สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาจีโนไทป์ของแคปปา-เคซีนในพ่อพันธุ์โคนมของกองผสมเทียม
ศิริลักษณ์ เตชะนรราช - จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ชื่อเรื่อง: การศึกษาจีโนไทป์ของแคปปา-เคซีนในพ่อพันธุ์โคนมของกองผสมเทียม
ชื่อเรื่อง (EN): Genotypes of kappa-casein in dairy sires in Division of Artificial Insemination
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ศิริลักษณ์ เตชะนรราช
บทคัดย่อ: การศึกษาจีโนไทป์ของยีนแคปปา-เคซีน ที่ควบคุมปริมาณแคปปา-เคซีนที่ส่งผลต่อปริมาณและคุณภาพของโปรตีนในน้ำนม ในพ่อพันธุ์โคนมของกองผสมเทียม กรมปศุสัตว์จำนวน 60 ตัว แบ่งเป็นกลุ่มพ่อโคพันธุ์แท้ Holstein-Friesian จำนวน 15 ตัว และกลุ่มพ่อโคลูกผสมที่มีสายเลือดของพันธุ์ Holstein-Friesian ในระดับเลือด 75 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป จำนวน 45 ตัว โดยใช้วิธี Polymerase Chain Reaction-Restriction Fragment Length Polymorphism (PCR-RFLP) พบยีนแคปปา-เคซีนทั้งสิ้น 3 ชนิด ได้แก่ A, B และ E ความถี่ของอัลลีลเป็น 0.6, 0.33 และ 0.07 ตามลำดับ ในกลุ่มพ่อโคพันธุ์แท้ และ 0.74, 0.17 และ 0.09 ตามลำดับ ในกลุ่มพ่อโคลูกผสม และพบลักษณะจีโนไทป์ทั้งสิ้น 5 แบบ ได้แก่ AA, AB, BB, AE และ BE ความถี่จีโนไทป์เป็น 0.34, 0.4, 0.13, 0.13 และ 0 ตามลำดับ ในกลุ่มพ่อโคพันธุ์แท้ และ 0.56, 0.27, 0, 0.11 และ 0.06 ตามลำดับ ในกลุ่มพ่อโคลูกผสม เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของความถี่อัลลีลและ ความถี่จีโนไทป์ในพ่อโคแต่ละกลุ่ม ไม่พบความแตกต่างกันในทางสถิติระหว่างพ่อโคทั้ง 2 กลุ่ม แสดงให้เห็นว่าความถี่ของอัลลีล A, B และ E และความถี่จีโนไทป์ AA, AB, BB, AE และ BE ในกลุ่มพ่อโคพันธุ์แท้ไม่ต่างกับกลุ่มพ่อโคลูกผสม ทั้งนี้อาจเนื่องจากเป้าหมายการปรับปรุงพันธุ์ โคนมในกลุ่มที่นำมาศึกษาไม่ได้มุ่งเน้นไปในลักษณะทางด้านโปรตีนในน้ำนมแต่มุ่งเน้นไปที่ปริมาณน้ำนมเป็นหลัก นอกจากนี้การตรวจหาจีโนไทป์ของแคปปา-เคซีนในพ่อพันธุ์โคนมด้วย วิธี PCR-RFLP ทำให้ทราบการกระจายตัวของอัลลีลชนิดต่าง ๆ ในฝูงพ่อพันธุ์โคนม และยังอาจใช้ จีโนไทป์ของแคปปา-เคซีนเป็นดัชนีตัวหนึ่งในการคัดเลือกพ่อโคเพื่อปรับปรุงลักษณะทางด้านโปรตีนในน้ำนมได้ในอนาคต
บทคัดย่อ (EN): Fifteen purebred (Holstein-Friesian) sires and 45 crossbred (more than 75 percent Holstein-Friesian) sires from Division of Artificial Insemination (AI), Department of Livestock Development were investigated on genotypes of kappa-casein by Polymerase Chain Reaction-Restriction Fragment Length Polymorphism (PCR-RFLP). Allelic frequencies of A, B and E were 0.6, 0.33 and 0.07 respectively in purebred sires and 0.74, 0.17 and 0.09 respectively in crossbred sires. Genotypic frequencies of AA, AB, BB, AE and BE were 0.34, 0.4, 0.13, 0.13 and 0 respectively in purebred sires and 0.56, 0.27, 0, 0.11 and 0.06 respectively in crossbred sires. There were no differences found when allelic and genotypic frequencies were compared on both purebred and crossbred sires. In conclusion, the proposed method will be a valuable tool for the early selection of AI sires by using kappa-casein genotype as genetic marker. The method is hoped to be integrated into the regular program of sire selection in the future
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://thailis-db.car.chula.ac.th/CU_DC/June2004/Thesis/Sirilux_Te.pdf
เผยแพร่โดย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คำสำคัญ: แคปปา-เคซีน
เจ้าของลิขสิทธิ์: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายละเอียด: Fifteen purebred (Holstein-Friesian) sires and 45 crossbred (more than 75 percent Holstein-Friesian) sires from Division of Artificial Insemination (AI), Department of Livestock Development were investigated on genotypes of kappa-casein by Polymerase Chain Reaction-Restriction Fragment Length Polymorphism (PCR-RFLP). Allelic frequencies of A, B and E were 0.6, 0.33 and 0.07 respectively in purebred sires and 0.74, 0.17 and 0.09 respectively in crossbred sires. Genotypic frequencies of AA, AB, BB, AE and BE were 0.34, 0.4, 0.13, 0.13 and 0 respectively in purebred sires and 0.56, 0.27, 0, 0.11 and 0.06 respectively in crossbred sires. There were no differences found when allelic and genotypic frequencies were compared on both purebred and crossbred sires. In conclusion, the proposed method will be a valuable tool for the early selection of AI sires by using kappa-casein genotype as genetic marker. The method is hoped to be integrated into the regular program of sire selection in the future
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาจีโนไทป์ของแคปปา-เคซีนในพ่อพันธุ์โคนมของกองผสมเทียม
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2545
การใช้โมโนโคลนอลแอนติบอดีคอมเพททิทีฟอิไลซาเพื่อวัดระดับโปรเจสเตอโรนในน้ำนมของโคนมที่เลี้ยงภายใต้ฤดูร้อนและหนาว การเพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินา (Spirulina platensis) ในน้ำเสียฟาร์มโคนมเพื่อใช้เป็นอาหารโคนม ศึกษาปัญหาและแนวทางพัฒนาการดำเนินงานฟาร์มโคนมของสมาชิกสหกรณ์โคนม อำเภอวังน้ำเย็นจังหวัดสระแก้ว การย่อยได้ของโภชนะในเศษข้าวโพดหวานหมักและการเปลี่ยนแปลงของผลผลิตที่เกิดจากการหมักในกระเพาะรูเมนของโคนม แผนการผสมพันธุ์ที่เหมาะสมของประชากรโคนมในจังหวัดเชียงใหม่ การยอมรับเทคโนโลยีการผลิตโคนมของเกษตรกร ในตำบลบ้านสหกรณ์ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ การบริหารจัดการฟาร์มโคนมสู่การสร้างคุณค่าของโคนมพันธุ์เกิร์นซีย์ ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับเทคโนโลยีการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรในเขตอำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว ศักยภาพการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้ทรัพยากรของฟาร์มโคนม (2542-2543)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก