สืบค้นงานวิจัย
ศึกษาประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้ Effective microorganisms ต่อการเจริญเติบโตของต้นยางอ่อน
โสภา โพธิวัตถุธรรม - การยางแห่งประเทศไทย
ชื่อเรื่อง: ศึกษาประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้ Effective microorganisms ต่อการเจริญเติบโตของต้นยางอ่อน
ชื่อเรื่อง (EN): Study on Efficient Usage of Chemical Fertilizer and Organic Fertilizer made by Effective Microorganisms on Growth of Hevea
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: โสภา โพธิวัตถุธรรม
บทคัดย่อ: การใช้จุลินทรีย์กับดินในรูปของปุ๋ยหมัก ทดลองกับชุดดินกระบี่และชุดดินรือเสาะ ซึ่งมีเนื้อดินเป็นดินร่วนปนดินเหนียว-ดินร่วน-ดินร่วนปนตะกอน เพื่อหาอัตราที่เหมาะสมของปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยหมักต่อการเจริญเติบโตของต้นยางอ่อน ดำเนินการทดลองที่ สถานีทดลองยางปัตตานี จังหวัดปัตตานี โดยใช้ต้นยางชำถุงพันธุ์ RRIM 600 วางแผนการทดลองแบบ Factorial in RCB จำนวน 3 ซ้ำ มี 12 วิธีการ ประกอบด้วย การใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 18-10-6 อัตรา 75%, 50% และ 25% ของอัตราปกติร่วมกับปุ๋ยหมัก 1, 2 และ 3 กิโลกรัม เปรียบเทียบกับวิธีการใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 100% ของอัตราปกติ วิธีการใช้ปุ๋ยหมัก 4 กิโลกรัมต่อหลุม และวิธีการไม่ใส่ปุ๋ย ผลการทดลองปรากฏว่า เมื่อต้นยางมีอายุ 12 เดือน การใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 25% ของอัตราปกติ ร่วมกับปุ๋ยหมัก 1 กิโลกรัม ให้การเจริญเติบโตสูงสุด แตกต่างทางสถิติกับวิธีการใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 100% และวิธีการไม่ใส่ปุ๋ย เมื่อต้นยางมีอายุ 24 เดือน การใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 25% ของอัตราปกติร่วมกับปุ๋ยหมัก 2 กิโลกรัม ให้การเจริญเติบโตสูงสุดและแตกต่างทางสถิติกับวิธีการใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 100% และวิธีการไม่ใส่ปุ๋ย และเมื่อต้นยางมีอายุ 36 เดือน การใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 50% ของอัตราปกติร่วมกับปุ๋ยหมัก 3 กิโลกรัม ให้การเจริญเติบโตดีที่สุด แตกต่างทางสถิติกับวิธีการไม่ใส่ปุ๋ย การใช้ปุ๋ยหมักร่วมกับปุ๋ยเคมี ทำให้ลดปุ๋ยเคมีลงได้ในปีที่ 1 2 ได้ 75% และในปีที่ 3 ได้ 50% แต่จะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายต่อไร่สูงกว่าการใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว และมีแนวโน้มว่า การใส่ปุ๋ยหมักในอัตราที่สูง จะเพิ่มอินทรียวัตถุและไนโตรเจนด้วย ผลการวิเคราะห์ใบยางในแต่ละปี น่าจะเป็นตัวชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของต้นยาง และมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเจริญเติบโตของต้นยางมากกว่าการวิเคราะห์ดิน ซึ่งพบว่าในวิธีการที่มีปริมาณธาตุอาหารในใบยางสูง จะให้การเจริญเติบโตสูงตามไปด้วย และจากการเก็บข้อมูลปริมาณน้ำฝน ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงเวลาการใส่ปุ๋ยในบริเวณดังกล่าว คือ ควรใส่ปุ๋ยครั้งแรกในปลายเดือนเมษายน และครั้งที่ 2 ในปลายเดือนกันยายน เนื่องจากหลังจากนั้นจะมีฝนตกหนัก ทำให้ปุ๋ยเกิดการชะล้างและสูญเสียปุ๋ยได้มาก
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: การยางแห่งประเทศไทย
คำสำคัญ: จุลินทรีย์ดิน
คำสำคัญ (EN): Hevea
เจ้าของลิขสิทธิ์: การยางแห่งประเทศไทย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ศึกษาประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้ Effective microorganisms ต่อการเจริญเติบโตของต้นยางอ่อน
การยางแห่งประเทศไทย
ไม่ระบุวันที่เผยแพร่
ศึกษาการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมปุ๋ยอินทรีย์ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นยางอ่อน อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ที่มีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของแก่นตะวัน (Helianthus tuberosus L.) ศึกษาการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นยางอ่อนในเขตภูมิอากาศที่ 1 โปรแกรมฐานข้อมูลแนะนำการใช้ปุ๋ย dbFRec for DOS อิทธิพลของปุ๋ยอินทรีย์จากวัสดุเหลือใช้ชนิดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ยเคมีต่อผลผลิตยาง การศึกษาวิธีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเศษวัสดุอินทรีย์ที่ได้จากการตัดแต่งกิ่งไม้ อิทธิพลของปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีที่มีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของแก่นตะวัน การสร้างต้นแบบการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด และมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติรวมทั้งความพึงพอใจของเกษตรกรในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทดลองในพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดที่มีความเหมาะสมชั้น 3 ( การสร้างต้นแบบการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด และมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติรวมทั้งความพึงพอใจของเกษตรกรในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทดลองในพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดที่มีความเหมาะสมชั้น 2 ( การสร้างต้นแบบการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด และมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติรวมทั้งความพึงพอใจของเกษตรกรในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทดลองในพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดที่มีความเหมาะสมชั้น1 (S
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก