โครงการย่อยที่ 1 การวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืชและผลิตภัณฑ์สำหรับการปลูกพืชเศรษฐกิจบนพื การศึกษาสารให้กลิ่นสำคัญในตะไคร้สด ตะไคร้ในน้ำ และตะไคร้ในน้ำมัน องค์ความรู้และการปฏิบัติของเกษตรกรในการปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินในการผลิต ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนที่สูง ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โครงการวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืชและผลิตภัณฑ์สำหรับการปลูกพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูงเพื่อนำร่องการผลิตเชิงอุตสาหกรรม/ในระดับชุมชน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก