สืบค้นงานวิจัย
การกระจายของคาร์บอนในพื้นที่ป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา จังหวัดชุมพร
Kumnoung Jindanuch - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การกระจายของคาร์บอนในพื้นที่ป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา จังหวัดชุมพร
ชื่อเรื่อง (EN): Carbon distribution in mangrove area of Thung Kha Estuary, Chumphon province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Kumnoung Jindanuch
บทคัดย่อ: ป่าชายเลน เป็นแหล่งเก็บกักและแหล่งสะสมคาร์บอนที่สำ คัญ แต่การเข้าไปเปลี่ยนแปลง หรือเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน ทำ ให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการกระจายของคาร์บอนในพื้นที่ป่าชายเลน ที่มีรูปแบบ การใช้ประโยชน์พื้นที่ต่างกัน ในบริเวณพื้นที่ป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา จังหวัดชุมพร ซึ่งพบว่า มีรูปแบบ การใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน 4 รูปแบบหลัก ๆ คือ ป่าชายเลนปลูก ป่าชายเลนธรรมชาติ ป่าชาย เลนที่ได้รับการฟื้นฟู และป่าชายเลนถูกทำ ลายหรือพื้นที่นากุ้งร้าง โดยประเมินหาปริมาณคาร์บอน ที่มีอยู่ในมวลชีวภาพเหนือพื้นดินและในดิน ในแต่ละรูปแบบการใช้ประโยชน์พื้นที่ ทั้งในฤดูฝน และฤดูแล้ง ตลอดจนวิเคราะห์ความสัมพันธ์คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของดิน ในแต่ละรูป แบบการใช้ประโยชน์พื้นที่และประเมินการสูญเสียคาร์บอน เนื่องจากการทำ ลายพื้นที่ป่าชายเลน โดยใช้แบบจำ ลองคาร์บอน IPCC, 1996 ผลการศึกษา พบว่า ปริมาณคาร์บอนที่สะสมอยู่ในมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน มีความสัมพันธ์ กับปริมาณมวลชีวภาพหรือผลผลิตของพรรณไม้ ซึ่งมีมากที่สุดบริเวณป่าชายเลนธรรมชาติ ส่วน ปริมาณคาร์บอนที่สะสมในดิน (ดินชั้น A และ C ที่ความลึกประมาณ 0-60 ซม.) มีมากที่สุดในพื้น ที่ป่าชายเลนที่ได้รับการฟื้นฟู คือ 177.606 tC/ha ส่วนพื้นที่ป่าชายเลนธรรมชาติ นากุ้งร้าง และ ป่าชายเลนปลูก มีค่าเท่ากับ 152.718, 151.326 และ 124.176 tC/ha นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์กับ คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของดิน ที่พบว่า ดินบริเวณป่าชายเลนที่ได้รับการฟื้นฟู มีปริมาณ อินทรียวัตถุมากที่สุด และพื้นที่ที่เปลี่ยนสภาพพื้นที่ป่าชายเลนเป็นนากุ้ง มีผลทำ ให้ปฏิกิริยาของดิน ความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวก และค่าการนำ ไฟฟ้าของดินลดลง
บทคัดย่อ (EN): mangrove plantation, natural mangrove, reforestation mangrove and clearing mangrove or shrimp farming. The methodology was to assess carbon total in combined above ground biomass, and soils, in each of the land use patterns, both in the rainy season and the dry season. Analysis of physical and chemical soil properties in each of the land use patterns and assessment of the carbon emissions at deforestation stage was done by using carbon modeling by IPCC, 1996. The results of the study showed that the carbon content in above ground biomass was relative with the biomass of plants or mangrove production. The carbon content was the highest in natural mangrove. The carbon content in soils (in A and C horizon at level of 0-60 cm.), were highest in the regenerated mangrove area at about 177.606 tC/ha while the carbon content in soils in natural mangrove, shrimp farming and mangrove plantation were 152.718, 151.326 and 124.176 tC/ha, respectively. It was also found the relative physical and chemical soil properties and percentage of soil organic matter was the highest in regeneration mangrove area. When the mangrove area changed from shrimp farming it caused an important impact on soil reaction (pH), cation exchange capacity (CEC) and electrical conductivity (ECe) degradation.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=1465&obj_id=5154
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Carbon
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: ป่าชายเลน เป็นแหล่งเก็บกักและแหล่งสะสมคาร์บอนที่สำ คัญ แต่การเข้าไปเปลี่ยนแปลง หรือเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน ทำ ให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการกระจายของคาร์บอนในพื้นที่ป่าชายเลน ที่มีรูปแบบ การใช้ประโยชน์พื้นที่ต่างกัน ในบริเวณพื้นที่ป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา จังหวัดชุมพร ซึ่งพบว่า มีรูปแบบ การใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน 4 รูปแบบหลัก ๆ คือ ป่าชายเลนปลูก ป่าชายเลนธรรมชาติ ป่าชาย เลนที่ได้รับการฟื้นฟู และป่าชายเลนถูกทำ ลายหรือพื้นที่นากุ้งร้าง โดยประเมินหาปริมาณคาร์บอน ที่มีอยู่ในมวลชีวภาพเหนือพื้นดินและในดิน ในแต่ละรูปแบบการใช้ประโยชน์พื้นที่ ทั้งในฤดูฝน และฤดูแล้ง ตลอดจนวิเคราะห์ความสัมพันธ์คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของดิน ในแต่ละรูป แบบการใช้ประโยชน์พื้นที่และประเมินการสูญเสียคาร์บอน เนื่องจากการทำ ลายพื้นที่ป่าชายเลน โดยใช้แบบจำ ลองคาร์บอน IPCC, 1996 ผลการศึกษา พบว่า ปริมาณคาร์บอนที่สะสมอยู่ในมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน มีความสัมพันธ์ กับปริมาณมวลชีวภาพหรือผลผลิตของพรรณไม้ ซึ่งมีมากที่สุดบริเวณป่าชายเลนธรรมชาติ ส่วน ปริมาณคาร์บอนที่สะสมในดิน (ดินชั้น A และ C ที่ความลึกประมาณ 0-60 ซม.) มีมากที่สุดในพื้น ที่ป่าชายเลนที่ได้รับการฟื้นฟู คือ 177.606 tC/ha ส่วนพื้นที่ป่าชายเลนธรรมชาติ นากุ้งร้าง และ ป่าชายเลนปลูก มีค่าเท่ากับ 152.718, 151.326 และ 124.176 tC/ha นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์กับ คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของดิน ที่พบว่า ดินบริเวณป่าชายเลนที่ได้รับการฟื้นฟู มีปริมาณ อินทรียวัตถุมากที่สุด และพื้นที่ที่เปลี่ยนสภาพพื้นที่ป่าชายเลนเป็นนากุ้ง มีผลทำ ให้ปฏิกิริยาของดิน ความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวก และค่าการนำ ไฟฟ้าของดินลดลง
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การกระจายของคาร์บอนในพื้นที่ป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา จังหวัดชุมพร
Kumnoung Jindanuch
มหาวิทยาลัยมหิดล
2546
พื้นที่ดอกไม้ นิเวศวิทยาของมอลลัสก์ในป่าชายเลนที่มีการปนเปื้อนของโลหะหนักในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน เปรียบเทียบการกระจายของปะการังต่างชนิดตามระดับความลึกระหว่างอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ปริมาณการเก็บกักคาร์บอนในสวนยางพาราบริเวณพื้นที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อชนิดและการแพร่กระจายของปลากะรังในอ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี การศึกษาการแพร่กระจายของคลอโรฟิลล์บริเวณอ่าวไทยตอนในโดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ การสะสมและการแพร่กระจายของโลหะหนักในกุ้งขาวบริเวณอ่าวไทยตอนบน การกระจายของปรอทตามระดับความลึกในแท่งดินตะกอนจากอ่าวมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์และอ่าวไทยประเทศไทย ความรู้ของประชาชนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลน กรณีศึกษา : แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร การมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการปลูกป่าชายเลน : ศึกษากรณีเขตพื้นที่ ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก