สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาวิธีอีไลซ่า สำหรับตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อ Neospora caninum ในโค
มนทกานต์ จิระธันห์ - กรมปศุสัตว์
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาวิธีอีไลซ่า สำหรับตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อ Neospora caninum ในโค
ชื่อเรื่อง (EN): Development of ELISA for antibody detection against Neospora caninum in cattle
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: มนทกานต์ จิระธันห์
บทคัดย่อ: โรคนีโอสปอโรสิสเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดการแท้งในปศุสัตว์และการสูญเสียทางเศรษฐกิจ วิธีอีไลซ่าเป็นเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการตรวจวินิจฉัยโรคนีโอสปอโรสิสในโค การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาวิธีอีไลซ่าสำหรับตรวจหาแอนติบอดีชนิดจี (IgG-ELISA) ต่อเชื้อ Neospora caninum โดยเตรียมแอนติเจนแบบหยาบจาก N. caninum สายพันธุ์ NC1 ระยะ tachyzoite ที่เพาะเลี้ยงและเพิ่มจำนวนในเซลล์วีโร่ (vero cell) เมื่อทดสอบแอนติเจนแบบหยาบที่ผลิตได้ด้วยวิธี immunoblot พบแอนติเจนที่น่าสนใจ ขนาด 42.1, 36.8, 33.7และ 17.9 kDa อย่างไรก็ตามไม่พบแถบโปรตีนเมื่อทดสอบแอนติเจนที่ผลิตได้กับซีรัมโคที่ติดเชื้อ Toxoplasma spp. และซีรัมควบคุมลบ ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีปฏิกิริยาข้ามระหว่างแอนติเจนของเชื้อ N. caninum กับแอนติบอดีต่อเชื้อ Toxoplasma spp. จากนั้นนำแอนติเจนที่ผลิตได้มาเคลือบเพลทสำหรับ IgG-ELISA เพื่อตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อ N. caninum ในซีรัมกลุ่มควบคุมบวก (ซีรัมโคทดลองที่ติดเชื้อ N. caninum) จำนวน 3 ตัวอย่าง ซีรัมโคที่ติดเชื้อปรสิตชนิดอื่นๆ จำนวน 115 ตัวอย่าง และซีรัมกลุ่มควบคุมลบ จำนวน 35 ตัวอย่าง ในสภาวะที่เหมาะสม ค่า cut-off ซึ่งคำนวณจากกลุ่มควบคุมลบมีค่าเท่ากับ ?3SD = 0.615 พบว่ามีค่าความไว ความจำเพาะ ค่าทำนายผลบวก และค่าทำนายผลลบของวิธีมีเท่ากับ 100, 82.7, 10.3 และ 100% ตามลำดับ (ที่ค่า cut-off = 0.615) โดยพบว่าเกิดปฏิกิริยาข้ามกับกลุ่มซีรัมโคที่ติดเชื้อปรสิตชนิดอื่น จำนวน 26 ตัวอย่าง ต่อมานำตัวอย่างซีรัมโคจำนวน 894 ตัวอย่าง มาทดสอบด้วยวิธี IgG-ELISA ที่พัฒนาขึ้นโดยเปรียบเทียบกับชุดทดสอบอีไลซ่าทางการค้า พบว่าซีรัมโคจำนวน 318 ตัวอย่างให้ผลบวกด้วยวิธี IgG-ELISA ในขณะที่ 164 ตัวอย่างให้ผลบวกด้วยชุดทดสอบทางการค้า จากผลการศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่าวิธี IgG-ELISA ที่พัฒนาขึ้นโดยใช้แอนติเจนแบบหยาบมีความจำเพาะต่อแอนติบอดีต่อเชื้อ N. caninum น้อยกว่าชุดทดสอบทางการค้า ซึ่งอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาข้าม ดังนั้นจึงควรพัฒนาแอนติเจนให้มีความบริสุทธิ์สูงขึ้น เพื่อเพิ่มความจำเพาะของวิธี IgG-ELISA ให้มากขึ้น
บทคัดย่อ (EN): Neosporosis is one of the important causes of abortion in livestock and economic losses. The ELISA is the most common diagnostic technique used for neosporosis diagnosis in cattle. The aim of this study was to develop an ELISA to detect IgG antibody (IgG-ELISA) against Neospora caninum by preparing the crude somatic antigen from tachyzoite-stage of N. caninum strain NC1, which cultivated and propagated in vero cell. When the prepared crude somatic antigen was tested by immunoblot with antibody against N. caninum, interesting glycoprotein bands were found at 42.1, 36.8, 33.7 and 17.9 kDa. However, no protein band was found when the prepared antigen was tested with serum from cattle infected with Toxoplasma spp. and negative control serum. This result indicated that there was no cross-reaction between with N. caninum antigen and Toxoplasma antibody. Then, the prepared antigen was used as plate-coating antigen in IgG-ELISA to detect antibodies against N. caninum in 3 serum samples of positive control group (experimentally N. caninum-infected sera), 115 serum samples from cattle infected with other parasites and 35 negative control sera under suitable conditions. Cut-off value of this assay, which was determined from the negative control sera, was ?3SD = 0.615. The sensitivity, specificity, positive and negative predictive values of IgG-ELISA were 100, 82.7, 10.3, and 100%, respectively (cut-off = 0.615), which showed that 26 samples cross-reacted with serum samples from cattle infected with other parasites. Subsequently, 894 cattle serum samples were tested by the developed IgG-ELISA in comparison with a commercial ELISA test kit. Three hundred and eighteen samples were positive by the IgG-ELISA, whereas one hundred and sixty four were positive by the commercial kit. Based on the results of this study, it was concluded that the developed IgG-ELISA using crude somatic antigen had a specificity against N. caninum antibody lower than that of commercial kit, which could cause cross-reaction. Therefore, the antigen with higher purity should be developed in order to increase the IgG-ELISA specificity
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมปศุสัตว์
คำสำคัญ: โค
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาวิธีอีไลซ่า สำหรับตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อ Neospora caninum ในโค
กรมปศุสัตว์
30 กันยายน 2555
กรมปศุสัตว์
การพัฒนาวิธีอีไลซ่า สำหรับตรวจหาแอนติบอดี้ Neospora caninum ในโค การสำรวจระดับแอนติบอดีต่อโรคคลามัยเดียในโคเขต 1 การสำรวจระดับแอนติบอดีต่อโรคคลามัยเดียในโคเขต1 การศึกษาเบื้องต้นการใช้ใบกระถินณรงค์เป็นอาหารเสริมสำหรับการเลี้ยงโค การพัฒนาวิธีตรวจเชื้อ Trichomonas foetus ในน้ำเชื้อโคด้วยเทคนิค PCR การพัฒนาวิธีตรวจเชื้อ Tritrichomonas foetus ในน้ำเชื้อโคด้วยเทคนิค PCR การใช้วัสดุพลอยได้การเกษตรเลี้ยงโค วัตถุดิบสำหรับอาหารสัตว์สำหรับโคเนื้อ-โคนม การค้นหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพสำหรับลักษณะทนทานต่อสภาพอากาศร้อนในโคพื้นเมืองไทย: (โคขาวลำพูน) การเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีก ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยการตรวจหาแอนติบอดีที่จำเพาะต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก