| บทคัดย่อ: |
โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงปลิงทะเลชนิด Holothurio scobroให้
มีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยเน้นการศึกษาช่วงฤดูกาลสืบพันธุ์ การขุนเลี้ยงในบ่อคอนกรีต พัฒนาเทคนิคการอนุบาล
เพื่อเพิ่มอัตรารอดตายของลูกปลิงทะเลระยะโดลิโอลาเรีย จนถึงขนาด 1.0-2.0 เชนติเมตร และศึกษารูปแบบการ
เลี้ยงปลิงทะเลรูปแบบต่างๆ เพื่อขยายผลสู่เกษตรกรและพัฒนาการเพาะเลี้ยงปลิงทะเลชนิด H.scobro สู่เชิง
พาณิชย์ โดยโครงการวิจัยนี้ประกอบด้วยการศึกษาย่อย 5 เรื่อง ดังนี้
การศึกษาที่ 1 การเพิ่มประสิทธิภาพการพระพันธุ์ปลิงทะโลโดยการศึกษาฤดูกาลสืบทับทับทัมทีบพัมธ์มนนธุ์
ศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะพันธุ์ปลิงทะเลโดยการศึกษาฤดูกาลสืบพันธุ์ดำเนินการเก็บ
รวบรวมพ่อแม่พันธุ์ปลิงทะเลน้ำหนัก 200 กรัมขึ้นขึ้นไป จากบ้านเกาะปู จ.กระบี่ เดือนละ 1 ครั้ง นำมากระตุ้นให้
ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ จนครบระยะเวลา 12 เดือน พบว่าในช่วงเดือนมกราคมปลิงทะเลมีเปอร์เซ็นต์การปล่อยเซลล์
สืบพันธุ์มากที่สุด 36.00+5.21% รองลงลงมาคือ เดือนภาพันธ์มีเปอร์เซ็นต์การปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ 23.07+9.6596
และมีแนวโน้มลดจำนวนลงในเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน โดยในเดือนกรกฎาคม-กันยายน ปลิงทะเลไม่ปล่อยเซลล์
สืบพันธุ์ออกมา และเริ่มปล่อยเซลล์สืบพันธุ์อีกครั้งในเดือนตุลาคม-ธันวาคม สำหรับผลการศึกษาการพัฒนาอวัยวะ
สร้างเซลล์สืบพันธุ์ของปลิงทะเลที่เก็บรวบรวมจากธรรมชาติโดยยังไม่ผ่านการกระตุ้นให้ปล่อยเชลล์สืบพันธุ์พบว่า
เดือนเมษายน กรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน ไม่พบปลิงทะเลที่มีการพัฒนาอวัยวะสร้างเซลล์สืบพับพันธุ์ในระยะ
mature สำหรับเดือนที่มีการพัฒนาเป็นระยะ mature สูงที่สุด 100.00% คือเดือนมีนาคม ในเดือนเมษายนพบ
การพัฒนาอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์ในระยะ spawn สูงที่สุด 91.6696 และผลการพัฒนาอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์
ของปลิงทะเลจากธรรมชาติที่ผ่านการกระตุ้นให้ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์แต่ไม่ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์พบว่าปลิงทะเลส่วน
ใหญ่เป็นปลิงที่ไม่พบอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธ์หรือพบแต่มีขนาดเล็ก สำหรับปริมาณการปล่อยเซลล์สืบพันพันธ์พบว่า
ในเดือนมกราคมมีจำนวนปลิงทะเลปล่อยเชลล์สืบพับพันธุ์มากที่สุด 3696 รองลงมาคือเดือนกุมภาพันธ์ 23.07%
หลังจากนั้นปลิงทะเลมีจำนวนปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ลดลงจนถึงเดือนมิถุนายน และเริ่มปล่อยเชลล์สืบพันธุ์เพิ่มขึ้นอีก
ครั้งในเดือนตุลาคมถึงธันวาคม จากการศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่าปลิงทะเลชนิด Holothurio scobra บริเวณบ้านเกาะปู จังหวัดกระบี่ สามารถปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ 9 เดือน คือช่วงเดือนตุลาคม-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิน้ำสูงกว่า
28 "c ส่วนในช่วงที่อุณหภูมิน้ำต่ำกว่า 28 "c ปลิงทะเลจะไม่ปล่อยเซลล์สืบพันธ์ออกมาและไม่มีการพัฒนาเซลล์
สืบพันธุ์ในระยะ mature สำหรับปลิงทะเลที่กระตุ้นแล้วไม่ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์เป็นปลิงทะเลที่ยังไม่มีการพัฒนา
อวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์หรือมีขนาดเล็ก ช่วงเวลาและปริมาณที่ควรเก็บปลิงทะเลมากระตุ้นกรณีมีความต้องการไข่
1-2 ล้านฟอง ในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ปริมาณที่เก็บ 40-50 ตัว ในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน ควรปริมาณ
เพิ่มขึ้น 2:5 เท่า ส่วนในเดือนกรกฎาคม-กันยายนไม่ควรเก็บปลิงทะเลมากระตุ้ม
การศึกษาที่ 2 การพัฒนาเทคนิคการขุนเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลิงทะให้สมบูรณ์เพศ
ศึกษาการขุนเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลิงทะเลในบ่อคอนกรีต โดยแบ่งเป็น 2 ชุดการทดลอง ชุดการทดลองที่
1 ขุนเลี้ยงปลิงทะเลในบ่อคอนกรีตแล้วนำมากระตุ้นให้ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ทุก 1 เดือน และชุดการทดลองที่ 2 ขุน เลี้ยงปลิงทะเลในบ่อคอนกรีตแล้วนำมากระตุ้นให้ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ทุก2 เดือน ดำเนินการในบ่อคอนกรีตขนาด
1X10x1 เมตร ปูพื้นทรายที่กันบ่อหนาประมาณ 3 เชนติเมตร นำหญ้าทะเลชนิด Holophilo ovolis มาปลูกในบ่อ
และนำปลาสอดชนิด Poecilio latipinna มาเลี้ยงร่วมกันเพื่อช่วยกำจัดแมลงน้ำและปรสิตที่ตัวปลิงทะเลนำ
ปลิงทะเลที่รวบรวมได้จากธรรมชาติน้ำหนัก 200 กรัม/ตัว ขึ้นไป ขุนเลี้ยงในบ่อที่เตรียมไว้ความหนาแน่น 12 ตัว/
ตารางเมตร นำปลิงทะเลขึ้นมากระตุ้นให้ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์และส่งตรวจการพัฒนาอวัยวะสร้างเซลล์สืบพับพันธุ์ตาม
กำหนดในแต่ละชุดการทดลอง เมื่อขุนเลี้ยงปลิงทะเลครบระยะเวลา 12 เดือนพบว่าในชุดการทดลองที่ 1 ในเดือน
กุมภาพันธ์มีจำนวนปลิงทะเลปล่อยเซลล์ล์สืบพันธุ์สูงสุด 30% หลังจากนั้นในเดือนมีนาคมและเมายนปลิงทะเลมี
อัตราการปล่อยเชลล์สืบพันธุ์น้อยลงอยู่ที่เดือนละ 6% โดยพบเฉพาะปลิงเพศผู้ สำหรับในเดือนพฤษภาคม
ปลิงทะเลเริ่มกลับมาปล่อยเซลล์สืบพันธ์อีกครั้งปริมาณ10%และมีปริมาณลดลงในเดือนมิถุนายน กรกฎาคม และ
สิงหาคมมีปลิงปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ 2.0, 1.33 และ 1.33% ตามลำดับหลังจากนั้นในเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม
ปลิงทะเลไม่ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ออกมาอีก ผลการศึกษาการพัฒนาอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์พบว่าในเดือน
กุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายนปลิงทะเลมีการพัฒนาอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์ในระยะ mature สูงที่สุดหลังจากนั้นมี
ปริมาณลดน้อยลงและไม่พบการพัฒนาอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธ์ในระยะกาature ในเดือนตุลาคม, พฤศจิกายน
และธันวาคมสำหรับในชุดการทดลองที่ 2 พบว่าในเดือนมีนาคม พฤษภาคม และกรกฎาคม ปลิงทะเลมีเปอร์เซ็นต์
ปล่อยเซลล์สืบพันธ์ 6, 8 และ 1.3396 โดยเดือนพฤษภาคมปลิงทะเลมีเปอร์เซ็นต์การปล่อยเซลล์สืบพันธุ์มากที่สุด
สำหรับในเดือนกันยายนและพฤศจิกายนปลิงทะเลไม่มีการปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ผลการพัฒนาเซลล์สืบพันธุ์พบว่า
ในช่วงเดือนมีนาคม และพฤษภาคม การพัฒนาอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์อยู่ในระยะ prolferative phaseและ
เดือนกรกฎาคมกันยายน และพฤศจิกายน ไม่พบการพัฒนาอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธ์ในระยะ mature จาก
การศึกษาครั้งนี้จึงสรุปได้ว่าการขุนเลี้ยงพ่อแม่ทันธุ์ปลิงทะเลในบ่อคอนกรีตอาจมีระยะเวลาในการขุนเลี้ยงได้จำกัด
ในช่วงเวลา 1-6 เดือน หลังจากนั้นอาจพิจารณานำปลิงทะเลลงปรับสภาพหรือขุนเลี้ยงในบ่อดินหรือในทะเลเพื่อให้
ปลิงทะเลได้รับสารอาหารจากธรรมชาติและมีความหลากหลายของสารอาหารที่ดีการศึกษาที่ 3 การพัฒนาระบบการอนุบาลเพื่อเพิ่มอัตรารอดตายตัวอ่อนปลิงทะเลระยะโดลิโอลาเรีย จนถึง
ขนาด 1.0 เซนติเมตร
ศึกษาการอนุบาลลูกปลิงทะเลระยะโดลิโอลาเรียจนถึงขนาด 1.0 เซนติเมตร ในบ่อคอนกรีตขนาด
1.3x6.7x0.6 เมตร ภายในบ่ออนุบาลใส่วัสดุล่อไดอะตอมและวัสดุสำหรับให้ตัวอ่อนปลิงทะเลลงเกาะเป็น
ถุงพลาสติกสีขาวขุ่นนำมาตัดให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผืนผ้าขนาด 20:20 เซนติเมตร มัดมุมด้านหนึ่งรวมกันให้เป็นช่อด้วย
ยางวง ถ่วงปลายด้านที่มัดรวมกันด้วยทุ่นปูน นำไปวางในบ่อทดลอง จำนวน 60 พวง/บ่อ โดยคำนวณพื้นที่ผิวในบ่อ
ทั้งหมด 407,100 ตารางเซนติเมตร นำลูกปลิงทะเลระยะยะโดลิโอลาเรียลงอนุบาลในบ่อที่เตรียมล่อได้อะตอมไว้แล้ว
ที่ระดับความหนาแน่นแตกต่างกัน 3 ระดับ ได้แก่ 1 ตัว/10 ตารางเซนติเมตร. 1 ตัว/20 ตารางเซนติเมตร 1
ตัว/30 ตารางเชนติเมตร โดยทำการศึกษา 2 ครั้ง ในครั้งที่ 1 เมื่อนำลูกปลิงทะเลลงอนุบาลแล้วเติมหัวเชื้อได
อะตอมลงในบ่ออนุบาลสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และสุ่มปลิงทะเลเพื่อมาศึกษาขนาดของปากและทางเดินอาหาร เมื่อ
ได้ผลการศึกษาในครั้งที่ 1 แล้วจึงนำมาปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการให้อาหารในการศึกษาครั้งที่ 2 ทำการศึกษาครั้ง
ละ 35 วัน เมื่อสิ้นสุดการทดลองพบว่า ในการศึกษาครั้งที่ 1 ลูกปลิงทะเลทั้ง 3 ชุดการทดองมีอัตรารอดตายเฉลี่ย
26.14+3.12, 26.24+2.18และ 24.50+1.4996 ตามลำดับ โดยทั้ง 3 ชุดการทดลองมีอัตรารอดตายไม่แตกต่างกัน
(P>0.05) มีจำนวนลูกปลิงทะเลเหลือในบ่อทดทดลอง 2,047.70+83.02, 5,340.87+443.79 uละ 9,973.89+605.34
ตัว/บ่อ ตามลำดับ โดยขนาดปาก และทางเดินอาหารลูกปลิงทะเลหลังลงเกาะ 7, 14, 21, 28 และ 35 วัน มีขนาด
ปากระหว่าง 18.96-23.23, 20.25-72.38, 20.76:38, 100 -261 และ 209-595 um ตามลำดับขบขนาดทางเดิน
อาหารระหว่าง 100.25-191.53, 282.41-1,687.14, 436.82-688.93, 980.56-1,550.36 455.155.55-3,376:78 บm ตามลำดับ สำหรับขบขนาดความกว้างและความยาวของเซลล์โดอะตอมอายุ 1, 5 และ 10 วันหลังการ
เพาะเลี้ยงในถังอนุบาล มีขนาด 12.40-17.0, 16.79.32, 34.22-34.00 um และ20.60-31.67, 126.77-
307.57, 244.90-362.56 prm ตามลำดับ
ในการศึกษาครั้งที่ 2 เมื่อได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้อาหารปลิงทะเลโดยใช้ข้อมูลการศึกษาในครั้งที่
1 พบว่าปลิงทะเลทั้ง 3 ชุดการทดลองมีอัตรารอดตายเฉลี่ย 45.46+7.56, 48.67+0.64และ 45.79+7.06%
ตามลำดับ โดยทั้ง 3 ชุดการทดลองมีค่าไม่แตกต่างกัน (P>0.05) สำหรับผลผลิตปลิงทะเลที่ได้เฉลี่ยต่อต่อบ่อ
18507.23+605.34, 9907.54+130.67ua: 6214.37+958.13 ตัว/บ่อ จากการศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่าการอนุบาล
ลูกปลิงทะเลระยะโดลิโอลาเรียที่ความหนาแน่น 1 ตัว/10 ตารางเชนติเมตร จะให้ผลผลิตลูกปลิงทะเลสูงที่สุดและ
การอนุบาลลูกปลิงทะเลในช่วง 1-21 วันหลังลงเกาะต้องให้ใดอะตอมที่มีขนาดเล็กกว่า 15 บmกจึงจะเหมาะสมกับ
การอนุบาลลูกปลิงทะเล
การศึกษาที่ 4 การเลี้ยงปลิงทะเลในบ่อคอนกรีตโดยใช้น้ำจากบ่อเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม
ศึกษาการเลี้ยงปลิงทะเลในบ่อคอนกรีตโดยใช้น้ำจากบ่อเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม ดำเนินการศึกษาเป็น
ระยะเวลา 8 เดือน การศึกษาใช้บ่อคอนกรีตทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 1.3x6.7:0.6 เมตร โดยบ่อ 1 ชุด
ประกอบด้วยบ่อจำนวน 2 บ่อ ที่มีผนังบ่อเชื่อมติดกันใช้ท่อพีวีซีเชื่อมต่อกันทางกันบ่อให้น้ำไหลเวียนถึงกังกันได้ ติดตั้ดตั้ดตั้ง
ปั๊มน้ำขนาด 65w ดึงน้ำจากบ่อเลี้ยงปลิงทะเลให้ไหลไปยังบ่อเลี้ยงกังและน้ำจากบ่อเลี้ยงกังไหลกลับไปยังบ่อเลี้ยง
ปลิงทะเลทางท่อที่เชื่อมต่อไว้ท้ายบ่อในอัตรา 2 ลิตร/นาที พร้อมติดตั้งระบบให้อากาศทั่วบ่อ ในบ่อเลี้ยงปลิงทะเล
ปูพื้นบ่อด้วยทรายละเอียดหนา 3 เซนติเมตร นำลูกปลิงทะเลน้ำหนักเฉลี่ยเริ่มต้น 43.85+0.18 กรัม จำนวน 35
ตัว/บ่อ อีกหนึ่งบ่อใส่ลูกกุ้งขาวแวนนาไมที่ความหนาแน่นแตกต่างกัน2 ระดับได้แก่ 700 และ 1,400 ตัว/ตาราง
เมตร เมื่อเลี้ยงปลิงทะเลเป็นระยะเวลา 8 เดือน พบว่าปลิงทะเลทั้ง 2 ชุดการทดลองที่ มีอัตราการเจริญเติบโต
จำเพาะ 0.21+0.11 และ 0.27+0.20 กรัม/ตัว/วัน และมีอัตรารอดตาย 85.71+1.20 และ 84.77+0.5896 โดย
อัตราการเจริญเติบโตจำเพาะและอัตรารอดตายทั้ง 2 ชุดการทดลองมีค่าไม่แตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05) สำหรับ
มูลค่าของปลิงทะเลและกุ้งขาวในชุดการทดลองที่ 1 และ 2 เมื่อเลี้ยงจนครบ 8 เดือน สามารถเลี้ยงกุ้งขาวได้ 2ครั้งๆละ 4 เดือน โดยมีมูลค่าของสัตว์น้ำทั้ง 2 ชนิดรวม 15,001 และ 15,416บาท คิดเป็นกำไร 5,192.11 และ
4,737.11 บาท จากการศึกษาการเลี้ยงปลิงทะเลในบ่อคอนกรีตโดยใช้น้ำจากบ่อเลี้ยงกุ้งตลอดระยะยะเวลา 8 เดือน
พบว่าปลิงทะเลที่เลี้ยงยังมีขนาดเล็กราคาจำหน่ายยังไม่สูงซึ่งหากเลี้ยงต่ออีก 8-12 เดือน คาดว่าปลิงทะเลจะมี
น้ำหนัก 200-250 กรัม มีราคาจำหน่าย 200-250 บาท/ตัว ซึ่งจะทำให้ได้ผลกำไรมากขึ้นและอาจพิจารณาเพิ่ม
อัตราความหนาแน่นของปลิงทะเลเพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้นด้วย
การศึกษาที่ 5 เทคนิคการเลี้ยงปลิงทะเลจนถึงขนาดสมบูรณ์เพศ
ศึกษาการเลี้ยงปลิงทะเลจากการเพาะเลี้ยงจนถึงขนาดสมบูรณ์เพศ โดยทำการศึกษาการเลี้ยงใน 2
พื้นที่ ได้แก่ การเลี้ยงในบ่อดิน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งประจวบศีรีขันธ์ และการเลี้ยงใน
ทะเล บริเวณชายฝั่งทะเลบ้านเกาะปู อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ทั้ง 2 พื้นที่เลี้ยงปลิงทะเลในกระชังพลาสติกขนาด
5x5x5 เมตร ในชุดการทดลองที่เลี้ยงในบ่อดินกางกระชังโดยใช้ไม้ไผ่ปักเป็นเสาสำหรับขึงกระชังชังสี่มุมโดยใช้เชือกยืด
กระชังไว้กับเสาทั้งด้านปากกระชังและกันกระชัง สำหรับชุดการทดลองที่ดำเนินการในทะเลใช้ท่อพีวีพีวีวีชีขนาด 3 นิ้ว
ปักเป็นเสาสำหรับขึงกระชัง ภายในท่อพีวีซีปีกไม้ไว้เป็นแกนกลางพร้อมกรอกปูนซีเมนต์ลงไปภายในท่อเพื่อให้
สามารถต้านทานแรงคลื่นลมได้ ขึงกระชังสี่มุมโดยใช้เชือกยึดกระชังไว้กับเสาทั้งด้านปากกระชังและก้นกระชังนำ
ปลิงทะเลที่ได้จากการเพาะพันธุ์ในโรงเพาะพักขนาดน้ำหนักและความยาวเฉลี่ยเริ่มต้น 8.72+5.43 กรัม และ
4.53+1.15 เซนติเมตร ลงเลี้ยงในกระชังทั้ง 2 พื้นที่ในอัตราความหนาแน่น 5 ตัว/ตารางเมตร เมื่อเลี้ยงปลิงทะเลเป็นเวลา 2 เดือน ปลิงทะเลที่เลี้ยงในบ่อดินและในทะเลมีน้ำหนักและความยาวเฉลี่ย 30.95+17.84.31.49+0.69
กรัม และ 8.23+2,29. 8.38+0.78 เขนติเมตร สำหรับชนิดของตินตะกอนและปริมาณสารอินทรีย์บริเวณแหล่ง
เลี้ยงทั้ง 2 แหล่ง พบว่าในบ่อดินเป็นดินตะกอนชนิด sandy loam ปริมาณสารอินทรีย์ 3.8696 และในทะเลเป็น
ดินตะกอนชนิด loamy sand ปริมาณสารอินทรีย์ 2.62 % ซึ่งพบว่าทั้ง 2 แหล่งเลี้ยงมีปริมาณทรายที่มีขนาด
0.05-0.1 ไมครอนเป็นองค์ประกอบหลักซึ่งปลิงทะเลสามารถจับเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารได้ดีกว่าตะกอนดินขนาด
เล็ก จากการศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่าแหล่งเลี้ยงปลิงทะเลทั้ง 2 แหล่งมีความเหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของปลิงทะเล
เนื่องจากพื้นดินมีองค์ประกอบที่เป็นทรายซึ่งปลิงทะเลสามารถจับเข้าสู่ทางเดนอาหารได้ดีเป็นส่วนมาก |
| บทคัดย่อ (EN): |
The objectives of this research project are to develop culture techniques of sea cucumber
(Holothuria scabra) to be more effective by focusing on the spawning season, culture in a concrete
pond, developing nursery techniques to increase survival rates from doliolaria stage up to juvenile
stage size 1.0-2.0 centimeters and to study various forms of sea cucumber cultivation. To expand to
farmers and develop the cultivation of sea cucumber (Holothuria scabra) to commercial scale.This
research project consists of 5 sub-studies as follows
Study 1: Increasing the efficiency of sea cucumber breeding by studying the spawning season
Studies on efficiency of sea cucumber breeding by studying the spawning season by collecting 200 grams up of sea cucumber from Ban KohPu, Krabi province, 1 time per month. Induce
spawning of sea cucumber until completion of 12 months. At the end of the experiment has been
found in January, sea cucumbers had the highest percentage of spawning, 36.00±5.21 percent, followed by February with spawning 23.07±9.65 percent and the tendency to decrease in February-June.
Which in July-September sea cucumbers do not spawn. And spawn again in October-December As for
the studies of gonad development of sea cucumbers collected from nature without induce spawning,
it was found that in April, July, August and September did not find gonad development in mature
phase. The development is the most mature phase of 100% in March. The spawn phase was highest
91.66% in April. And the results of the gonad development of sea cucumber from natural that have
been induce spawning but not release egg or sperm , it is found that most not have gonad or small
gonad. For the amount of sea cucumber spawning, it was found that in January there was the highest
number of sea cucumber, 36%, followed by February 23.07%. After that, the sea cucumber had decreased the number of spawning until June. And began to spawning more in October-December.
From this study, it can be concluded that sea cucumber Holothuria scabra in Ban Koh Pu,
Krabi province can be spawn throughout the 9 months, which is from October to June. And the sea
cucumber that is induce spawning but not releasing egg or sperm is a sea cucumber that has not yet
developed gonad in the reproductive duct. The period and quantity for collect sea cucumbers for induce spawning (for 1-2 million eggs) during October-February the quantity is 40-50 individual during
March-June the quantity is increases 2-5 times. In July-September, sea cucumbers should not be collect.
Study 2: Development of culture of sea cucumber broodstock techniques for mature size.
Studies on culture of sea cucumber broodstock in the concrete pond by dividing into 2
experimental. The experiment 1 culture of sea cucumber broodstock in the concrete pond and induce
spawning every 1 month and the experiment 2 culture of sea cucumber broodstock in the concrete
pond and induce spawning every 2 month. Conducted in 1x10x1 m. concrete pond. The bottom of the pond was covered with a 3 cm thick sandy and planted seagrass Halophila ovalis. Culture sailfin
molly fish Poecilia latipinna in broodstock tang for help eliminate aquatic insects and parasites disturbing living of sea cucumber. Bring the sea cucumber collected from nature, weight 200 grams or more.
Culture sea cucumber broodstock in the prepared pond densities 12 individual/sqm. The sea cucumber was induces spawning and checking the development of gonad in each experiment for 12 month.
At the end of the experiment has been found the treatment 1 number of sea cucumber spawn in
February was 30%. After that, in March and April the sea cucumbers had a reduced rate was 6% per
month. In May, sea cucumbers began to return, spawning again was 10% and decreasing in June, July
and August. There were spawning 2.0, 1.33 and 1.33%, respectively. After that, from September to December sea cucumber no spawning. The results of the gonad development showed that in February
to June the sea cucumber had the highest gonad development in mature stage, after that which it was
reduced and there were no mature stage in October, November and December. The treatment 2, it
was found that in March, May, and July, sea cucumber had 6, 8 and 1.33% percent of spawn. In May,
sea cucumbers had the highest percentage of spawn. In September and November, sea cucumbers
did not spawn. The results of gonad development showed that in March and May, gonad development was in the period of Proliferative phase, and in July, September and November, no gonad development was observed in the mature stage. From this study, it can be concluded that culture of sea
cucumber broodstock in concrete ponds may have a limited period of culture broodstock for 1-6
months. After that, sea cucumbers may be considered for conditioning or culture broodstock in the
earthen pond or in the sea so that sea cucumbers receive natural nutrients and a good variety of nutrients.
Study 3: The development of nursery system to increase survival rate of the sea cucumber
larvae doliolaria stage to size 1.0 centimeters.
Studies on nursing of sea cucumber larvae doliolaria stage to juvenile stage 1.0 cm in
1.3x6.7x0.6m concrete pond. Inside the nursery pond put the plastic sheet reuse from plastic bag for
culture bentic diatom Nitzschia sp. and for sea cucumber larvae settle. The plastic sheet cut into
20x20cm rectangle. Tie one corner together into a bunch with a rubber band. Counterweight at the
ends of the corner together with a blister concrete. Put the plastic sheet in the nursing pond, amount
60 bunches / pond, by calculating the total surface area in the pond 407,100 sq. m. doliolaria nursed
in the ponds prepared diatoms. The density of doliolaria at 3 different density levels: 1 individual/10
sq.cm, 1 individual/20 sq.cm. And 1 individual/ 30 sq. cm., Conducted 2 studies, in the first time add
diatom concentration to the nursery pond 2 times a week and random the sea cucumber larvae to
study the size of the mouth and the gut. After receiving the results from the 1st study changed of feeding methods in the 2sd study. the 1st and 2nd study period for 35 days/study. At the end of the experiment, it was found that in the 1st study, all 3 treatment had an average survival rate of 26.14± 3.12,
26.24±2.18 and 24.50±1.49%, respectively. All 3 treatment of survival rates were not different (P>0.05 )
There are a number of juvenile in the experimental pond. 2,047.70±83.02, 5,340.87±443.79 and
9,973.89±605.34 individual/pond respectively. The size of the mouth and the gut of sea cucumber larvae after 7, 14, 21, 28 and 35 days after setting were between 18.96-23.23 , 20.25-72.38 , 20.76-38.88, 100-261 and 209-595 µm, respectively. The gut between 100.25-191.53, 282.41-1,687.14, 436.82-688.93,
980.56-1,550.36 and 2,155.55-3,376.78 µm, respectively, for the size, width and length of diatom cells
aged 1, 5 and 10 days after culture in nursery tanks with size 12.40-17.0, 16.79-46.32, 34.22-34.00 µm
and 20.60-31.67, 126.77-307.57, 244.90-362.56 µm respectively. In the 2rd study, when changing the
sea cucumber feeding pattern using the 1st study data, it was found that all 3 treatment had an average survival rate of 45.46±7.56, 48.67±0.64 and 45.79±7.06% respectively. All 3 treatments were not
different (P> 0.05) The average sea cucumber production 18,507.23±605.34, 9,907.54±130.67 and
6,214.37±958.13 individual/pond. From this study, it can be concluded that the nursing of doliolaria at
the suitable density of 1 individual/10 square cm. And the nursing of sea cucumber larvae in the period 1-21 days after setting requires diatoms smaller than 15 µm to be suitable for the nursing of sea
cucumber larvae.
Study 4: Culture of sea cucumber in a concrete pond by using sea water from vannamei shrimp
pond
Studies on sea cucumber cultivation in a concrete pond by using seawater from the
vannamei shrimp pond. The sandfish were cultured for 8month in rectangle concrete pond
size1.3x6.7x0.6 m. In which 1 set of pond consists 2 pond with well-connected wall. Using the
PVC pipe connected on the bottom of 2 pond. A65w water pump to pull the sea water for circulate between the two pond at flow rate 2 l/min. In which 1 set of pond, 1 pond used to culture of sandfish and 1 pond used to culture of vannamei shrimp. Including installing a system to
provide air throughout the pond. The bottom of the sea cucumber pond was covered with a 3
cm thick sandy. Culture of sea cucumber in pond initial average weight was 43.85 ± 0.18 grams
density 35 individual/pond and culture of vannamei shrimp at 2 different densities, 700 and
1,400 individual/sqm. culture period at 8 mounth. At the end of the experiment, it was found
that in the 2 treatment were carried out at with specific growth rates 0.21±0.11 and 0.27±0.20
grams/individual/day and survival rates 85.71±1.20 and 84.77±0.58%. Specific growth rates and
survival rate of both treatment not different (P> 0.05) . For the value of sea cucumber and vannamei shrimp in experiment 1 and 2, after 8 months of culture can be culture vannamei shrimp
2 crop, with the value of both species. Total 15,001 and 15,416 baht, profit 5,192.11 and
4,737.11 THB. From the study of culture sea cucumber in a concrete pond by using sea water
from shrimp ponds over a period of 8 months, it is found that the sea cucumber is still small,
price is not high, which if culture for 8-12 months, it is expected that the sea cucumber will
weigh 200-250 grams, with a selling price of 200-250 baht/individual, which will make more profit
and may consider increasing the density of sea cucumbers to get more products as well.
Study 5: Techniques of sea cucumber culture to mature size
Studies on rearing of sea cucumbers from hatchery to mature size. By studying the
rearing in 2 areas which are rearing in the earth pond PrachuapKhiri Khan Coastal Aquaculture
Research and Development Center and rearing at Coastal areas of Ban KoPu, NueaKhlong District, Krabi Province, both areas for rearing sea cucumber in 5x5x5 m. Plastic cages. In the experimental rearing in the earthen pond, using bamboo sticks as poles for stretching the four cor-ners of the plastic cages by using the rope to secure the plastic cages to both posts at the edge
and the bottom of the floating cages. For experiments rearing at the sea, use a 3-inch PVC pipe
to attach to a pole for stretching the cage. Inside the PVC pipe, put the wood as the core, and
fill the cement into the pipe so that it can resist wind waves. Stretch the four corners of the
cage by using a rope to secure the cage to the post on both sides of the cage and the bottom
of the cage. The sea cucumbers obtained from the breeding in the hatchery, the initial average
weight and length were 8.72±5.43 grams and 4.53±1.15 cm in the cage in both areas at the rate
of 5 individual/sqm when rearing sea cucumber for 2 month. Sea cucumbers in earth pond had
an average weight and length of 30.95±17.84 grams and 8.23±2.29 cm. In the sea had an average
weight and length of 31.49±0.69 grams and 8.38±0.78 cm. The sediment types and organic matter in both cultures, the ponds were sandy loam sediments with 3.86% organic matter and In
the sea is loamy sand sediment with 2.62% organic matter content. |
