สืบค้นงานวิจัย
ศึกษาประสิทธิภาพชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ย
ทนงศักดิ์ ปะระไทย - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: ศึกษาประสิทธิภาพชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ย
ชื่อเรื่อง (EN): Efficiency of LDD soil testing kit for chemical fertilizer recommendation
บทคัดย่อ: ศึกษาประสิทธิภาพชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ย ในช่วงปีงบประมาณ 2556-2559 ภายใต้วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแนวทางการแปลผลจากใช้ LDD Soil Test Kit ที่เหมาะสมสำหรับใช้ประเมินอัตราการใส่ปุ๋ยสำหรับการปลูกพืชในพื้นที่ปลูกข้าว ข้าวโพดและผักกินใบ ได้ดำเนินการในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 6 7 8 และ 9 ในลักษณะของแผนงานวิจัยซึ่งประกอบด้วย 3 แผนงานวิจัยย่อย คือ แผนงานวิจัยย่อยที่ 1 การใช้ประโยชน์ชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยสำหรับการปลูกผัก ประกอบด้วย 6 โครงการวิจัย แผนงานวิจัยย่อยที่ 2 การใช้ประโยชน์ชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าว ประกอบด้วย 5 โครงการวิจัย และแผนงานวิจัยย่อยที่ 3 การใช้ประโยชน์ชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าวโพด ประกอบด้วย 5 โครงการวิจัย รวมพื้นที่ดำเนินการทั้งสิ้น 16 พื้นที่ โดยวางแผนการวิจัยแบบ Randomize Complete Block Design (RCBD) จำนวน 6 วิธีการศึกษา 4 ซ้ำ ร่วมกับการศึกษาแบบสังเกตการณ์ (Observation trial) ในพื้นที่ ในปี พ.ศ. 2556-2557 ทำการวางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block จำนวน 4 ซ้ำ ส่วนที่สองเป็นการทดลองในพื้นที่เกษตรกร จำนวน 4 ราย ซึ่งจะคัดเลือกพื้นที่ของเกษตรกรที่มีลักษณะดินเหมือนกัน ซึ่งในตำรับทดลองจะประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้เกณฑ์ในการพิจารณาแตกต่างกันดังนี้ ตำรับที่ 1 ควบคุม (ไม่ใส่ปุ๋ยทุกชนิด) ตำรับที่ 2 ใส่ปุ๋ยตามวิธีการและอัตราที่เกษตรกรเคยปฏิบัติ ตำรับที่ 3 ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้เกณฑ์ของกรมการข้าว ตำรับที่ 4 ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดิน (OM P K) โดยใช้ปริมาณการดูดใช้ไนโตรเจนของพืช และค่าวิกฤตของฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมในดินเป็นเกณฑ์ พิจารณาร่วมกับการปลดปล่อยไนโตรเจนจากอินทรียวัตถุในดินและประสิทธิภาพการดูดใช้ไนโตรเจนของพืชที่ 50 % ตำรับที่ 5 ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดิน (P K) โดยใช้ปริมาณการดูดใช้ธาตุอาหารหลักของพืชร่วมกับการชดเชยปริมาณธาตุอาหารที่สูญเสียจากกระบวนการชะล้างของดินคิดเป็นปริมาณ 30 % ของการดูดใช้ของพืชเป็นเกณฑ์ ตำรับที่ 6 ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้คำแนะนำของสำนักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน ในปี พ.ศ. 2558 ทำการวางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block จำนวน 4 ซ้ำ ซึ่งในตำรับทดลองจะประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้เกณฑ์ในการพิจารณาแตกต่างกันดังนี้ ตำรับที่ 1 ควบคุม (ไม่ใส่ปุ๋ยทุกชนิด) ตำรับที่ 2 ใส่ปุ๋ยตามวิธีการและอัตราที่เกษตรกรเคยปฏิบัติ ตำรับที่ 3 ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้เกณฑ์ของกรมวิชาการ ตำรับที่ 4 ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้ปริมาณการดูดใช้ไนโตรเจนของพืชร่วมกับการปลดปล่อยไนโตรเจนจากอินทรียวัตถุในดินและประสิทธิภาพการดูดใช้ไนโตรเจนของพืชที่ 50 %และค่าวิกฤตของฟอสฟอรัสในดินที่ 10 มก./กก.และค่าวิกฤตโพแทสเซียมในดิน100 มก./กก.เป็นเกณฑ์ ตำรับที่ 5 ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้เกณฑ์สูงสุดของกรมวิชาการ ตำรับที่ 6 ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินจาก LDD soil test kit โดยใช้อัตราปุ๋ยจากวิธีการที่สามารถลดต้นทุนด้านปุ๋ยและไม่กระทบผลผลิต (ข้อมูลจากการทดลองปี 2557) ซึ่งผลการดำเนินงานออกได้เป็น 2 ส่วนดังนี้ ส่วนที่ 1 ด้านการสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ ผลจากการดำเนินงาน ในช่วงปีงบประมาณ 2556-2558 การดำเนินงานของคณะทำการศึกษาวิจัยโดยการให้คำปรึกษาจากที่ปรึกษาแผนงานวิจัย ซึ่งมี ผศ.ดร.อำพรรณ พรมศิริ เป็นผู้คอยให้คำปรึกษาแนะนำ ทั้งในด้านการวิเคราะห์ประเด็นปัญหา การวางแผนสำหรับดำเนินการแก้ไขปัญหา การดำเนินการแก้ไข การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและการเขียนรายงานผลที่ได้ จึงทำให้แผนงานวิจัยนี้สามารถสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ได้จำนวน 5 ราย ส่วนที่ 2 ผลการศึกษาแนวทางการแปลผลจากใช้ LDD Soil Test Kit ที่เหมาะสมสำหรับใช้ประเมินอัตราการใส่ปุ๋ยสำหรับการปลูกพืชในพื้นที่ปลูกข้าว ข้าวโพดและผักกินใบ โดยพิจารณาในด้านความเหมาะสมทั้งทางด้านของผลผลิตและความคุ้มทุนในการดำเนินการของเกษตรกรเป็นหลัก สามารถสรุปได้ดังนี้ พืชผักกินใบ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แนวทางโดยยึดผลวิเคราะห์ปริมาณอินทรียวัตถุร่วมกับปริมาณฟอสฟอรัสในพื้นที่เป็นหลัก คือ - แนวทางที่ 1 ปริมาณอินทรียวัตถุมีค่าอยู่ในระดับปานกลางหรือมากกว่า แนวทางที่เหมาะสมคือ ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้เกณฑ์สูงสุดของกรมวิชาการ - แนวทางที่ 2 ปริมาณอินทรียวัตถุมีค่า ต่ำกว่าระดับปานกลาง และปริมาณฟอสฟอรัสที่วิเคราะห์ได้มีค่า สูงกว่าระดับปานกลาง แนวทางที่เหมาะสมคือ ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้ปริมาณการดูดใช้ไนโตรเจนของพืชร่วมกับการปลดปล่อยไนโตรเจนจากอินทรียวัตถุในดินและประสิทธิภาพการดูดใช้ไนโตรเจนของพืชที่ 50 %และค่าวิกฤตของฟอสฟอรัสในดินที่ 10 มก./กก.และค่าวิกฤตโพแทสเซียมในดิน 100 มก./กก.เป็นเกณฑ์ - แนวทางที่ 3 ปริมาณอินทรียวัตถุมีค่า ต่ำกว่าระดับปานกลาง และปริมาณฟอสฟอรัสที่วิเคราะห์ได้มีค่า ต่ำกว่าระดับปานกลาง แนวทางที่เหมาะสมคือ ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินจาก LDD soil test kit โดยใช้อัตราปุ๋ยจากวิธีการที่สามารถลดต้นทุนด้านปุ๋ยและไม่กระทบผลผลิต ข้าว สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แนวทางโดยยึดผลวิเคราะห์ปริมาณอินทรียวัตถุในพื้นที่เป็นหลัก คือ - แนวทางที่ 1 ปริมาณอินทรียวัตถุที่วิเคราะห์ได้มีค่า อยู่ในระดับปานกลาง แนวทางที่เหมาะสม คือ ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดิน (P K) โดยใช้ปริมาณการดูดใช้ธาตุอาหารหลักของพืชร่วมกับการชดเชยปริมาณธาตุอาหารที่สูญเสียจากกระบวนการชะล้างของดินคิดเป็นปริมาณ 30 % ของการดูดใช้ของพืชเป็นเกณฑ์ - แนวทางที่ 2 ปริมาณอินทรียวัตถุที่วิเคราะห์ได้มีค่า ต่ำกว่าระดับปานกลาง แนวทางที่เหมาะสมคือ ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินจาก LDD soil test kit โดยใช้อัตราปุ๋ยจากวิธีการที่สามารถลดต้นทุนด้านปุ๋ยและไม่กระทบผลผลิต - แนวทางที่ 3 ปริมาณอินทรียวัตถุที่วิเคราะห์ได้มีค่า สูงกว่าระดับปานกลาง แนวทางที่เหมาะสมคือ ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้ปริมาณการดูดใช้ไนโตรเจนของพืชร่วมกับการปลดปล่อยไนโตรเจนจากอินทรียวัตถุในดินและประสิทธิภาพการดูดใช้ไนโตรเจนของพืชที่ 50 %และค่าวิกฤตของฟอสฟอรัสในดินที่ 10 มก./กก.และค่าวิกฤตโพแทสเซียมในดิน100 มก./กก.เป็นเกณฑ์ ข้าวโพด แนวทางการแปลผลจากใช้ LDD Soil Test Kit สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แนวทางโดยยึดผลวิเคราะห์ปริมาณอินทรียวัตถุในพื้นที่เป็นหลัก คือ - แนวทางที่ 1 ปริมาณอินทรียวัตถุที่วิเคราะห์ได้มีค่า อยู่ในระดับปานกลาง แนวทางที่เหมาะสมสำหรับการจัดการปุ๋ยในพื้นที่คือ ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินจาก LDD soil test kit โดยใช้อัตราปุ๋ยจากวิธีการที่สามารถลดต้นทุนด้านปุ๋ยและไม่กระทบผลผลิต - แนวทางที่ 2 ปริมาณอินทรียวัตถุที่วิเคราะห์ได้มีค่า ต่ำกว่าระดับปานกลาง แนวทางที่เหมาะสมสำหรับการจัดการปุ๋ยในพื้นที่คือ ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้เกณฑ์ของกรมวิชาการ - แนวทางที่ 3 ปริมาณอินทรียวัตถุที่วิเคราะห์ได้มีค่า สูงกว่าระดับปานกลาง แนวทางที่เหมาะสมสำหรับการจัดการปุ๋ยในพื้นที่คือ ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดยใช้เกณฑ์สูงสุดของกรมวิชาการ นอกจากนี้ยังพบว่า ในพื้นที่ลุ่ม การนำค่าการประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดิน (OM P K) โดยใช้ปริมาณการดูดใช้ไนโตรเจนของพืช และค่าวิกฤตของฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมในดินเป็นเกณฑ์ พิจารณาร่วมกับการปลดปล่อยไนโตรเจนจากอินทรียวัตถุในดินและประสิทธิภาพการดูดใช้ไนโตรเจนของพืชที่ 50% มีความเหมาะสมสำหรับนำมาใช้เป็นแนวทางการแปลผลจากใช้ LDD Soil Test Kit ที่เหมาะสมสำหรับใช้ประเมินอัตราการใส่ปุ๋ยสำหรับการปลูกพืชมากกว่าการประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดิน (P K) โดยใช้ปริมาณการดูดใช้ธาตุอาหารหลักของพืชร่วมกับการชดเชยปริมาณธาตุอาหารที่สูญเสียจากกระบวนการชะล้างของดินคิดเป็นปริมาณ 30 % ของการดูดใช้ของพืชเป็นเกณฑ์ ส่วนพื้นที่ดอน การใช้คำแนะนำการจัดการปุ๋ยตามคำแนะนำของห้องปฏิบัติการหรือเกณฑ์ของกรมวิชาการเกษตรสำหรับเป็นแนวทางการแปลผลจากใช้ LDD Soil Test Kit มีความเหมาะสมมากที่สุด
บทคัดย่อ (EN): The efficiencies of Land Development Department soil testing kit for chemical fertilizer recommendation was tasted during 2013 – 2016 in order to find out how to use the soil analysis data form soil testing kit to estimate the suitable rates of chemical fertilizer application for rice corn and leafy vegetables. The studies were conducted in the farmers’ fields under responsibilities of the 6th, 7th, 8th and 9th LDD Regional Offices. The studies were divided into 3 sub research projects, according to the tested crops which were vegetables, corn and rice. In vegetable research project, there were 6 subprojects but in corn and rice research project, there were 5 subprojects. The total numbers of field experiments were 16. In 2013 and 2014, the experiments for each crop were divided into 2 parts. The first part was the experiment using randomized complete block design (RCBD) with 6 treatments and 4 replications. The second part was the observation trial in which 4 farmers were participated in which each farmer tested 5 fertilizer rates with 1 replication/rate. The fertilizer rates for corn rice and leafy vegetable in low land soil used in the first and second parts were use follows, Tr.1 control without chemical fertilizer application, Tr.2 farmer rate, Tr.3 recommended rate of Department of Agriculture (DOA) or Rice Department (RD), Tr.4 application rate of N depending on N released from soil organic matter, N uptake of the tested crop at the expected yield and assuming that N fertilizer use efficiency of the tested crop was 50%, P and K application rates depending pre-plant soil analysis data and critical levels of available P and exchangeable K, Tr.5 application rate of N depending on uptake of the tested crop at the expected yield and compensating N lost from leaching and run off 30% of N uptake, P and K application rates depending on P and K uptake of the tested crop at the expected yield, P and K lost from soil about 30% and pre-plant soil analysis data of available P and exchangeable K, Tr.6 application rates N, P and K according to the recommendation of mobile unit, Land Development Department. For vegetable experiment on highland, the fertilizer rate in Tr.3 was the recommended rate of Royal Project while that in Tr.6, the recommended rate of DOA was used. The treatments used in second part similar with those in the first part except Tr.6 was no included. In 2015, the fertilizer treatment used in Tr.1, Tr.2, Tr.3 and Tr.4 for rice corn and lowland vegetables were the same as those in 2013 and 2014 but in Tr.5, the maximal recommended rates of DOA was used, In Tr.6, the application rates of N, P and K were based on the soil analysis data by LDD soil testing kit and the recommendation of DOA, or Rice Department. For vegetable trials on highland, there were only 2 fertilizer rates being tested, farmer rates and DOA recommended rates, each with 3 replications. The research project were conducted under the advices of assistant professes Dr.Ampan Bhromsiri for experimental planning, problem solving, collecting data and preparing research report which resulted in producing 5 new researchers. The experimental results indicated that LDD soil testing kit could be used for estimating the proper rates of application of N, P and K for rice corn and leafy vegetables in terms of yield and cost recovery. The proper chemical fertilizer rates for leafy vegetables rice and corn could be estimated according to the following guide lines: Leafy vegetable. There were 3 guide lines for recommendation of chemical fertilizer application rates based on soil analysis of OM and available P from LDD soil testing kit. 1) If the soil contained moderate amount of OM or above, the lowest rate of N, P and K recommended by DOA showed be applied. 2) If the soil contained lower amount of OM than moderate level and had available P more than moderate level, the proper rate of N could be estimated by considering yield in combination with N released from soil OM and assuming that N fertilizer used efficiency of vegetable crop was 50%, critical levels of available P (10 mg P/kg) and exchangeable K (100 mg K/kg) 3) If soil OM and available P were lower than moderate the highest amount of N P and K recommended by DOA could be used. Rice The recommendation of N, P and K fertilizers could be estimated by consideration of soil analysis data of soil OM 1) If soil OM was moderate, the proper rate of N P and K could be estimated from N, P and K uptake of rice at the expected yield and compensating N P and K lost from leaching and runoff about 30% of there from plant uptake. 2) If soil OM was lower than moderate, the highest rates of N P and K application recommended by Rice Department could be used. 3) If soil OM was higher than moderate, the proper rate of N could be estimated by N uptake of rice plant at the expected yield, N released from OM and assuming that N fertilizer used efficiency of rice was 50% while P and K fertilizer rate could be levels by available P Z10 mg P/kg) and exchangeable K (80 mg K/kg) Corn The application rates of N P and K for corn could be estimated by considering of soil analysis of OM and the recommended rates of DOA could be used. In addition, If the soil group was considered, it was found that in lowland areas, the chemical fertilizer rates estimated by considering soil analysis data (OM P and K) in combination will N released from OM, N uptake and N fertilizer use efficiency, critical level of available P and exchangeable K was more suitable to be used together with soil analysis data from LDD soil testing kit than those considering from N P and K uptake of plant and plant nutrient lost from leaching (30%). For upland soil, the recommended rate of DOA was suitable to be used together with soil analysis data from LDD soil testing kit.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: ธาตุอาหารพืช
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ศึกษาประสิทธิภาพชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ย
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2558
การใช้ประโยชน์ชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าวในจังหวัดลำพูน การใช้ประโยชน์ชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดนครสวรรค์ การใช้ประโยชน์ชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าวในจังหวัดแพร่ และ น่าน การใช้ประโยชน์ชุดตรวจดินภาคสนามกรมพัฒนาที่ดินสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยสำหรับการปลูกผักในจังหวัดนครสวรรค์ การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกข้าวโพด ในจังหวัดลำพูน การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกผักกวางตุ้งและคะน้า ในจังหวัดนครสวรรค์ การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกผัก ในจังหวัดเชียงใหม่ การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในจังหวัดนครสวรรค์ การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการ ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในจังหวัดเชียงใหม่ การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในจังหวัดเชียงใหม่
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก