สืบค้นงานวิจัย
นิเวศวิทยาและการอนุรักษ์ชะนีมือขาว (Hylobates lar L.) ในป่าผลัดใบเขตร้อน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
Pathom Yimkao - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: นิเวศวิทยาและการอนุรักษ์ชะนีมือขาว (Hylobates lar L.) ในป่าผลัดใบเขตร้อน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ชื่อเรื่อง (EN): Ecology and conservation of the white-handed gibbon (Hylobates lar L.) in a tropical seasonal deciduous forest in Mae Hong Son province, Northern Thailand
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Pathom Yimkao
บทคัดย่อ: การศึกษานี้ครอบคลุมเรื่อง 1) การกระจายและขนาดประชากรของชะนีมือขาว (H. lar ) 2) พฤติกรรมการใช้ พื้นที่ การกิน และการร้อง ในป่าผลัดใบและป่าไผ่บ้านเมืองแพม 3) พืชอาหารและโครงสร้างถิ่นอาศัย 4) กิจกรรมของ มนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อชะนีและ 5) การมีส่วนร่วมของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในการอนุรักษ์ชะนี โดยได้ทำการศึกษาในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2547 - กุมภาพันธ์ 2548 ในเบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่ามีชะนีอย่าง น้อย 87 ตัว จาก 6 ประชากร กระจายอยู่ตามหย่อมป่าในบริเวณลุ่มน้ำลาง ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์และป่า ชุมชนใกล้หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง ระหว่างทำการศึกษามีชะนี 3 ตัวถูกล่า กลุ่มศึกษาหลัก (G1) ใช้พื้นที่ป่าใช้สอยกึ่ง อนุรักษ์ขนาด 40-61 เฮกแตร์ ซึ่งมีความสูงเฉลี่ยของเรือนยอด 23.50 เมตร (2-42) (SD=23.55, n=264) และมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยของต้นไม้ที่ระดับอก 34.5 เซนติเมตร (10-165.5) (SD=23.55, n=381) กลุ่ม G1 ใช้พื้นที่บริเวณเชิงผาค่อนข้างบ่อยเพื่อการพักผ่อน เล่น นอน และหลบภัย บางครั้งจะเข้าไปใช้พื้นที่ บริเวณชายขอบป่าเต็งรังผสมสนเพื่อหาอาหารและร้องประกาศอาณาเขต ตลอดช่วงเวลาการศึกษา วัดปริมาณน้ำฝนได้ 1,598 มิลลิเมตร อุณหภูมิต่ำสุดสูงสุดอยู่ระหว่าง 6-42 องศาเซลเซียส พบพืชอาหารชะนี ในอาณาเขตของกลุ่ม G1 อย่างน้อย 57 ชนิด จาก 25 วงศ์ พบเห็นขณะกิน 29 ชนิด (ไทร 10 ชนิด) วิเคราะห์จากร่องรอยบ่งบอกการกิน 8 ชนิด อ้างถึงพืชอาหารของชะนีในการศึกษาอื่นๆ 13 ชนิด และ จากประสบการณ์ความรู้ของชาวบ้าน 9 ชนิด ชะนีกลุ่ม G1 เริ่มส่งเสียงร้องตั้งแต่ 06:47-10:45 น. โดยเริ่มร้องบ่อยที่สุดในระหว่าง 07:45-08.15 น. (13 ครั้ง) 08:45-09:15 น. (11 ครั้ง) 10:00-10:45 น. (12 ครั้ง) (n=61) ในฤดูหนาวชะนีแต่ละกลุ่มจะเริ่มร้องช้ากว่าในฤดูร้อนและฤดูฝน จาก การศึกษากิจกรรมการใช้ประโยชน์จากป่าของ 3 ชาติพันธุ์ คือกะเหรี่ยง มูเซอ และไทยใหญ่ (ฉาน) พบว่ากะเหรี่ยงมี บทบาทสำคัญต่อการอยู่รอดของชะนีเป็นอันดับแรกและเด่นชัดและมีความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูและการอนุรักษ์ชะนี ในพื้นที่ป่าเมืองแพมและป่ารอบๆ การโยกย้ายหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ฯส่งผลกระทบอย่างมากต่อความต่อเนื่องของ บทบาทในการอนุรักษ์ถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าเมื่อเทียบกับในระยะแรกของการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์ฯ ปฏิบัติการณ์ใน พื้นที่เพื่อให้เกิดข้อตกลงและการจัดการในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันระหว่างชาติพันธุ์ต่างๆในลักษณะของ เครือข่ายโดยมีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์ฯและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความร่วมมือและสนับสนุนจำเป็น อย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์ชะนี
บทคัดย่อ (EN): 23.55) (n=381). Group G1 spent most time around forest cliff sites, for rest, play, sleep and shelter. Sometimes they visited pine-deciduous dipterocarp forest searching for food and singing. Bamboo was frequently used by the group as a food source, sleeping place and travelling route. Annual rainfall of 1,598 mm was recorded during the study. Minimum and maximum temperature in the main study site ranged from 6-42 degrees Celsius. Group G1 was observed to feed on 29 species of plants. Eight other species have strong evidence of being eaten by the gibbons. Thirteen species also recorded as being eaten by the gibbon in other studies were present in the G1 home range. Nine species are classified as potential food using local knowledge. Starting times of the first call (duet) of group G1 ranged from 06:47-10:45 h, but mostly from 07:45-08:15 h (13 times), 08:45-09:15 h (11 times) and 10:00-10:45 h (12 time) (n=61) during the whole study period. All groups started calling later in winter. Among 3 ethnics groups including Karen, Lahu and Thai Yai (Shan), Karen showed that their culture and tradition play a significant role in the survival of the gibbons, and it is hoped to initiate gibbon conservation work in Muang Phaem Forest and surrounding areas with Karen people. The role of wildlife sanctuaries in continuous wildlife protection during the study period was unfortunately interrupted due mainly to the transfer of the chief. Co-management between stakeholders and networking as sitebased actions are suggested and considered necessary for gibbon conservation
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=306&obj_id=196
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Environmental conservation
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การศึกษานี้ครอบคลุมเรื่อง 1) การกระจายและขนาดประชากรของชะนีมือขาว (H. lar ) 2) พฤติกรรมการใช้ พื้นที่ การกิน และการร้อง ในป่าผลัดใบและป่าไผ่บ้านเมืองแพม 3) พืชอาหารและโครงสร้างถิ่นอาศัย 4) กิจกรรมของ มนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อชะนีและ 5) การมีส่วนร่วมของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในการอนุรักษ์ชะนี โดยได้ทำการศึกษาในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2547 - กุมภาพันธ์ 2548 ในเบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่ามีชะนีอย่าง น้อย 87 ตัว จาก 6 ประชากร กระจายอยู่ตามหย่อมป่าในบริเวณลุ่มน้ำลาง ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์และป่า ชุมชนใกล้หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง ระหว่างทำการศึกษามีชะนี 3 ตัวถูกล่า กลุ่มศึกษาหลัก (G1) ใช้พื้นที่ป่าใช้สอยกึ่ง อนุรักษ์ขนาด 40-61 เฮกแตร์ ซึ่งมีความสูงเฉลี่ยของเรือนยอด 23.50 เมตร (2-42) (SD=23.55, n=264) และมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยของต้นไม้ที่ระดับอก 34.5 เซนติเมตร (10-165.5) (SD=23.55, n=381) กลุ่ม G1 ใช้พื้นที่บริเวณเชิงผาค่อนข้างบ่อยเพื่อการพักผ่อน เล่น นอน และหลบภัย บางครั้งจะเข้าไปใช้พื้นที่ บริเวณชายขอบป่าเต็งรังผสมสนเพื่อหาอาหารและร้องประกาศอาณาเขต ตลอดช่วงเวลาการศึกษา วัดปริมาณน้ำฝนได้ 1,598 มิลลิเมตร อุณหภูมิต่ำสุดสูงสุดอยู่ระหว่าง 6-42 องศาเซลเซียส พบพืชอาหารชะนี ในอาณาเขตของกลุ่ม G1 อย่างน้อย 57 ชนิด จาก 25 วงศ์ พบเห็นขณะกิน 29 ชนิด (ไทร 10 ชนิด) วิเคราะห์จากร่องรอยบ่งบอกการกิน 8 ชนิด อ้างถึงพืชอาหารของชะนีในการศึกษาอื่นๆ 13 ชนิด และ จากประสบการณ์ความรู้ของชาวบ้าน 9 ชนิด ชะนีกลุ่ม G1 เริ่มส่งเสียงร้องตั้งแต่ 06:47-10:45 น. โดยเริ่มร้องบ่อยที่สุดในระหว่าง 07:45-08.15 น. (13 ครั้ง) 08:45-09:15 น. (11 ครั้ง) 10:00-10:45 น. (12 ครั้ง) (n=61) ในฤดูหนาวชะนีแต่ละกลุ่มจะเริ่มร้องช้ากว่าในฤดูร้อนและฤดูฝน จาก การศึกษากิจกรรมการใช้ประโยชน์จากป่าของ 3 ชาติพันธุ์ คือกะเหรี่ยง มูเซอ และไทยใหญ่ (ฉาน) พบว่ากะเหรี่ยงมี บทบาทสำคัญต่อการอยู่รอดของชะนีเป็นอันดับแรกและเด่นชัดและมีความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูและการอนุรักษ์ชะนี ในพื้นที่ป่าเมืองแพมและป่ารอบๆ การโยกย้ายหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ฯส่งผลกระทบอย่างมากต่อความต่อเนื่องของ บทบาทในการอนุรักษ์ถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าเมื่อเทียบกับในระยะแรกของการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์ฯ ปฏิบัติการณ์ใน พื้นที่เพื่อให้เกิดข้อตกลงและการจัดการในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันระหว่างชาติพันธุ์ต่างๆในลักษณะของ เครือข่ายโดยมีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์ฯและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความร่วมมือและสนับสนุนจำเป็น อย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์ชะนี
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
นิเวศวิทยาและการอนุรักษ์ชะนีมือขาว (Hylobates lar L.) ในป่าผลัดใบเขตร้อน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
Pathom Yimkao
มหาวิทยาลัยมหิดล
9 กรกฎาคม 2552
บทบาทของด้วงมูลสัตว์ในการกระจายเมล็ดพืชจากกองมูลของชะนีมือขาว The function and direction of grooming in white-hander gibbons (Hylobates Lar) องค์ประกอบทางเคมีของเหง้าขมิ้นขาว โครงสร้างระดับอัลตราและความหลากหลายทางชีววิทยาของเรา Coelomycetes เขตร้อน ครีมหน้าขาวกับการสร้างตัวตนและอัตลักษณ์ของสาวโรงงาน การใช้เชื้อจุลินทรีย์ดินเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของ หญ้าแฝก และผลที่มีต่อนิเวศวิทยาของจุลินทรีย์ดินในธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพและนิเวศวิทยาของกล้วยไม้ดินบางชนิดในป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณของจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน นิเวศวิทยาของมอลลัสก์ในป่าชายเลนที่มีการปนเปื้อนของโลหะหนักในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ผลการต้านพิษของ Disulfiram ร่วมกับ N-acetylcysteine ในหนูขาวที่ได้รับ Acetaminophen เกินขนาด พิษของแคดเมียมที่มีผลต่อเนื้อเยื่อเหงือกตับไตในปลาตะเพียนขาว
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก