สืบค้นงานวิจัย
แนวทางการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อการคงอยู่ในอาชีพได้อย่างยั่งยืน
ธีราพร ทองปัญญา - สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
ชื่อเรื่อง: แนวทางการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อการคงอยู่ในอาชีพได้อย่างยั่งยืน
ชื่อเรื่อง (EN): Guidelines on The Reinforcement and Development to Strengthen theSugarcane FarmersSustainable Existing Career
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ธีราพร ทองปัญญา
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้ใช้วิธีการวิจัยแบบผสม โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1 เพื่อศึกษาวิถีชีวิตของเกษตรกรชาวไร่ อ้อยในมิติด้นสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม 2) เพื่อศึกษาเส้นทางการประกอบอาชีพของเกษตรกรชาวไร่ อ้อย ตั้งแต่การก้าวเข้าสู่อาชีพ ขั้นตอนการทำงาน เส้นทางการพัฒนา และเป้าหมายของการประกอบอาชีพ และ 3) เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อการคงอยู่ใน อาชีพได้อย่างยั่งยืน โดยได้ทำการศึกษากับกลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อยจากจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัด กำแพงเพชร และจังหวัดสุโขทัย ซึ่งได้ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสำรวจด้วยแบบสอบถาม การ สัมภาษณ์เชิงลึกเฉพาะราย และการสนทนากลุ่ม ซึ่งในการสนทนากลุ่มนี้ได้ใช้การจัดเวทีแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นระหว่าง 2 กลุ่ม คือ (1) กลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อย กับ (2) กลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ ตัวแทนจาก โรงงานน้ำตาล ผู้แทนเครือข่าย ผู้แทนภาครัฐเอกชนสำหรับผลการวิจัยในมิติทางด้านสังคมพบว่า วิถีชีวิตในมิติด้านสังคมของเกษตรกรชาวไร่อ้อยเป็น ลักษณะของการอศัยทุน ทั้งทุนมนุษย์และทุนสังคมที่ตนเองมีอยู่เดิมและที่สร้างเพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อช่วยในการ สนับสนุนการทำงานและการใช้ชีวิตของเกษตรกร ซึ่งในภาพรวมเกษตรกรชาวไร่อ้อยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 83.88) ยังคงมีความพึงพอใจต่อวิถีชีวิตของการเป็นเกษตรกรชาวไร่อ้อยอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด ทั้งนี้ใน การเข้าสู่อาชีพของเกษตรกรชาวไร่อ้อยพบว่า มี 3 ลักษณะสำคัญคือ (1) สืบทอดจากครอบครัว (2) คิดและ เริ่มทำด้วยตนเอง และ (3) ได้รับคำแนะนำ/ถูกชักชวนจากบุคคลอื่น โดยเกษตรกรทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ส่วน ใหญ่ (ร้อยละ 53.85 และร้อยละ 50.00) ได้เข้าสู่อาชีพด้วยการสืบทอดมาจากครอบครั่ว และเมื่อเข้าสู่อาชีพ แล้ว เกษตรกรได้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนต่างๆ ที่ไม่ใช่เฉพาะแต่เกษตรกรชาวไร่อ้อยด้วยกันเท่านั้น แต่ยัง เป็นลักษณะของการทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มทางสังคมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์กับกลุ่มของ เกษตรกรชาวไร่อ้อยด้วยกันและกลุ่มทางโรงงานน้ำตาล โดยเป็นในรูปแบบของการจ้างและหรือเช่า ผ่าน ขั้นตอนการทำงานของเกษตรกรชาวไร่อ้อย 5 ขั้นตอน คือ (1) ขั้นตอนการเตรียมก่อนปลูก ทั้งในเรื่องของการ เตรียมดินและเตรียมพันธุ์อ้อย (2) ขั้นตอนการปลูก (3) ขั้นตอนการดูแล (4) ขั้นตอนการเก็บเกี่ยว และ (5) ขั้นตอนการขนส่ง ทำให้การมีเครือข่ายและความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีกับกลุ่มคนต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น สำหรับการทำงานของเกษตรกรชาวไร่อ้อยและเป็นช่องทางหนึ่งของการได้พัฒนาความรู้ที่จะนำไปสู่การ พัฒนาอาชีพของตน ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่มีการตั้งเป้าหมายในการทำงานของตน และมีความคาดหวังใน อนาคต โดยมีความคิดในการสืบทอดอาชีพสู่ลูกหลานและต้องการที่จะอยู่ในอาชีพการทำไร่อ้อยของตนต่อไป ซึ่งแนวทางที่จะช่วยพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยสามารถคงอยู่ในอาชีพได้ต่อไป ต้องประกอบไปด้วย 1) ความร่วมมือระหว่างกันของกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อย กลุ่มจาก โรงงานน้ำตาล และกลุ่มจากหน่วยงานภาครัฐ ที่จะมาขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาอาชีพการทำไร่อ้อยให้เข้มแข็งขึ้น ด้วยการแสดงบทบาทและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนด้วยความถูกต้อง เหมาะสม และเท่า เทียมกัน และ 2) เกษตรกรมีคุณลักษณะของการเป็นเกษตรกรที่ดีอันนำไปสู่ความเข้มแข็งในอาชีพ ซึ่ง ประกอบด้วย 4 ลักษณะสำคัญคือ (1) เป็นผู้รู้จักแสวงหาความรู้หรือประสบการณ์ (2) เป็นผู้ที่มีความขยันและ ตั้งใจในการทำงาน (3) เป็นผู้มีใจรักในอาชีพทำไร่อ้อย และ (41) เป็นผู้ที่มีวินัยการใช้จ่ายและรู้จักการต่อ ยอดเงิน ในมิติทางด้านเศรษฐกิจ พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่มีที่อยู่หรือที่ทำกินเป็นของตนเองซึ่งสามารถใช้ พื้นที่ของตนในการสร้างผลผลิตเพื่อหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ รายได้ตลอดปีของเกษตรกรชาวไร่อ้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตอ้อยเป็นหลัก สามารถคาดการณ์รายได้ได้ค่อนข้างแน่นอนกว่าการปลูกพืชชนิดอื่น หากปีใดไม่ประสบกับสภาวะภัยแล้ง ปริมาณผลผลิตจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ทั้งนี้ เกษตรกรส่วนใหญ่ยังขาด ความสามารถในการบริหารจัดการการเงินในครัวเรือน โดยเงินในการทำไร่อ้อยส่วนใหญ่จะพึ่งพาการกู้ยืมเงิน จากโรงงานน้ำตาลเป็นหลัก และถ้าเป็นการกู้ระยะยาวเพื่อใช้ในการลงทุนในที่ดิน เครื่องจักรและอุปกรณ์ การเกษตร เกษตรกรรายกลางและรายใหญ่จะกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) นอกจากนี้ เกษตรกรยังค่อนข้างมีต้นทุนการทำไร่อ้อยสูง โดยมีต้นทุนแปรผันที่เป็นต้นทุนหลักกว่าร้อยละ 82.4 ของตันทุนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เกษตรกรได้มีการวางเป้าหมายโดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มรายได้จากการ ประกอบอาชีพไร่อ้อย ผ่านความพยายามในการลดต้นทุนและการหารายได้ใหม่ทั้งจากการขยายพื้นที่การทำ ไร่และจากการประกอบอาชีพเสริม แต่ทั้งนี้ เกษตรกรยังคงรับรู้การเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจผ่าน ช่องทางวิทยุและโทรทัศน์ โดยขาดการเข้าถึงช่องทางใหม่ที่คนในสาขาอาชีพอื่นใช้ในปัจจุบัน ประกอบกับการ สนับสนุนจากภายนอกส่วนใหญ่ทั้งจากโรงงานและภาครัฐยังเป็นการสนับสนุนในเรื่องการเงินเป็นหลัก ส่งผล ทำให้เกษตรกรยังคงใช้เป็นทางออกในการแก้ปัญหาสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนในการผลิตอ้อย ในมิติทางด้านสิ่งแวดล้อม พบว่า การที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ที่ต่างกันมาจากการ เข้าถึงทรัพยากรสิ่งแวดล้อมที่ไม่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะทรัพยากรที่ดิน ทรัพยากรน้ำ คุณภาพท่อนพันธุ์ และ การเข้าถึงเทคโนโลยีการปลูก นอกจากนี้ภายใต้สถานการณ์ความแปรปรวนของสภาพลมฟ้าอากาศได้ส่งผล อย่างมากต่อปริมาณน้ำฝนที่ตกไม่สม่ำเสมอ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อผลผลิตอ้อย โดยลักษณะของพื้นที่ปลูกอ้อย ของเกษตรกรมีทั้งที่เป็นพื้นที่ลุ่มและพื้นที่ตอน และปัญหาที่ดินที่มีผลต่อผลผลิตอ้อยของเกษตรกรส่วนใหญ่ (ร้อยละ 82.22) ก็คือ การประสบกับปัญหาความอุดมสมบูรณ์ของดิน นอกจากนี้ ในการตัดสินใจเข้าสู่อาชีพ พบว่า การเข้าถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมของกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ส่งผลต่อการผลิตอ้อย มีส่วนอย่างมากต่อ การตัดสินใจก้าวเข้าสู่อาชีพของเกษตรกร ได้แก่ คุณภาพของดิน ความเพียงพอของแหล่งน้ำ การเข้าถึงท่อน พันธุ์และเทคโนโลยี รวมถึงความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ปัญหาภัยพิบัติต่างๆ ส่วนขั้นตอนการทำงาน ในไร่อ้อยพบว่า เกษตรกรชาวไร่อ้อยส่วนใหญ่ก่อนการปลูกอ้อยได้มีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์บำรุงดิน และมีการไถ พรวนดินก่อนเพื่อบำรุงตออ้อย โดยเมื่อถึงเวลาของการตัดอ้อยพบว่า ส่วนใหญ่เลือกใช้วิธีตัดอ้อยสดด้วยการ ใช้รถตัด และได้ใช้รถไถในการกลบเศษวัสดุเหลือทิ้ง นอกจากนี้กษตรกรยังได้รู้จักวิธีการปรับปรุงคุณภาพดิน และปรับตัวต่อปัญหาการระบาดของโรคพืชและศัตรูพืช รวมถึงการรับมือกับภัยแล้ง
บทคัดย่อ (EN): This research, both quantitative and qualitative, had the objectives of 1) studying the ways of life of sugar cane farmers with regard to their society, economy and environments, 2) learning their occupational paths from career entry, working processes, developmental routes and career targets and 3) looking for the developmental and strengthening guidelines for sugar cane farmers sustainable careers. The subjects were sugar cane farmers in Nakhon Sawan, Kamphaengphet and Sukhothai Provinces. The data were collected by questionaire, in depth interview with certain specific subjects and group discussion. Idea exchange between the two groups, namely, the sugar cane farmers VS the people relevant to this farming, who were the representatives of the sugar cane plants, the network delegates and the representatives of the private and governmental sectors.The socio-dimentional results indicated that the social ways of life of the sugar cane farmers were based on capital, l.e. the then-held and additionally created human and social capitals that supported the farmers work and living. Most sugar cane farmers, 83.88 per cent, were satisfied with their farming life much to the most. The sugar cane farmers had come into their careers from three main ways, (1) transmission within family, (2) through thoughts and start by themselves, and (3) recommendations / persuasion by others. Most of the farmers, old and new, 53.85 and 50 per cent respectively, started their farming jobs from their own families. After the entry, the farmers had been associated with various groups of people including non-farmers and with the co-working between social groups especially the relationships among the sugar cane farmers and the sugar making plants in the format of hiring and / or lease via the 5 stages of the farmers sugar cane working process, which were (1) the pre-growing stage with regard to soil and sugar cane variety preparation, (2) the growing stage, (3) the care-taking stage, (4) the harvesting stage, and (5) the transport stage. The social networks and relationships with other groups of people thus are necessary for the sugar cane farmers and were one channel of the know-how and career development. Most farmers set their working goals and had future expectations that they planned to transmit their careers to their afterwards generations and wished to do their works further. Accordingly, the developmental and strengthening guidelines for the sugar cane farmers to sustain their careers must comprise of (1) the cooperation between groups, regardless of being the sugar cane farmers, the sugar producing plants and the governmental offices, all of whom need to drive on the sugar cane career development by assuming the correct, proper and equal roles and responsibilities, and (2) the creation of the good farmer qualifications that will lead to their career strength. The four main traits of being the good farmers are: (1) knowledge or experience seekers, (2) diligent persons with working determination, (3) love of sugar cane careers, and (4) income top-ups upon spending discipline. In the economic dimension, the research discovered that most farmers had residential or income-earning land of themselves, where they could produce yields to raise themselves and families. The annual income of the sugar cane farmers depended on the sugar cane output volume mainly and their income projections showed more constant outcome than those of other farm plants. Without drought, yield volume were sufficiently high. Nonetheless, most sugar cane farmers still needed household financial management capacity on the ground that their farming activities mostly relied on loans at cane sugar making plants. The long term loans went to the investment in land and farming machinery and equipment. The medium and large farmers borrowed at the Agricultural and Cooperatives Bank. Besides, sugar cane growing recorded high costs, with the variable cost, the main in all, at more than 82.4 per cent. In reply to the high financial burden, farmers set up the targets with the emphasis on income adding via the cost reduction and new income sources from farming land increase and extra jobs. Notwithstanding, the farmers still recognized the economic change from television and radio without access to the new channels other professions have currently deployed. Meanwhile, the mainly financial supports from the external sources, i.e. plants and the governmental sector, rendered the solution to liquidity and current capital problems solely. Regarding the environmental dimension, sugar cane farmers varied yield averages per rai were attributable to the unequal access to the environmental resources, particularly land, water, breeding stems, and growing technology. The weather variation that led to the unsteady rainfall volume directly affected sugar cane growing that stood on either the wetlands or high terrain. The land problem that hurt the sugar cane growers (82.22 per cent) was the infertile land. In addition, the access to the growing environmental factors much led to the farmers entry into the sugar can farming career. Those factors were the soil quality, the sufficiency of the water resources, the access to breeding stems and technology, including the weather variation and disaster problems. As for the working in the sugar cane farms, most farmers used organic fertilizers to maintain the soil before growing and subsequently ploughing to maintain the sugar cane butts. The sugar cane harvesting scenario manifested the fresh cutting and ploughing over the waste materials by tractor vehicles. The farmers also learned how to improve the soil quality and adjust themselves to the epidemics of the plants and pests including how to handle drought.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://dric.nrct.go.th/Search/SearchDetail/300498
เผยแพร่โดย: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
คำสำคัญ: การเสริมพลังอำนาจ
คำสำคัญ (EN): Empowerment
หมวดหมู่:
หมวดหมู่ AGRIS:
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
แนวทางการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อการคงอยู่ในอาชีพได้อย่างยั่งยืน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
2560
การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์เปรี้ยวแดง (Begonia alicida C. B. Clarke) อย่างยั่งยืน เปรียบเทียบการใช้ชนิดและปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ในการปลูกอ้อยเพื่อเกษตรกรรายย่อยใน อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ โครงการ แนวทางการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อการคงอยู่ในอาชีพได้อย่างยั่งยืนในภาคเหนือตอนล่าง การพัฒนาความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรการทำสวนยางจังหวัดสุราษฎร์ธานี การส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตข้าว เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ความรู้และการปฏิบัติในการป้องกันกำจัดวัชพืชในไร่อ้อยของเกษตรกรชาวไร่อ้อย การใช้เทคโนโลยีการผลิตอ้อยของเกษตรกรชาวไร่อ้อยอำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ การพัฒนาธุรกิจเกษตรอินทรีย์ในภาคตะวันออก เพื่อสร้างความเข้มแข็งของวิสาหกิจชุมชนอย่างยั่งยืน การใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกรชาวไร่อ้อยในจังหวัดลำปาง โครงการวิจัยและพัฒนาเครื่องฝังปุ๋ยในไร่อ้อย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก