สืบค้นงานวิจัย
สภาพการเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูกผสมของเกษตรกร ในตำบลนาข่า อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม
สุวิทย์ โล่ห์วันทา - กรมส่งเสริมการเกษตร
ชื่อเรื่อง: สภาพการเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูกผสมของเกษตรกร ในตำบลนาข่า อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุวิทย์ โล่ห์วันทา
บทคัดย่อ: การศึกษาครั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพพื้นฐานทางด้านสังคมและเศรษฐกิจบางประการของเกษตรกร 2) ศึกษาสภาพการเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูกผสมของเกษตรกร และ 3) ศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการเลี้ยงไหมของเกษตรกรกลุ่มตัวอย่างที่ทำการศึกษา คือ เกษตรกรผู้เลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูกผสมจำนวน 69 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบสัมโนประชากร เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์โปรแกรม SPSS for windows สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าต่ำสุด ค่าสูงสุด และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานผลการศึกษาพบว่าเกษตรกรที่ทำการศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุเฉลี่ย 48.09 ปี จบการศึกษาระดับประถมศึกษามีสถานภาพสมรสแล้ว เป็นสมาชิกของกลุ่มผู้เลี้ยงไหม และกลุ่มกองทุนหมู่บ้าน มีสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 5.13 คน จำนวนแรงงานด้านการเกษตรในครัวเรือนเฉลี่ย 19,297.06 บาท มีรายได้จากการประกอบอาชีพนอกภาคการเกษตรเฉลี่ย 15,612.70 บาท มีรายจ่ายในการประกอบอาชีพในภาคการเกษตรเฉลี่ย 5,755.52 บาท มีรายจ่ายของครัวเรือนนอกภาคการเกษตรเฉลี่ย 20,651.52 บาท ได้รับความรู้เรื่องการเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูกผสมจากการฝึกอบรมมากที่สุด ส่วนใหญ่เคยผ่านการอบรมหลักสูตรการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม 10 วัน ในหนึ่งปี มีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่เฉลี่ย 4.17 ครั้ง ส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนไข่ไหมจากทางราชการ มีพื้นที่ปลูกหม่อนเฉลี่ย 1.38 ไร่ ส่วนใหญ่มีกรรมสิทธิ์ในการถือครองเป็นของตนเอง อายุแปลงหม่อนเฉลี่ย 4.25 ปี ปลูกหม่อนพันธุ์ส่งเสริม ได้แก่ พันธุ์ บร. 60 และ นม 60 มีปริมาณผลผลิตใบหม่อนเพีองพอต่อการเลี้ยงไหมทุกรุ่นมีการตัดแต่งกิ่งหม่อนทุกปี โดยทำการตัดต่ำปีละ 1 ครั้ง มีการใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกให้กับแปลงหม่อนเฉลี่ยปีละ 181.74 กก./ไร่ ใส่ปุ๋ยเคมีเฉลี่ย 38.22 กก./ ไร่ ประสบการณ์ในการเลี้ยงไหมเฉลี่ย 4.85 ปี มีห้องเลี้ยงไหมแบบประหยัดใต้ถุนบ้าน เลี้ยงไหมพันธุ์อื่นร่วมกับการเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูก ไม่มีการอบห้องเลี้ยงไหมด้วยฟอร์มารีน เลี้ยงไหมในกระด้งแล้วคลุมผ้าใช้ปูนขาวสำหรับลดความชื้นและใช้สารโรยตัวไหมบางครั้งในบางรุ่นใช้มือเก็บในการถ่ายมูลไหม ขยายพื้นที่เลี้ยงไหมในช่วงเปลี่ยนวัย ใช้มือเก็บตัวหนอนไหมที่เป็นโรค ใช้จ่อกระด้งสำหรับให้ไหมทำรัง เก็บรังไหมออกจากจ่อหลังเก็บไหมเข้าจ่อน้อยกว่า 5 วัน เลี้ยงไหมเฉลี่ย 5.05 รุ่น ๆ ละ 1 แผ่น ได้ผลผลิตรังไหมเฉลี่ย 13.91 กก./แผ่น จัดการผลผลิตโดยการสาวเป็นเส้นไหมแล้ว นำมาทอเป็นผ้าขาย มีรายได้จากการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เฉลี่ย 4,774.24 บาท/ปี มีรายจ่ายในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเฉลี่ย 348.23 บาท/แผ่น ปัญหาอุปสรรคที่พบมากคือปัญหาหม่อนเป็นโรครากเน่า ไม่มีห้องเลี้ยงไหมเอกเทศ พันธุ์ไหมที่ได้รับการสนับสนุนเลี้ยงยา ก ได้รับข่าวสารการเลี้ยงไหมน้อย และราคาผลผลิตต่ำ ผู้ศึกษามีข้อเสนอแนะคือควรจัดฝึกอบรมเรื่องการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมทบทวนให้แก่เกษตรกรและเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและวิจัยหาพันธุ์หม่อนที่ต้านทานโรครากเน่า
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมส่งเสริมการเกษตร
คำสำคัญ: หม่อน
หมวดหมู่ AGRIS:
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมส่งเสริมการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
สภาพการเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูกผสมของเกษตรกร ในตำบลนาข่า อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม
กรมส่งเสริมการเกษตร
2547
การผลิตชาใบหม่อนของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านน้ำเกลี้ยง - เวียงชัย ตำบลนาข่า อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม การใช้เทคโนโลยีการเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูกผสมของเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมในจังหวัดมหาสารคาม สภาพการผลิตถั่วลิสงของเกษตรกรตำบลหนองไฮ อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม สภาพการผลิตงาดำของเกษตรกรตำบลเสือโก้ก อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกร อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรตำบลวังไชย อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม สภาพการผลิตข่าของเกษตรกรตำบลเสือเฒ่า อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรตำบลแคน อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม สภาพการผลิตไหมพันธุ์ไทยลูกผสมของเกษตรกรในจังหวัดร้อยเอ็ด สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูกผสมของเกษตรกรจังหวัดอุดรธานี : กรณีศึกษาบ้านห้วยแสง-แสงอรุณ ตำบลโพธิ์ศรีสำราญ อำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก