สืบค้นงานวิจัย
การเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัย
Amitra Jitranukij - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัย
ชื่อเรื่อง (EN): , in Hospitals under the Jurisdiction of the Royal Thai Army
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Amitra Jitranukij
บทคัดย่อ: การวิจัยเชิงสำ รวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้น ตามพระราช บัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก เก็บรวมรวมข้อมูลโดย การใช้แบบสอบถามถามผู้ประสบภัยจากรถ และผู้รับผิดชอบงานเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้นที่ปฏิบัติงาน ในโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกทุกหน่วยประชากร สถิติที่ใช้คือ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า โรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกยังไม่มีหน่วยงานที่ชัดเจนรับผิดชอบ การเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ผู้รับผิดชอบ งานส่วนใหญ่เป็นหญิง อายุเฉลี่ย 37.6 ปี ส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.5 มีการศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 45.5 มีประสบการณ์การทำ งาน 4-6 ปี ร้อยละ 36.4 มีการ อบรมดูงาน 1-2 ครั้ง และมีความรู้เรื่องพระราช บัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ อยู่ในระดับดีถึงดีมาก ผู้มารับบริการรักษาพยาบาลตามพระราชบัญญัติ คุม้ ครองผู้ประสบภัยจากรถ มีจำ นวน 4,750 รายเป็นผู้ป่วยใน 2,140 ราย ร้อยละ 67.1 มอบอำ นาจให้ โรงพยาบาลเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้น ระยะเวลาในการเรียกเก็บเฉลี่ย 45 วัน โดยมีค่าเสียหายเบื้องต้น เฉลี่ย 7,543 บาท ผู้ประสบภัยจากรถส่วนใหญ่เป็นชาย อายุระหว่าง 21-30 ปี มีรายได้ตํ่ากว่า 5,000 บาทต่อ เดือน ส่วนใหญ่เกิดอุบัติเหตุเนื่องจากรถจักรยานยนต์พลิกควํ่า เมาสุรา มีการบาดเจ็บที่ศีรษะ และกระดูก หัก โดยผู้ประสบภัยเป็นผู้ขับขี่ และมีระดับความพึงพอใจต่อการเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้นและมีความรู้ เรื่องพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถอยู่ในระดับปานกลาง ผลการวิเคราะห์กระบวนการบริหารพบว่า การปฏิบัติกิจกรรมด้านการวางแผน ร้อยละ 54.8 มีการจัดทำ แผนงาน ด้านการจัดองค์การ ร้อยละ 69.3 มีการจัดองค์การ ด้านการบริหารงานบุคคล ไม่มีการ พัฒนาความรู้บุคลากร ด้านการอำ นวยการไม่มีการจูงใจในการปฏิบัติงานและการนิเทศงาน ด้านการควบ คุมไม่มีการบันทึกข้อมูล ไม่มีการนำ ข้อมูลจากการประเมินมาใช้ในการวางแผนและแก้ไขข้อบกพร่อง และ ไม่มีการให้รางวัลหรือการลงโทษ ปัญหาอุปสรรคที่สำ คัญได้แก่ การดำ เนินงานยังไม่มีองค์กรที่ชัดเจน วัสดุอุปกรณ์ไม่เพียงพอและไม่ทันต่อการใช้งานผู้รับผิดชอบงานได้รับการอบรมดูงานน้อย ขาดการจูงใจ ในการทำ งาน ข้อเสนอแนะควรมีการกำ หนดหน่วยงานรับผิดชอบอย่างชัดเจน มีการนิเทศงานอย่างเหมาะ สมและการประสานงานที่ครอบคลุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำ หรับผู้รับผิดชอบงานควรมีการพัฒนาความรู้ ความสามารถในเรื่องการเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้น
บทคัดย่อ (EN): s degree and 4-6 years of working experience (45.5%). About one-third of them (36.4%) had had 1-2 training sessions. Their knowledge on the Protection for Motor Vehicle Accident Victim Act B.E. 2535 (1992) was ranged from good to excellent. About half (2,140) of all victims (4,750) were hospitalized and most of them (67.1%) had authorized the claim to hospital officer. The average length for processing the claim was 45 days with an average claim amount of 7,543 Baht. The majority of victims were male, aged between 21-30 years with monthly income of less than 5,000 Baht. Most of the accidents were caused by a fallen motorcycle as a result of drink driving. Most of the victims were drivers with head injury or fractured bone. Their satisfaction towards the preliminary compensation claim procedure and knowledge on the Act were at a medium level. With regard to managerial process, more than half (54.8%) of hospitals had operation plans and two-thirds (69.3%) had organized related activities without personnel development, motivation or supervision reasons. Evaluation results had never been used for planning and solving existing problems. No reward or punishment had been made in relation to the claim. The major problems were no specific working unit, inadequate tools and materials, lack of work training and proper motivation. It is suggested that a definite office be assigned to take charge with an appropriate supervision authority and regular knowledge and skill development.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=1944&obj_id=1170
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Thailand
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การวิจัยเชิงสำ รวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้น ตามพระราช บัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก เก็บรวมรวมข้อมูลโดย การใช้แบบสอบถามถามผู้ประสบภัยจากรถ และผู้รับผิดชอบงานเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้นที่ปฏิบัติงาน ในโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกทุกหน่วยประชากร สถิติที่ใช้คือ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า โรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกยังไม่มีหน่วยงานที่ชัดเจนรับผิดชอบ การเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ผู้รับผิดชอบ งานส่วนใหญ่เป็นหญิง อายุเฉลี่ย 37.6 ปี ส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.5 มีการศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 45.5 มีประสบการณ์การทำ งาน 4-6 ปี ร้อยละ 36.4 มีการ อบรมดูงาน 1-2 ครั้ง และมีความรู้เรื่องพระราช บัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ อยู่ในระดับดีถึงดีมาก ผู้มารับบริการรักษาพยาบาลตามพระราชบัญญัติ คุม้ ครองผู้ประสบภัยจากรถ มีจำ นวน 4,750 รายเป็นผู้ป่วยใน 2,140 ราย ร้อยละ 67.1 มอบอำ นาจให้ โรงพยาบาลเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้น ระยะเวลาในการเรียกเก็บเฉลี่ย 45 วัน โดยมีค่าเสียหายเบื้องต้น เฉลี่ย 7,543 บาท ผู้ประสบภัยจากรถส่วนใหญ่เป็นชาย อายุระหว่าง 21-30 ปี มีรายได้ตํ่ากว่า 5,000 บาทต่อ เดือน ส่วนใหญ่เกิดอุบัติเหตุเนื่องจากรถจักรยานยนต์พลิกควํ่า เมาสุรา มีการบาดเจ็บที่ศีรษะ และกระดูก หัก โดยผู้ประสบภัยเป็นผู้ขับขี่ และมีระดับความพึงพอใจต่อการเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้นและมีความรู้ เรื่องพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถอยู่ในระดับปานกลาง ผลการวิเคราะห์กระบวนการบริหารพบว่า การปฏิบัติกิจกรรมด้านการวางแผน ร้อยละ 54.8 มีการจัดทำ แผนงาน ด้านการจัดองค์การ ร้อยละ 69.3 มีการจัดองค์การ ด้านการบริหารงานบุคคล ไม่มีการ พัฒนาความรู้บุคลากร ด้านการอำ นวยการไม่มีการจูงใจในการปฏิบัติงานและการนิเทศงาน ด้านการควบ คุมไม่มีการบันทึกข้อมูล ไม่มีการนำ ข้อมูลจากการประเมินมาใช้ในการวางแผนและแก้ไขข้อบกพร่อง และ ไม่มีการให้รางวัลหรือการลงโทษ ปัญหาอุปสรรคที่สำ คัญได้แก่ การดำ เนินงานยังไม่มีองค์กรที่ชัดเจน วัสดุอุปกรณ์ไม่เพียงพอและไม่ทันต่อการใช้งานผู้รับผิดชอบงานได้รับการอบรมดูงานน้อย ขาดการจูงใจ ในการทำ งาน ข้อเสนอแนะควรมีการกำ หนดหน่วยงานรับผิดชอบอย่างชัดเจน มีการนิเทศงานอย่างเหมาะ สมและการประสานงานที่ครอบคลุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำ หรับผู้รับผิดชอบงานควรมีการพัฒนาความรู้ ความสามารถในเรื่องการเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้น
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การเรียกเก็บค่าเสียหายเบื้องต้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัย
Amitra Jitranukij
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
การจัดโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษาจังหวัดนครนายกตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การพัฒนาการบริหารจัดการโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันโรงเรียนในโครงการพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีโรงเรียนบ้านซ่งเต่า สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสกลนคร เขต 1 การวางแผนการผลิตร่วมกันของกลุ่มเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ กรณีศึกษา : ตำบลแม่แฝกใหม่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ปัญหาในการออกเอกสารสิทธิที่ดินตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 : กรณีศึกษานิคมสหกรณ์ชะแวะ การเปลี่ยนแปลงสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริ กรณีศึกษา: ตำบลแม่แฝกใหม่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ การมีส่วนร่วมของเกษตรกรในโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริ จังหวัดลำปาง การจัดการน้ำของโครงการห้วยองคต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ การศึกษาผักพื้นบ้านในโครงการพระราชดำริพัฒนาป่าโคกกุดเลาะ จังหวัดนครพนม บทบาทของสมาคมผู้ประกอบกิจการกำจัดแมลงแห่งประเทศไทยในการให้ความคุ้มครองผู้บริโภค การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเองแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดำริในจังหวัดจันทบุรี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก