สืบค้นงานวิจัย
การเปรียบเทียบความไวของ PCR วิธีต่าง ๆ ในการแยกสายพันธุ์ของเชื้อจิอาร์เดียดูโอดีนาลิส
Kwannan Nantavisai - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การเปรียบเทียบความไวของ PCR วิธีต่าง ๆ ในการแยกสายพันธุ์ของเชื้อจิอาร์เดียดูโอดีนาลิส
ชื่อเรื่อง (EN): Comparison of the sensitivities of PCR metohds for genotyping of Giardia duodenalis
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Kwannan Nantavisai
บทคัดย่อ: Giardia duodenalis เป็นโปรโตซัวเซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ภายในลำไส้เล็กของมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด การวินิจฉัยโรคซึ่งเกิดจากเชื้อชนิดนี้โดยทั่วไปยังใช้วิธีการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ การพัฒนากล้องจุลทรรศน์ชนิดฟลูออเรสเซ้นเพื่อนำมาใช้สำหรับการวินิจฉัยโรคสามารถเพิ่มความไวในการตรวจวินิจฉัยได้ อย่างไรก็ตามทั้งสองวิธีดังกล่าวไม่สามารถใช้จำแนกสายพันธุ์ของเชื้อชนิดนี้ได้ จึงมีการพัฒนาวิธีการเพิ่มสารพันธุกรรมขึ้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แม้ว่าวิธีการเพิ่มสารพันธุกรรมและวิธีการสกัดสารพันธุกรรมหลายวิธีได้ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับการตรวจหาเชื้อชนิดนี้แต่ยังไม่เคยมีการศึกษาเปรียบเทียบความไวของวิธีการเหล่านี้ งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความไวของวิธีสกัดสารพันธุกรรม 3 วิธี ได้แก่ ชุดสกัดสารพันธุกรรมชนิดสำเร็จรูป 2 ชนิด คือ FTA assay และ QIAamp stool mini kit และวิธีสกัดสารพันธุกรรมแบบดั้งเดิมด้วยสารฟีนอลคลอโรฟอร์ม จากการทดลองพบว่ามีวิธี FTA assay มีความไวที่สุด โดยสามารถสกัดสารพันธุกรรมของเชื้อในตัวอย่างอุจจาระได้ถึงแม้ว่ามีเชื้อเพียง 0.6 cysts เท่านั้น เนื่องจากความไวสูงของวิธี FTA assay ดังนั้นวิธีนี้จึงถูกนำมาใช้ในการประเมินความไวของของไพรเมอร์ในการสังเคราะห์สารพันธุกรรมของเชื้อในตัวอย่างอุจจาระและเชื้อจากการเพาะเลี้ยงในห้องทดลองพบว่าไพรเมอร์ชุด RH11/RH4, GiarF/GiarR ซึ่งใช้จำเพาะกับ SSU gene เป็นไพรเมอร์ที่ให้ผลดีที่สุด และยังสามารถนำไปใช้วิเคราะห์หาสายพันธุ์ของเชื้อได้อีกด้วย นอกจากนี้ในการศึกษาครั้งนี้ได้เลือกวิธีการสกัดสารพันธุกรรมและไพรเมอร์ที่มีความไวสูง เพื่อนำมาใช้ในการเปรียบเทียบความไวและความจำเพาะระหว่างวิธีการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมและวิธีกล้องจุลทรรศน์ชนิดฟลูออเรสเซ้น จากการศึกษาพบว่าวิธีการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมมีความไวสูงถึง 97.30% และมีความจำเพาะ 100% ในขณะที่วิธีกล้องจุลทรรศน์ชนิด ฟลูออเรสเซ้นมีความไว 91.9% และมีความจำเพาะ 100% เช่นเดียวกันซึ่งทั้งสองวิธีไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.61)
บทคัดย่อ (EN): however, comparisons of their sensitivities have not been conducted. An evaluation of the sensitivities of three DNA extraction methods (i.e. FTA filter paper, QIAamp stool mini kit, and conventional phenol/chloroform method) by using fecal specimens with known concentration of G. duodenalis cysts was performed. FTA filter paper was the most effective method, which could detect G. duodenalis in fecal specimens with the concentration of at least 0.6 cysts/PCR reaction mixture. The sensitivities of 5 previously described PCR protocols, using five different genotyping primer sets, were also compared in Giardia DNA derived from both trophozoites and cysts. The results showed that RH11/RH4, GiarF/GiarR primer set that amplified SSU-rRNA gene of this organism was the most sensitive primer. A blind diagnostic test to compare PCR and immunofluorescent assay for the detection of G. duodenalis in stool specimens was also conducted. FTA filter paper for DNA extraction together with the PCR method using the primer set RH11/RH4, GiarF/GiarR primer set showed 97.30% sensitivity and 100% specificity for the detection of G. duodenalis in stool specimens, while the immunofluorescent assay gave a sensitivity of 91.90% and a specificity of 100%. There were no statistically significant differences (p=0.61) between these two methods.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=3468&obj_id=4972
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Polymerase Chain Reaction
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: Giardia duodenalis เป็นโปรโตซัวเซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ภายในลำไส้เล็กของมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด การวินิจฉัยโรคซึ่งเกิดจากเชื้อชนิดนี้โดยทั่วไปยังใช้วิธีการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ การพัฒนากล้องจุลทรรศน์ชนิดฟลูออเรสเซ้นเพื่อนำมาใช้สำหรับการวินิจฉัยโรคสามารถเพิ่มความไวในการตรวจวินิจฉัยได้ อย่างไรก็ตามทั้งสองวิธีดังกล่าวไม่สามารถใช้จำแนกสายพันธุ์ของเชื้อชนิดนี้ได้ จึงมีการพัฒนาวิธีการเพิ่มสารพันธุกรรมขึ้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แม้ว่าวิธีการเพิ่มสารพันธุกรรมและวิธีการสกัดสารพันธุกรรมหลายวิธีได้ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับการตรวจหาเชื้อชนิดนี้แต่ยังไม่เคยมีการศึกษาเปรียบเทียบความไวของวิธีการเหล่านี้ งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความไวของวิธีสกัดสารพันธุกรรม 3 วิธี ได้แก่ ชุดสกัดสารพันธุกรรมชนิดสำเร็จรูป 2 ชนิด คือ FTA assay และ QIAamp stool mini kit และวิธีสกัดสารพันธุกรรมแบบดั้งเดิมด้วยสารฟีนอลคลอโรฟอร์ม จากการทดลองพบว่ามีวิธี FTA assay มีความไวที่สุด โดยสามารถสกัดสารพันธุกรรมของเชื้อในตัวอย่างอุจจาระได้ถึงแม้ว่ามีเชื้อเพียง 0.6 cysts เท่านั้น เนื่องจากความไวสูงของวิธี FTA assay ดังนั้นวิธีนี้จึงถูกนำมาใช้ในการประเมินความไวของของไพรเมอร์ในการสังเคราะห์สารพันธุกรรมของเชื้อในตัวอย่างอุจจาระและเชื้อจากการเพาะเลี้ยงในห้องทดลองพบว่าไพรเมอร์ชุด RH11/RH4, GiarF/GiarR ซึ่งใช้จำเพาะกับ SSU gene เป็นไพรเมอร์ที่ให้ผลดีที่สุด และยังสามารถนำไปใช้วิเคราะห์หาสายพันธุ์ของเชื้อได้อีกด้วย นอกจากนี้ในการศึกษาครั้งนี้ได้เลือกวิธีการสกัดสารพันธุกรรมและไพรเมอร์ที่มีความไวสูง เพื่อนำมาใช้ในการเปรียบเทียบความไวและความจำเพาะระหว่างวิธีการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมและวิธีกล้องจุลทรรศน์ชนิดฟลูออเรสเซ้น จากการศึกษาพบว่าวิธีการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมมีความไวสูงถึง 97.30% และมีความจำเพาะ 100% ในขณะที่วิธีกล้องจุลทรรศน์ชนิด ฟลูออเรสเซ้นมีความไว 91.9% และมีความจำเพาะ 100% เช่นเดียวกันซึ่งทั้งสองวิธีไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.61)
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การเปรียบเทียบความไวของ PCR วิธีต่าง ๆ ในการแยกสายพันธุ์ของเชื้อจิอาร์เดียดูโอดีนาลิส
Kwannan Nantavisai
มหาวิทยาลัยมหิดล
2549
การตรวจหาเชื้อเลปโตสไปร่าสายพันธุ์ก่อโรคอย่างรวดเร็วในตัวอย่างน้ำสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีดูเพล็ก-พีซีอาร์ การเปรียบเทียบสมรรถภาพการผลิตและองค์ประกอบซากของไก่เนื้อสายพันธุ์การค้า 3 สายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย การตรวจหาปัจจัยที่ทำให้เชื้อวัณโรคสายพันธุ์ที่แยกได้จากน้ำใขสันหลังมีความรุนแรงในการก่อโรค การตรวจหาเชื้อเลปโตสไปราสายพันธุ์ก่อโรคอย่างรวดเร็วในตัวอย่างซีรัมด้วยวิธีดูเพล็ก-พีซีอาร์และการไฮบริไดเซชันด้วยโพรบที่สังเคราะห์ 2 ช การแยกเชื้อและการจำแนกสายพันธุ์ Orientia tsutsugamushi จากสัตว์ฟันแทะ ตัวไรอ่อนและมนุษย์ ในบางพื้นที่ ของประเทศไทย ผลของรังสีอุลตร้าไวโอเลตต่อความมีชีวิตของเชื้อ Cryptosporidium oocysts ในน้ำ การตรวจติดตามและบ่งชี้การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช5เอ็น1โดยเทคนิคของเซมิคอนดักเตอร์เบสโอลิโกนิวคลีโอไทด์ไม การศึกษาคุณลักษณะทางพันธุกรรม และชีวเคมีของเชื้อรา Xyalaria sp. BCC 1067 สายพันธุ์กลายพันธุ์ที่มีความบกพร่องในการสังเคราะห์สาร depudecin ลักษณะทางฟีโนไทป์ของเชื้อ Burkholderia thailandensis ก่อนและหลังจากติดเชื้อ bacteriophage ที่แยกได้จากเชื้อ Burkholder การศึกษาคุณสมบัติและการทำให้บริสุทธิ์ของสารยับยั้งแบคเทอรอโอซินจาก Lactobacillus plantarum สายพันธุ์ PMU33 แยกจากผลิตภัณฑ์อาห
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก