สืบค้นงานวิจัย
การวิจัยต่อยอดด้านความปลอดภัยของอาหารจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคอาหารเป็นพิษ: จากตลาดสู่โต๊ะอาหาร (ปีที่ 3)
ศาสตราจารย์ ดร. วันเพ็ญ ชัยคำภา - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การวิจัยต่อยอดด้านความปลอดภัยของอาหารจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคอาหารเป็นพิษ: จากตลาดสู่โต๊ะอาหาร (ปีที่ 3)
ชื่อเรื่อง (EN): Translational Research on Food Safety from Pathogenic Bacteria Causing Food Poisoning: from market to table (3rd year).
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ศาสตราจารย์ ดร. วันเพ็ญ ชัยคำภา
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: โครงการวิจัยนี้มีจุดประสงค์หลัก เพื่อพัฒนาชุดตรวจสำเร็จรูปแบบอิมมูโนโครมาโทกราฟี สำหรับ ตรวจหาเชื้อแบคทีเรียก่อโรค คือ เชื้อวิบริโอ คอเลอเร ซีโรกรุ๊ปโอหนึ่ง ลิสทีเรีย สปีซีส์ และ ลิสทีเรีย โมโน ไชโตจีเนส ที่ปนเปื้อนในตัวอย่างอาหาร เพื่อให้สามารถตรวจได้สะดวก ประหยัด แม่นยำ และทราบผลเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีเพาะแยกและพิสูจน์เอกลักษณ์ของเชื้อที่เป็นวิธีมาตรฐาน และวิธีตรวจหาดีเอ็นเอ ด้วยปฏิกิริยาลูกโซ่แบบเรียลไทม์ รวมทั้งดำเนินการทดสอบชุดตรวจสำเร็จรูปแบบอิมมูโนโครมาโตกราฟิ เพื่อตรวจหาเชื้อชัลโมเนลลาในตัวอย่างอาหารที่พัฒนาไว้แล้วจากผลงานวิจัยที่ได้รับทุน สวก. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยทำในห้องปฏิบัติการแบบห้องปฏิบัติการเดี่ยว ตามข้อกำหนดของ Association of Official Agricultural Chemists (AOAC) ส่วนการทดสอบชุดตรวจนี้ในแบบห้องปฏิบัติการอิสระ ทำโดย รศ. ดร. ประเวทย์ ตุ้ยเต็มวงศ์ ที่ได้รับทุนจาก สวก. เช่นกัน โครงการวิจัยนี้มีระยะเวลาดำเนินการที่เสนอ ไว้ ๓ ปี โดยในปีแรก (๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ถึง ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑) ปีที่สอง (๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ถึง ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาถึง ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔) และปีที่ ๓ (๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึง ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๖) คณะผู้วิจัยได้ดำเนินกิจกรรมที่เสนอไว้ครบถ้วนทุก กิจกรรมแล้ว ดังนี้ ในปีที่ ๓ นี้ได้พัฒนาชุดตรวจแบบริมมูโนโครมาโทกราฟี สัทรับตรรรรรรรใอ คอเลอเสอาสธาร รี โรกรุ๊ปโอหนึ่ง (ชุดไอซีที ๑) โดยใช้โมโนโคลนาลแอนติบอดีจากไฮบริโดมาโคลนที่ได้ผลิตไว้ก่อนแล้วด้วย โครงการวิจัยอื่น และโพลีโคลนาลแอนติบอดีต่อเชื้อ วิบริโอ คอเลอเร ซีโรกรุ๊ปโอหนึ่ง ที่ผลิตในโครงการนี้ เป็นส่วนประกอบในชุดตรวจ ซึ่งชุดตรวจที่พัฒนาขึ้นมีความจำเพาะสูง ไม่เกิดปฏิกิริยาข้ามกับเชื้อแบคทีเรียอื่น และสามารถตรวจเชื้อ วิบริโอ คอเลอเร ซึโรกรับโอหนึ่ง ได้น้อยที่สุดที่ ๑๐" โคโลนีฟอร์มมิง ยูนิทต่อมิลลิลิตรหรือ 10 เซลล์ที่ปนเปื้อนในอาหาร ๒๕ กรัมก่อนเอ็นริช สำหรับชุดตรวจหาเชื้อลิสทีเรีย สปีชีส์ และลิสทีเรีย โมโนไซโตจีเนส ที่พัฒนาขึ้นจากการใช้โมเลกุลอัฟฟินิที หรือ อัฟฟิโนม ที่มี ความจำเพาะกับโปรตีนเป้าหมาย มีค่าความไวในการตรวจวินิจฉัยต่ำ อีกทั้งยังเกิดปฏิกิริยาข้ามกับเชื้อ แบคทีเรียอื่น ได้แก่ บาซิลลัส เซริอัส ที่อาจมีปนเปื้อนในอาหารด้วย คณะผู้วิจัยจึงดำเนินการผลิผลิตโมโคล นาลแอนติบอดีที่จำเพาะกับเชื้อลิสทีเรีย สปีซีส์ และลิสทีเรีย โมโนไซโตจีเนส เพื่อใช้ในการพัฒนาชุดตรวจ แบบอิมมูโนโครมาโทกราฟี สำหรับเชื้อ ลิสทีเรีย สปีซีส์ และลิสทีเรีย โมโนไซโตจีเนส แทนการใช้โมเลกุล อัฟฟิโนม โดยชุดตรวจแบบอิมมูโนโครมาโทกราฟีสำหรับตรวจหาเชื้อลิสทีเรีย สปีซีส์ ใช้แอนติบอดีชนิดโม โนโคลนาลที่จำเพาะต่อโปรตีนอินเวชันแอสโซซิเอทเทดของเชื้อลิสทีเรีย สปีชีส์ และชุดตรวจแบบอิมมูโน โครมาโทกราฟีสำหรับตรวจหาเชื้อลิสทีเรีย โมโนโซโตจีเนส ใช้แอนติบอดีชนิดโมโนโคลนาลที่จำเพาะต่อ โปรตีนอินเทอนารินเอของเชื้อลิสทีเรีย โมโนโชโตจีเนส พบว่าชุดตรวจมีความจำเพาะกับแบคทีเรีย เป้าหมาย และไม่ทำปฏิกิริยาข้ามกับเชื้อแบคทีเรียอื่นที่นำมาทดสอบ และสามารถตรวจเชื้อลิสทีเรีย สปี ซีส์ หรือ ลิสทีเรีย โมโนไซโตจีเนส ได้น้อยที่สุดที่ ๑๐"โคโลนีฟอร์มมิงยูนิทต่อมิลลิลิตร จะเห็นได้ว่าชุดตรวจหาเชื้อลิสทีเรีย สปีชีส์ และลิสทีเรีย โมโนโซโตจีเนส ที่พัฒนาขึ้นมีความไว และความจำเพาะสูง จากนั้นคณะผู้วิจัยได้พัฒนาชุดตรวจแบบอิมมูโนโครมาโทกราฟีแบบดูเพล็กซ์ (ไอซีที ๒) สำหรับตรวจหา เชื้อลิสทีเรีย สปีซีส์ และลิสทีเรีย โมโนโซโตจีเนส ในชุดเดียวกัน พบว่าชุดตรวจยังมีความไว และ ความจำเพาะ ไม่แตกต่างจากชุดตรวจที่แยกจากกัน คณะผู้วิจัยได้เก็บตัวอย่างอาหาร จากตลาดใน กรุงเทพฯและปริมณฑล ทั้งจากตลาดสดและ ซูเปอร์มาร์เก็ต ดังนี้ ตัวอย่างอาหารทะเล ๑๘๑ ตัวอย่าง ตัวอย่างอาหารดิบจำนวน ๑๘๔ ตัวอย่างและ ตัวอย่างอาหารพร้อมรับประทานจำนวน ๔๕ ตัวอย่าง และได้ตรวจหาเชื้อเป้าหมายทั้งสามชนิดในตัวอย่าง อาหารด้วยการเพาะ แยก และพิสูจน์เอกลักษณ์ของเชื้อ และตรวจด้วยวิธีปฏิกิริยาลูกโซ่แบบเรียลไทม์เพื่อ เพิ่มปริมาณยืนเฉพาะของเชื้อวิบริโอ คอเลอเร (ยืนของคอเลอราท๊อกชินส่วนเอชับยูนิท) ลิสทีเรีย สปีชีสี (ยืนของโปรตีนอินเวชันแอสโซซิเอทเทด หรือ ไอเอพี) และลิสทีเรีย โมโนโชโตจีเนส (ยืนฮีโมโลชิน หรือ เอชแอลวาย) เรียบร้อยแล้ว เมื่อนำตัวอย่างอาหารมาใช้ประเมินประสิทธิภาพชุดตรวจเพื่อตรวจหาเชื้อ วิบริโอ คอเลอเรซีโรกรีบโอหนึ่ง ลิสทีเรีย สปีชีส์ และลิสทีเรีย โมโนไซโตจีเนส พบว่า มี ความไว ความ เฉพาะ และความแม่นยำ ร้อยละ ๑๐๐๐ คือ ให้ผลการตรวจตรงกับวิธีมาตรฐานในทุกตัวอย่างที่นำมา ทดสอบ คณะผู้วิจัยได้ส่งมอบชุดตรวจแบบอิมมูโนโครมาโทกราฟีสำหรับตรวจหาเชื้อชัลโมเนลลา ชุด ตรวจหาเชื้อวิบริโอ คอเลอเร และชุดตรวจหาเชื้อลิสทีเรีย สปีซีส์ และลิสทีเรีย โมโนโชโตจีเนส พร้อมกับ คู่มือวิธีใช้งานสำหรับชุดตรวจให้ทางสำนักอนามัย กรุงเทพฯมหานคร เพื่อนำชุดตรวจที่ผลิตขึ้นไปทดสอบประสิทธิภาพในห้องปฏิบัติการของสำนักอนามัย กรุงเทพฯมหานครแล้ว งานวิจัยสำเร็จตามแผนที่วางไว้ ทุกกิจกรรม
บทคัดย่อ (EN): This study aimed to invent ready- to-use immunochromatographic test kits for detection of pathogenic bacteria, namely Vibrio cholerae serogroup O1, Listeria spp. and L. monocytogenes that contaminate food samples. The test kits should be easy to use, costeffective, and accurate with rapid turn-around time when compared to the conventional microbiological methods and DNA detection by real-time polymerase chain reaction (realtime PCR) . We also validated the previously established Salmonella immunochromatographic test kit (ICT) (from the financial support of ARDA in the fiscal year 2559 B.E.) in a single lab as well as in an independent lab (performed by Associated Prof. Dr. Prawate Tuitemwong who also received research support from ARDA). The duration of this research project is 3 years. The first year duration was June 2nd, 2560 B.E. to June 1st , 2561 B.E. ; the second year duration was October 5th , 2562 B.E. to October 4th , 2563 B.E. , with the permission to extend to January 4th, 2564 B.E. and the third year duration was April 21th, 2565 B.E. to April 20th, 2566 B.E. We have completed all of the proposed research activities of all three years as follows: Immunochromatographic test kit ( ICT1) for detection of Vibrio cholerae serogroup O1 (the pathogen that has epidemic/pandemic potential) was developed by using specific monoclonal to antigen A of V. cholerae serogroup O1 (secreted from a hybridoma clone that was generated previously) , and rabbit polyclonal IgG to V. cholerae O1 whole cell homogenate. The ICT1 has 100% analytical specificity as it showed no cross- reactivity against heterologous bacteria that were tested. The lowest limit of the ICT1 for Vibrio cholerae serogroup O1 detection was 105 cfu/ml (10 cells in 25 grams of food before enrichment) . Meanwhile, Immunochromatographic test kits for separate detection of Listeria spp. and L. monocytogenes were also developed by using affinity molecules/affinomes specific to the invasion-associated protein (Iap) and internalin A (InlA) proteins of Listeria spp. and L. monocytogenes respectively. Nevertheless, these ICTs showed low analytical sensitivity and also cross- reactivity to Bacillus cereus, the heterologous bacterium that may be present in food. Therefore, we produced monoclonal antibody (MAb) specific to Iap ofListeria spp. and InlA of L. monocytogenes for use instead of the affinomes in the ICT development. The results showed that the ICT for Listeria spp. detection (made of MAbs to Iap) did not have cross- reactivity with any heterologous bacteria and could detect Listeriaspp. at 103 cfu/ml. Likewise, the ICT for L. monocytogenes detection (made of MAbs to InlA) behave similarly in analytical sensitivity and specificity. These results indicate that the developed singleplex ICTs for Listeria spp. and L. monocytogenes detections based on MAbs specific to Iap and inlA respectively had high sensitivity and specificity for detectionof the bacterial targets. Therefore, a duplex ICT (ICT2) for dual detection of Listeria spp. and L. monocytogenes, based on the respective MAbs was developed. This duplex ICT ( ICT2) had high sensitivity and specificity similar to the MAb-based-singleplex ICT counterparts. Food samples consisted of 181 seafood samples ( for detecting Vibrio cholerae serogroup O1) and 184 raw foods and 45 ready-to-eat foods (for detecting Listeria spp. and L. monocytogenes) were collected from fresh markets and supermarkets in Bangkok metropolitan and the periphery. They were subjected to the conventional culture methods for detection and identification of the target bacteria. Real-time PCR for detection of iap of Listeriaspp, hly of L. monocytogenes and ctx of V. cholerae serogroup O1 were developed and used for detecting the respective bacterial DNAs in the collected food samples. The results of the culture method and real-time PCR were found to be conformed to the bacterial detection by using the ICT kits, i.e. , the ICT kits showed 100% of diagnostic sensitivity, specificity and accuracy. We have produced of the ICT1 and ICT2 as well as the previously developed Salmonella ICT kit and sent to the Bangkok Health Department (independent lab) for further validation. All of the proposed research activities have been completed.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: อิมมูโนโครมาโทกราฟี
คำสำคัญ (EN): Immunochromatography (ICT)
เจ้าของลิขสิทธิ์: ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิจัยต่อยอดด้านความปลอดภัยของอาหารจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคอาหารเป็นพิษ: จากตลาดสู่โต๊ะอาหาร (ปีที่ 3)
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2565
การวิจัยต่อยอดด้านความปลอดภัยของอาหารจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคอาหารเป็นพิษ: จากตลาดสู่โต๊ะอาหาร การวิจัยต่อยอดด้านความปลอดภัยของอาหารจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคอาหารเป็นพิษ: จากตลาดสู่โต๊ะอาหาร2 การพัฒนาดีเอ็นเอไบโอเซนเซอร์เพื่อการตรวจหาเชื้อลิสทีเรียในผลิตภัณฑ์อาหาร การสร้างไบโอฟิล์มของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคในปลานิลและการค้นหาและทดสอบสารต้านหรือยับยั้งการสร้างไบโอฟิล์มของเชื้อดังกล่าวจากสารสกัดธรรมชาติเพื่อนามาทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ โครงการพัฒนาระบบอาหารของประเทศไทย: การวางภาพกรอบระบบอาหารและการวิเคราะห์และพัฒนาระบบอาหารส่วน “การค้า การกระจายและการบริการอาหาร” การพัฒนาระบบอาหาร (Food system) ของประเทศไทย : ระบบการผลิตสินค้าเกษตรและการแปรรูปอาหาร การต่อยอดผลงานวิจัยเรื่องกลไกการก่อโรคของเชื้อ Enterocytozoon hepatopenaei (EHP) เพื่อนำไปใช้ในการควบคุมการระบาดของเชื้อในกุ้ง การใช้เศษเหลือจากการผลิตลำไยเพื่อผลิตเป็นอาหารเสริมทดแทนการขาดแคลนอาหารในธรรมชาติสำหรับเลี้ยงผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera L.) การวิจัยและพัฒนาอาหารสำหรับแม่พันธุ์กุ้งขาวแวนนาไม โครงการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาระบบอาหารของประเทศไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก