สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยและพัฒนาพลุสารดูดความชื้นเพื่อใช้เสริมการปฏิบัติการเมฆอุ่น สูตร “โซเดียมคลอไรด์”
รัชนีวรรณ ตาฬุมาศสวัสดิ์ - กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยและพัฒนาพลุสารดูดความชื้นเพื่อใช้เสริมการปฏิบัติการเมฆอุ่น สูตร “โซเดียมคลอไรด์”
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: รัชนีวรรณ ตาฬุมาศสวัสดิ์
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ศูนย์วิทยาศาสตร์และพัฒนาระบบอาวุธกองทัพอากาศและ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ ได้มีความร่วมมือดำเนินงานโครงการวิจัยและพัฒนาพลุสารดูดความชื้น (hygroscopic Fare) สูตรโซเดียมคลอไรด์ เพื่อใช้เสริมการปฏิบัติการฝนหลวงเมฆอุ่น ปี 2551 โดยในครั้งนี้เป็นการทำงานในพื้นที่ปฏิบัติการจริงในภาคอากาศ ณ กองบิน 4 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2551 โดยใช้เครื่องบินโจม์ตีธุรการแบบที่ 2 (AU-23) ในการปฏิบัติการยิงพลุ ซึ่งในการทดสอบดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อทดสอบพสุสารดุดความชื้นโซเดียมคลอไรด์ที่มีต่อการเพิ่มปริมาณและ การกระจายของฝน พร้อมทั้งปรับปรุงให้นำมาใช้งานได้จริงในการทำฝนเมฆอุ่นของประเทศไทย และเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 ได้สรุปผลการทดสอบการใช้งานภาคอากาศจริงของพลุสารดูดความชื้นที่ติดตั้งกับเครื่องบิน AU-23 กองทัพอากาศ เพื่อใช้ทำฝนในสภาวะเมฆอุ่น โดย พล.อ.ท.มล. สุปรีชา กมลาศน์ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการยุทธทางอากาศ และนายวราวุธ ขันติยานันท์ ผู้อำนวยการสำนัก ฝนหลวงการบินเกษตร พร้อมนักวิชาการและนักบินหน่วยบินหลวง ได้ร่วมกันสรุปผลการทดสอบฯ ณ ห้องประชุมฝูงบิน 402 กองบิน 4 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ได้ผลดังนี้ 1. สามารถสรุปแนวทางและจุดที่จะต้องปรับปรุงให้การปฏิบัติการทำฝนจากเมมอุ่นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปฏิบัติอยู่ ในเกณฑ์หน่วยทดลองทำฝนเมฆอุ่น ยิงพลุใต้ฐานเมมระดับความสูงเฉลี่ย 4,000 ฟุต สามารถปฏิบัติการได้ 13 วัน 25 เที่ยวบิน ปฏิบัติการกับกลุ่มเมฆทดลองจำนาน 58 กลุ่ม โดยการคัดเลือกกลุ่มเมมทดลองแบบสุ่ม เพื่อจะได้มีการ วิเคราะห์เปรียบเทียบหน่วยทดลองที่ทำฝนกับหน่วยทดลองที่ไม่ได้ทำฝน 2. การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ซึ่งกองทัพอากาศคิดขึ้น โดยการจุดพลุสารดุดความชื้น (Hygroscopic Flare) ควันที่ ได้จากการจุดพลุจะให้สารโซเดียมคลอไรด์ ขนาดอนุภาคเฉลี่ย 0.7 ไมครอน โดยน้ำหนักพลุ 1 นัด เท่ากับ 150 กิโลกรัม ของการใช้สารโซเดียมคลอไรด์ที่เป็นผง ในการทดสอบนี้ใช้พสุสารดูดความชื้นโซเดียมคลอไรด์ จำนวน 121 (จาก 172 นัด) ประสิทธิภาพการใช้งานพลุ คิดเป็นร้อยละ 70 และสามารถกำหนดจำนวนพลุที่เหมาะสมในการทำฝนเมมอุ่น 3 นัด รูปแบบการยิงพลุดรั้งละ นัดต่อกลุ่มมฆทดลอง ใช้ระยะเวลาการเผาไหม้ฉลี่ยนัดละ 3 นาที 3. ในแต่ละวันนักวิชาการสำนักฝนหลวงและการบินเกษตรพร้อมกับนักบิน วางแผนการปฏิบัติการทำฝนโดย ประสานกับนักวิชาการเรดาร์ฝนหลวง เพื่อหาพิกัดของกลุ่มเมฆเป้าหมายที่จะขึ้นไปปฏิบัติการ จากนั้นกำหนดพิกัดทำฝน ร่วมกัน ก่อนที่ช่างเครื่องบินจะติดพลุสารดูดความชื้นโซเดียมคลซี่ไรด์ที่บริเวณปีกทั้งสองข้าง โดยเมื่อไปถึงกลุ่มเมฆ เป้าหมายจะต้องทำการถ่ายภาพก่อนปฏิบัติการ เพื่อจะนำไปเปรียบเทียบกับหลังจากยิงพลุไปแล้ว จากนั้นนักบินและ นักวิชาการที่ขึ้นเครื่องบินไปปฏิบัติการจะทำการกดสวิทซ์จากแผงควบคุมเพื่อทำการยิงพลุใต้ฐานเมม โดยระหว่างที่ยิ่งพลุ ออกไปแล้วนั้น เรดาร์จะทำการบันทึกการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มเมฆเป้าหมาย ซึ่งทำให้นักวิชาการและนักบินสามารถนำ ข้อมูลมาเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานได้แม่นยำ ในการปฏิบัติภารกิจนี้เครื่องบิน AU-23 สามารถใช้านได้ดีและ ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เป็นการลดภาระการทำฝนตามปกติ 4. การดำเนินโครงการและการปฏิบัติการจริงทำให้ได้รับผลชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ซึ่งทำให้ทราบว่าการปฏิบัติการทำฝนโดยการนำศักยภาพของแต่ละหวยงานมาบูรณาการ จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการ ทำงานมากขึ้น ในเบื้องต้นได้สรุปไว้มองเห็นผลเด่นชัดว่าการทดสอบทำฝนยิงพสุในสภาวะเมฆอุ่น สามารถเพิ่มปริมาณ น้ำฝนและเพิ่มพื้นที่ของการเกิดฝนได้ กลุ่มมฆที่เข้าเงื่อนไขการทำฝนเมฆอุ่น ในช่วงกลางฤดูฝนจากอิทธิพลของมรสุม ตะวันตกเฉียงใต้ปี 2551 มีพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการทำฝนกระจายตั้งแต่ 71-395 ตร.กม. (44,375-224,376 ไร) ครอบคลุมพื้นที่บริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี อุทัยธานี กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี 5. การทำฝนยิงพลุในสภาวะเมฆอุ่น สามารถตรวจสอบด้วยเครื่องวัดฝนอัตโนมัติในรัศมีการตรวจวัดด้วยเรดาร์ ฝนหลวง มีฝนตกรวม 7 วัน (วันที่ 10, 12, 17,21, 27, 28 และ 30 มิถุนายน 2551) ณ สถานีวัดฝน C02, C05, C06, Co7, CoB, Cog, C10, C12 C23, C32, และ C33 ในช่วงเวลาทำฝนตั้งแต่เวลา 12:24 น.ถึง 20.:36 น. วัดปริมาณฝนได้ รวม 81.79 มิลลิเมตร เปรียบเทียบกับวันที่ไม่ได้ทำฝน มีฝนตกรวม 2 วัน (วันที่ 18 และ 33 มิถุนายน 2551) ณ สถานีวัดฝนหมายเลข C11 และ C13 ในช่วงเวลา 15:23 น. ถึง 16:12 น. วัดปริมาณฝนได้รวม 16.51 มิลลิเมตร จะเห็นได้ว่ ในช่วงกลางฤดูฝนจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ปี 2551 เดือนมิถุนายน โดยเฉลี่ยมีฝนตกปาน กลาง
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://164.115.23.116:8060/Frontend/download?DocumentID=33&fileIndex=0&originalFileName=13%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%86%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%20%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%20%E2%80%9C%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%8C%E2%80%9D.pdf
เผยแพร่โดย: กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
คำสำคัญ: เมฆอุ่น
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมฝนหลวง
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยและพัฒนาพลุสารดูดความชื้นเพื่อใช้เสริมการปฏิบัติการเมฆอุ่น สูตร “โซเดียมคลอไรด์”
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
2551
การพัฒนาโครงร่างการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน : เอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการ การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมการข้าวกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ระยะที่ 2 การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี โครงการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานพลุสารดูดความชื้น สูตร “แคลเซียมคลอไรด์” เพื่อใช้เสริมการปฏิบัติการฝนหลวงเมฆอุ่น โครงการปฏิบัติการวิจัยพลุสารดูดความชื้นเสริมการปฏิบัติการฝนหลวงเมฆอุ่น ปี 2557 โครงการทดสอบการใช้งานพลุสารเคมีดูดความชื้นในการทำฝนเมฆอุ่น โครงการวิจัยและพัฒนาการเพาะปลูกและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเฮมพ์ โครงการย่อยที่ 4: การสร้างเครือข่ายวิจัยและพัฒนาเฮมพ์ โครงการย่อยที่ 5 โครงการวิเคราะห์ปริมาณสาร THC ในเฮมพ์ โครงการ พัฒนาเยาวชนบนพื้นที่สูง โครงการย่อยที่ 1 โครงการคัดเลือกสายพันธุ์เฮมพ์ที่มีปริมาณสาร THC ต่ำ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก