สืบค้นงานวิจัย
ผลของการปรับปรุงดินด้วยถ่านชีวภาพต่อความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารพืช ผลผลิตและคุณภาพของผักกาดหอม
ศรชัย คุมสุข - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: ผลของการปรับปรุงดินด้วยถ่านชีวภาพต่อความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารพืช ผลผลิตและคุณภาพของผักกาดหอม
ชื่อเรื่อง (EN): Effect of Biochar as a Soil Amendment on Available of Plant Nutrients, Yield and Quality of Lettuce (Lactuca sativa L.)
บทคัดย่อ: บทคัดย่อ โครงการวิจัยนี้ศึกษาผลของการใช้ถ่านชีวมวลชนิดต่างๆ และอัตราการใช้ถ่านชีวมวลที่มีต่อการผลผลิตพืชผักเปรียบเทียบกับการใช้ถ่านที่ผลิตโดยวิธีการเผาแบบเกษตรกร จากการเก็บข้อมูลพืชหลังจากทำการทดลองในกระถาง 2 รอบ พบว่า น้ำหนักสดจะเพิ่มขึ้นตามการใส่ถ่านชีวมวลในอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยดินที่ใส่ถ่านชีวมวลจากไม้ไผ่ อัตรา 20 ตันต่อเฮคเตอร์จะทำให้ผักกาดหอมมีน้ำหนักสดมากที่สุด ทุกตำรับการทดลองที่มีการใส่ถ่านจะให้ความสูงต้นผักกาดหอมมากกว่าการไม่ใส่ถ่านชนิดใดๆ เลย และจำนวนใบต่อต้นจะเพิ่มขึ้นตามอัตราการใส่ถ่านชนิดต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะเห็นได้ผลชัดเจนขึ้นในการปลูกรอบที่ 2 ผลการวิเคราะห์สมบัติดินหลังปลูกในกระถาง 2 รอบ พบว่า ค่าความเป็นกรดด่างในดิน ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดิน และปริมาณโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดินหลังปลูกในรอบที่ 1 มากกว่ารอบที่ 2 ในทุกตำรับการทดลอง เมื่อทำการพิจารณาเลือกตำรับการทดลองที่ดีที่สุดในแต่ละชนิดถ่านจากผลการทดลองในกระถาง เพื่อนำไปใช้เป็นตำรับการทดลองในการปลูกผักกาดหอมในแปลงทดลอง พบว่า ตำรับการทดลองที่ดีที่สุดในแต่ละชนิดถ่าน คือ ตำรับที่มีการใส่ถ่านชีวมวลจากไม้ไผ่ อัตรา 20 ตันต่อเฮคเตอร์ การใส่ถ่านชีวมวลจากแกลบ อัตรา 10 ตันต่อเฮคเตอร์ และการใส่ถ่านไม้ไผ่ที่เผาแบบวิธีเกษตรกร อัตรา 20 ตันต่อเฮคเตอร์ จากการปลูกผักกาดหอมทดสอบในแปลงทดลองทั้ง 2 รอบ พบว่า ให้ผลใกล้เคียงกับการทดลองในกระถาง คือ ดินที่ใส่ถ่านชีวมวลจากไม้ไผ่ อัตรา 20 ตันต่อเฮคเตอร์จะทำให้ผักกาดหอมมีน้ำหนักสดมากที่สุดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในการปลูกรอบที่ 1 และการใส่ถ่านชนิดต่างๆ ลงในดินสามารถทำให้น้ำหนักสดของผักกาดหอมมากกว่าการไม่ใส่ถ่านลงในดิน น้ำหนักสดของผักกาดหอมที่ปลูกในรอบที่ 1 มากกว่ารอบที่ 2 ในทุกตำรับการทดลอง แต่น้ำหนักแห้ง ความสูงต้น และความยาวรากของผักกาดหอมที่ปลูกทั้ง 2 รอบ ในทุกตำรับการทดลองไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตามพบว่า ความยาวรากของผักกาดหอมที่ปลูกในรอบที่ 1 น้อยกว่ารอบที่ 2 ในทุกตำรับการทดลอง และพบว่า ในการปลูกผักกาดหอมทดลองทั้ง 2 รอบ ตำรับที่มีการใส่ถ่านชีวมวลทั้ง 2 ชนิดลงในดินมีแนวโน้มทำให้ความยาวรากผักมากกว่าการใส่ถ่านไม้ไผ่ที่เผาแบบวิธีเกษตรกร และการไม่ใส่ถ่านชนิดใดๆ เลย ส่วนจำนวนใบและความเขียวใบของผักกาดหอมในการปลูกผักในรอบที่ 1 โดยรวมมีค่ามากกว่าในรอบที่ 2 ในทุกตำรับการทดลอง ผลการวิเคราะห์สมบัติดินหลังปลูกในแปลงทดลองทั้ง 2 รอบ พบว่า ค่าความเป็นกรดด่างในดิน ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน (Organic matter) ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดิน และปริมาณโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดินหลังปลูกผักกาดหอมในรอบที่ 1 มากกว่ารอบที่ 2 ในทุกตำรับการทดลอง โดยในการปลูกรอบที่ 1 ตำรับที่มีการใส่ถ่านไม้ไผ่ที่เผาแบบวิธีเกษตรกร อัตรา 20 ตันต่อเฮคเตอร์ ทำให้ดินมีค่าความเป็นกรดด่างมากที่สุดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และหลังการปลูกผักรอบที่ 2 ตำรับที่มีการใส่ถ่านชีวมวลจากแกลบ อัตรา 10 ตันต่อเฮคเตอร์มีปริมาณอินทรียวัตถุในดินหลังปลูกมากที่สุดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้พบว่า ทั้ง 2 รอบการปลูก ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดินและปริมาณโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดินหลังปลูกไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในแต่ละตำรับการทดลอง แต่พบว่า การใส่ถ่านชีวมวลจากแกลบ อัตรา 10 ตันต่อเฮคเตอร์ มีแนวโน้มทำให้ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดินและปริมาณโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดินหลังปลูกมีค่ามากที่สุดในทั้ง 2 รอบการปลูก
บทคัดย่อ (EN): This research investigates effects of biochar and use rates that affect vegetation growing in comparison with char, which is traditionally produced by farmers. Data collected two times separately from vegetation grown in pots revealed increasing fresh weight in accordance with increasing rates of biochar used. The soil with bamboo biochar at a ratio of 20 tons per hectare yielded the most fresh weight to lettuce. In all categories of the experiment, soils with any types of char or biochar gave more height in lettuce than those without. Leave numbers per one lettuce increased according to increasing ratios of different char used. The evident effect revealed in the second growing. Analysing soil properties in the pots after two rounds of growing revealed that pH, volumes of organic matters, available phosphorus quantity, and exchangeable potassium quantity found in the first growing were higher than the second growing in all soil mixtures. Taking the best soil with each type of char to grow lettuce in experiment beds revealed that the best types of soil were as follows: bamboo biochar at the ratio of 20 tons per hectare, husk biochar at the ratio of 10 tons per hectare, and bamboo char traditionally prepared by farmers at the ratio of 20 tons per hectare. Comparing the growing of lettuce in pots with the growing in experiment beds showed relatively close yields. That is, the soil with bamboo biochar at 20 tons per hectare gave the most fresh weight to the lettuce, which was statistically significant in the first growing. It also revealed that adding different types of char to soils increased fresh weight of lettuce more than the soils without any char. The fresh weight of lettuce from the first growing was more than that from the second growing in all types of soil mixtures. Dry weight, height, and root length of lettuce from both growing rounds in all types of soil mixtures had no statistical significance difference. However, the root length from the first growing was shorter than from the second growing in all types of soil mixtures. It was found in both growing rounds that the soil with two types of biochar had tendency to give longer roots than the soil with traditionally prepared bamboo char and the soil without any char. In addition, lettuce from the first growing yielded more leave numbers and greenness than from the second growing in all types of soil mixtures. Analysing soil properties in the experiment beds after two growing rounds revealed that pH, organic matters, available phosphorus, and exchangeable potassium in the soil after the first growing had more than from the second growing in all types of soil mixtures. The soil with traditionally prepared bamboo char at 20 tons per hectare from the first growing bore the highest pH in statistical significance. The soil with husk biochar at 10 tons per hectare from the second growing bore the highest organic matters in statistical significance. Furthermore, volumes of available phosphorus and of exchangeable potassium after both growing rounds had no statistical significance difference. However, it was found that adding husk biochar at 10 tons per hectare had tendency to give the highest volumes of available phosphorus and exchangeable potassium in the soils in both growing rounds.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: ผักกาดหอม
คำสำคัญ (EN): Lettuce
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของการปรับปรุงดินด้วยถ่านชีวภาพต่อความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารพืช ผลผลิตและคุณภาพของผักกาดหอม
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2557
วิถีชีวิตแบบสโลว์ฟูดส์… เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี อัตราปุ๋ยอินทรีย์ที่เหมาะสมต่อการให้ผลผลิตของผักกาดหอม การจัดการธาตุอาหารพืชเพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้ในพื้นที่ ตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ อาหารบำรุงสมอง สเตอรอลจากพืช อนาคตของอาหารโลกอยู่ในมือของคุณ ความหลากหลายของเชื้อราจากดิน ซากพืชและการนำไปใช้ประโยชน์ การปรับปรุงกระบวนการผลิตปุ๋ยชีวภาพโรงงานขนาดเล็กในจังหวัดพัทลุง การพัฒนาภูมิปัญญาพื้นบ้านในการใช้ประโยชน์ด้านอาหารจากพืชท้องถิ่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม : กรณีศึกษาพืชสมุนไพร ว่านหางจระเข้ ศึกษาการใช้ปุ๋ยอินทรีย์สูตรถ่านชีวภาพ(ไบโอชาร์) เพื่อลดการสูญเสียไนโตรเจนและเพิ่มผลผลิตผักคะน้า
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก