สืบค้นงานวิจัย
การผลิตสารเสริมอาหารสําหรับสัตว์น้ําวัยอ่อนด้วยจุลินทรีย์
รองศาสตราจารย์ ดร.นันทนา สีสุข - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การผลิตสารเสริมอาหารสําหรับสัตว์น้ําวัยอ่อนด้วยจุลินทรีย์
ชื่อเรื่อง (EN): (Production of feed supplements from microorganisms for juvenile aquatic animals)
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: รองศาสตราจารย์ ดร.นันทนา สีสุข
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการผลิต DHA ของสาหร่ายขนาดเล็ก Schizochytrium sp. SMT9-30 โดยศึกษาอัตราการให้อากาศและอัตราการกวนในถังหมักขนาด 2 ลิตร อาหารที่ใช้ในการ เพาะเลี้ยงประกอบด้วย glucose 3 เปอร์เซ็นต์, yeast extract 1 เปอร์เซ็นต์, peptone 1 เปอร์เซ็นต์ และน้ำทะเล 15 ppt บ่มที่ 28 องศาเซลเซียส การศึกษาอัตราการให้อากาศที่ 0.75, 1.00 และ 1.25 vvm โดยให้มีอัตราการกวนคงที่ 300 rpm พบว่า ที่อัตราการให้อากาศ 1 vvm สาหร่ายมีการเจริญและผลิตกรด ไขมัน DHA ได้สูงสุด โดยมีน้ำหนักเซลล์แห้งสูงสุด 14.348 กรัมต่อลิตร ผลิตกรดไขมัน DHA ได้สูงสุดที่ 24 ชั่วโมง โดยผลิต DHA 7.113 กรัมต่อลิตร 0.543 กรัมต่อกรัมน้ำหนักแห้ง และมี DHA สะสมภายในเซลล์ 38.40 เปอร์เซ็นต์ส่วนการศึกษาอัตราการกวนที่ 200, 250, 300 และ 350 rpm โดยให้อัตราการให้ อากาศคงที่ 1 vvm พบว่า อัตราการกวนที่ 250 rpm สาหร่ายมีการเจริญและผลิตกรดไขมัน DHA ได้ สูงสุด โดยมีน้ำหนักเซลล์แห้งสูงสุด 18.606 กรัมต่อลิตร ผลิตกรดไขมัน DHA ได้สูงสุดที่ 48 ชั่วโมง โดย ผลิต DHA 19.251 กรัมต่อลิตร 2.467 กรัม/กรัมน้ำหนักแห้ง และมี DHA สะสมภายในเซลล์ 48.81 เปอร์เซ็นต์ การเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนาดเล็ก Nannochloropsis sp. โดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจาก ไฟฟ้า มีชีวมวลสูงที่สุด 5.75±0.00 กรัมต่อลิตร การเสริมคาร์บอนไดออกไซด์สามารถเพิ่มปริมาณ EPA ใน สาหร่ายได้ นอกจากนี้ยังพบว่าสาหร่ายสามารถตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 161-264 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์ เมตรต่อปี สาหร่ายที่ผลิตได้ด้วยแก๊สที่ปล่อยจากโรงงานมีปริมาณโลหะหนักอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตราย ต่อการนำไปผลิตอาหารสัตว์ องค์ประกอบกรดไขมันและกรดอะมิโนของสาหร่ายมีชนิดที่จำเป็นต่อการเป็น อาหารสัตว์น้ำ จึงสามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบผสมในอาหารสัตว์น้ำได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย การทดลองนำ Schizochytrium sp. SMT9-30 และ Nannochloropsis sp. ไปใช้ในการอนุบาล ลูกกุ้งขาวแวนนาไม (Litopenaeus vannamei) ตั้งแต่ระยะ zoea 1 จนถึง post larvae 10 พบว่า ลูก กุ้งที่ได้รับอาหารเสริมสาหร่ายมีปริมาณแบคทีเรีย Vibrio ใกล้เคียงกับลูกกุ้งในชุดควบคุม โดยพบโคโลนีสี เขียวซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถก่อโรคในกุ้งทะเล 6833.94 และ 6424.04โคโลนีขณะที่ชุดควบคุมพบสูง กว่าคือ 7613.43 โคโลนีตามลำดับ ส่วนอัตรารอดชีวิตของลูกกุ้งระยะ post larvae 10 มีค่า 84.002.82 และ 84.502.12 เปอร์เซ็นต์ซึ่งใกล้เคียงกับชุดควบคุมที่มีอัตรารอดชีวิต 83.134.41 เปอร์เซ็นต์ลูกกุ้งที่ได้รับเสริมอาหารจากสาหร่ายขนาดเล็กมีน้ำหนักตัวมากกว่า โดยในชุดที่เสริมด้วย Schizochytrium sp. SMT9-30 และ Nannochloropsis sp. มีน้ำหนักตัวเฉลี่ย 3.250.03 และ 3.510.20 มิลลิกรัม แต่ชุดควบคุมมีน้ำหนักตัวเฉลี่ย 3.190.16 มิลลิกรัม สาหร่ายขนาดเล็ก Schizochytrium sp. SA19-37 ที่สามารถผลิต docosahexaenoic acid (DHA) ได้รับการปรับปรุงพันธุ์โดยการกลายพันธุ์ด้วยสารเคมีให้สร้างแอสตาแซนทินซึ่งเป็นรงควัตถุชนิด หนึ่งในกลุ่มคาโรทีนอยด์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้มีปริมาณการ ผลิตสูงขึ้น สายพันธุ์กลายซ้ำ Schizochytrium sp. B41006 สามารถสร้างแอสตาแซนทินได้สูงสุด 0.95 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักเซลล์แห้ง เมื่อเลี้ยงในอาหาร GYP-AS ที่มีน้ำตาลกลูโคส 2 เปอร์เซ็นต์และมีระดับความเค็ม 30 ppt บ่มแบบเขย่าที่ความเร็วรอบ 150 รอบต่อนาที ภายใต้ความเข้มแสง 2,000 ลักซ์ ที่อุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 9 วัน คิดเป็น 2.57 เท่าของผลผลิตแอสตาแซนทินที่สายพันธุ์ดั้งเดิมสร้าง เมื่อเจริญในสภาวะเดียวกัน การนำผลิตภัณฑ์สารเสริมแอสตาแซนทินไปใช้อนุบาลลูกกุ้งวัยอ่อนนั้นได้ เตรียมผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในรูปสารผสมแอสตาแซนทินที่ละลายในน้ำมัน พบว่าลูกกุ้งระยะโพสต์ลาวา 10 (P10) ที่ได้รับอาหารที่เสริมด้วยสารเสริมแอสตาแซนทินมีอัตราการรอดชีวิตเฉลี่ย 90.50 เปอร์เซ็นต์ และมี น้ำหนักเฉลี่ย 3.77 มิลลิกรัมต่อตัว ใกล้เคียงกับลูกกุ้ง P10 ที่ได้รับอาหารชุดควบคุมที่ไม่ได้เติมสารเสริม แอสตาแซนทินซึ่งมีอัตราการรอดชีวิตเฉลี่ย 83.13 เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำหนักเฉลี่ย 3.20 มิลลิกรัมต่อตัว การศึกษาการผลิตเอนไซม์โปรติเอสด้วยการหมักแบบแห้งจาก Streptomyces sp. LD1.3-S2 ที่ แยกมาจากป่าชายเลนในงานวิจัยก่อนหน้า เมื่อหมักแบบแห้งด้วยรำข้าวและกากถั่วเหลืองในอัตราส่วน 1:1 พบว่าการหมักแบบแห้ง ที่มีขนาดวัสดุหมัก 50 กรัม ความชื้น 60 เปอร์เซ็นต์บ่มที่ 28 องศาเซลเซียส เป็น ระยะเวลา 7 วัน มีการสร้างเอนไซม์โปรติเอสได้สูงที่สุด (1403.52 ยูนิตต่อมิลิลิตร) อย่างไรก็ตามเมื่อขยาย ขนาดวัสดุหมักเป็น 100 กรัม โดยใช้รำข้าวและกากถั่วเหลืองเป็นวัสดุหมักที่มีความชื้นเท่าเดิม พบว่ามี กิจกรรมเอนไซม์สูงที่สุดเมื่อใช้ระยะเวลาในการหมักเพิ่มเป็น 9 วัน และให้กิจกรรมของเอนไซม์ต่ำกว่าการ หมักโดยใช้วัสดุหมักขนาด 50 กรัม เมื่อนำวัสดุหมักที่ผ่านการหมักมาอบแห้งที่ 50, 60, 70, 80, 90 และ 100 องศาเซลเซียส เพื่อเตรียมเป็นผงเอนไซม์ พบว่าการอบแห้งที่ 50 องศาเซลเซียส ทำให้กิจกรรมของ เอนไซม์ลดลงน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับอุณหภูมิทั้งหมดที่ศึกษา โดยเอนไซม์ที่ผลิตมีความสามารถในการย่อย กากถั่วเหลืองและอาหารกุ้งที่ขายทางการค้า หลังการบ่มด้วยเอนไซม์ที่ 50 องศาเซลเซียสเป็นระยะเวลา 5 ชั่วโมง ส่วนการผลิตเอนไซม์ไฟเตสจากยีสต์ Candida tropicalis E21-1 ซึ่งเป็นยีสต์ที่แยกและคัดเลือก มาใช้ทดแทนยีสต์ Pichia kudriavzevii DMKU-WB17-1 ที่สูญเสียความสามารถผลิตเอนไซม์ไฟเตสไปจาก เดิม การผลิตเอนไซม์ไฟเตสบนอาหารแข็งได้ผลไม่ดีไปกว่าการผิตในอาหารเหลว ดังนั้นจึงเตรียมตัวอย่าง เอนไซม์ในรูปส่วนใสที่ได้จากการเพาะเลี้ยงยีสต์ แล้วนำไปทำแห้งเยือกแข็งก่อนนำไปผสมอาหารลูกกุ้ง เพื่อให้มีปริมาณเอนไซม์ไฟเตส 15 หน่วยต่ออาหาร 1 กิโลกรัม โดยผสมร่วมกับเอนไซม์โปรติเอสที่ผลิตจาก Streptomyces sp. LD1.3-S2 ด้วย การศึกษาผลของการเสริมเอนไซม์โปรติเอสและไฟเตส ที่มีต่ออัตราการรอดชีวิตและความแข็งแรง ของลูกกุ้งวัยอ่อนที่ได้รับอาหารที่เสริมเอนไซม์ที่ผลิตได้กับชุดควบคุม พบว่าลูกกุ้งระยะ P10 ทั้งในชุด ควบคุมและชุดที่เพิ่มสารเสริมเอนไซม์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง มีลักษณะโดยทั่วไปใกล้เคียงกัน โดยอัตราการรอดชีวิตของลูกกุ้งที่ได้รับเอนไซม์เสริม (77.0%) ต่ำกว่าของชุดควบคุม (83.13%) อย่างไรก็ ตามจำนวนลูกกุ้งต่อน้ำหนัก 1 กรัมของชุดเสริมเอนไซม์มีค่าใกล้เคียงกับของชุดควบคุม
บทคัดย่อ (EN): Optimization for DHA production in a microalga, Schizochytrium sp. SMT9-30 by varying culture condition on aeration and agitation in 2 litre jar fermenter. Culture medium consisted of 3% glucose, 1%yeast extract, 1% peptone and sea water 15 ppt. Temperature was set at 28C. To optimize the aeration for the DHA production we varied at 0.75, 1.00, and 1.25 vvm under constant agitation of 300 rpm. The highest cell growth and DHA production were found at 1.00 vvm. The highest cell dry weight obtained was 14.348 g/L, after 24 h and gave DHA 7.113 g/L, 0.543 g/g CDW and DHA content 38.40%. To optimize the agitation for the DHA production were varied at 200, 250, 300, and 350 rpm under constant aeration 1 vvm. The optimum agitation for the DHA production were 250 rpm that gave the highest cell dry weight at 18.606 g/L, after 48 h with gave DHA production at 19.251 g/L, 2.467 g/g CDW, and DHA content 48.81% of total fatty acid. Microalga Nannochloropsis cultivated in pond which supplied with flue gas from powerplant got the maximum biomass 5. 75±0. 00 g/L. Flue gas supplementation could increase EPA content of this alga. Furthermore, this microalga could fix 161-264 kg CO2/m3 /year. Heavy metals contained in this alga were pass the criteria of raw material for animal feed. Essential fatty acid and amino acid of this alga was suitable for use as safety raw material for aquatic animal feed. Application of the microalga Schizochytrium sp. SMT9-30 and Nannochloropsis sp. during zoea stage 1 to post larvae 10 of Pacific white shrimp (Litopenaeus vannamei) showed number for Vibrio similar control. Shrimp feed with Schizochytrium sp. SMT9-30 and Nannochloropsis sp. had Green (pathogenic) Vibrio 6833.94 and 6424.04 CFU, while the control had 7613.43 CFU. The survival rate of post larvae 10 about 84.002.82 and 84.502.12% was nearly similar with control 83.134.41%. Shrimp larvae received Schizochytrium sp. SMT9-30 and Nannochloropsis sp. were increased in body weight at average 3. 250. 03 and 3. 510. 20 mg, while the body weight of control at average 3.190.16 mg. Microalgae, Schizochytrium sp. SA19-37, which is capable to produce docosahexaenoic acid (DHA), was chemically induced mutation to improve the microalgal strain for high yield astaxanthin production. Astaxanthin is a pigment in the carotenoid family which has potential as an antioxidant and known as a strong booster of the immune system. A double mutant, Schizochytrium sp. B41006 was found to produce the highest astaxanthin yield of 0.95 mg/gCDW when grown in GYP-AS medium supplemented with 2% of glucose with salinity of 30 ppt and incubated on a rotary shaker set to 150 rpm under light intensity 2,000 lux at 28 ◌C for 9 days, which was 2.57 folds increased from the wild type. Astaxanthin product was provided as a feed supplement for juvenile shrimps in form of oil-based astaxanthin mixtures. Survival rate and weight of the post-larvae in stage of 10 (P10) which were obtained feeds supplemented with the astaxanthin supplement were 90.50% and 3.77 mg/individual, respectively, similar to the P10 which were treated with control feeds without astaxanthin supplement. Survival rate and weight of the P10 in the control set were 83.13% and 3.20 mg/individual, respectively. Investigation of the production of protease was conducted using Streptomyces sp. LD1.3-S2, isolated from mangrove from previous study, and solid state fermentation. The protease was produced using soybean meal and rice brand as substrate in a ratio of 1:1. In the solid-state fermentation of 50 g substrate, with moisture content of 60%, at 28 °C was found to give the highest enzyme activity after 7 days of incubation (1403.52 unit/ml). However, when the size of fermentation substrate was changed to 100 g using the same substrate and moisture content, the fermentation duration to receive the highest protease production was moved to day 9 of incubation with lower protease activity compared to 50 g substrate fermentation. The preparation of enzyme power by drying fermented substrate in an oven at 50, 60, 70, 80, 90 and 100 °C found that the temperature at 50°C showed less effect to an enzyme activity compared to the other temperature used. This enzyme showed ability to increase soluble protein in soybean meal and commercial shrimp feed after incubation at 50 °C for 5 h. Phytase production by the yeast Candida tropicalis E21-1, a newly isolate that screened to replace the yeast Pichia kudriavzevii DMKU-WB17-1 that lose its phytase activity, was studied. Results of solid state phytase production on soybean meal was not better than submerge production. Therefore, culture supernatant of submerged cultivation of C. tropicalis E21-1 was used as phytase sample. Supernatant was subjected to freeze drying prior to commercial shrimp feed (15 unit per 1 kg of shrimp feed) together with Streptomyces sp. LD1.3-S2 protease. An investigation of enzymes protease and phytase as food supplement was conducted to study an effect of enzymes supplementation on growth and survival rate of juvenile shrimp. The result showed that P10 shrimp juvenile in both control and supplement with enzyme treatment gave the same growth characteristics from an observation under light microscope. The survival rate of the enzyme treatment (77%) was lower that control (83.13%). However, the result of shrimp number in 1 g was similarly to the control.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: ไฟเตส,
คำสำคัญ (EN): Candida tropicalis
เจ้าของลิขสิทธิ์: ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การผลิตสารเสริมอาหารสําหรับสัตว์น้ําวัยอ่อนด้วยจุลินทรีย์
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2563
การพัฒนาดีเอ็นเอไบโอเซนเซอร์เพื่อการตรวจหาเชื้อลิสทีเรียในผลิตภัณฑ์อาหาร การพัฒนาดีเอ็นเอไบโอเซนเซอร์เพื่อการตรวจหาเชื้อซัลโมเนลลาในผลิตภัณฑ์อาหาร การใช้เศษเหลือจากการผลิตลำไยเพื่อผลิตเป็นอาหารเสริมทดแทนการขาดแคลนอาหารในธรรมชาติสำหรับเลี้ยงผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera L.) การหมักจุลินทรีย์ระดับไพลอตสเกลเพื่อผลิตโปรติเอสสำหรับการลอกกาวไหม ต้นแบบถังปฏิกรณ์ชีวภาพผลิตแพลงก์ตอนระดับอุตสาหกรรมแบบต่อเนื่อง เพื่อผลิตอาหารคุณภาพสาหรับบ่ออนุบาลลูกกุ้ง ลูกปลา และผลิตสารสกัดออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยามูลค่าสูง การตรวจสอบประโยชน์ทางเภสัชวิทยาและการเป็นอาหารเสริมของสารสกัดจากปลิงทะเล การวิจัยและพัฒนาสารสกัดมะละกอ สําหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ําในอนาคต ระยะที่ 2 การเลี้ยงสาหร่ายสีเขียวแกมน้ําเงินน้ําเค็ม Spirulina เชิงพาณิชย์ สําหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ผสมไฟโคไซยานินเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเล การทดแทนยากลุ่ม statin สําหรับการลดคอเลสเตอรอลและป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยสารสกัดจากเห็ด การพัฒนาระบบอาหาร (Food system) ของประเทศไทย : ระบบการผลิตสินค้าเกษตรและการแปรรูปอาหาร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก