สืบค้นงานวิจัย
รูปแบบการจัดการความรู้การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรในศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพภาคตะวันตกแห่งประเทศไทย
Bajaree Saguanwongse - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: รูปแบบการจัดการความรู้การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรในศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพภาคตะวันตกแห่งประเทศไทย
ชื่อเรื่อง (EN): Model of knowledge-based management on medicinal plant utilization for the western biodiversity center Thailand
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Bajaree Saguanwongse
บทคัดย่อ: การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อการศึกษาคุณค่าและความตระหนักการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรในป่า ชุมชนพุเตย และ 2) เพื่อศึกษาชนิด รูปแบบ และลักษณะของการจัดการความรู้การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรของ ชุมชน 3) การเสนอแนะรูปแบบการจัดการความรู้การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรให้แก่ป่าชุมชนพุเตย การศึกษานี้ใช้ หลักการศึกษาแบบเชิงคุณภาพแบบหลักการชุมชนแบบเร่งด่วน (Rapid Rural Appraisal/RRA) ซึ่งใช้การ สัมภาษณ์ และประชุมกลุ่มย่อย และการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Analysis) ซึ่งใช้ Snowball Technique เพื่อเสนอชื่อบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร รวมทั้งการวิเคราะห์ด้านเอกสาร และใช้กระบวนการ Appreciation-Influence-Control (AIC) เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประชุมระดมความคิด เพื่อถอนองค์ความรู้และเก็บข้อมูลนั้นมาประมวลผล และนำไปสู่การเสนอแนะรูปแบบการจัดการองค์ความรู้การใช้ ประโยชน์พืชสมุนไพรแก่ชุมชน พื้นที่ป่าชุมชนบ้านพุเตย ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับคัดเลือกให้เป็นศูนย์ความ หลากหลายทางชีวภาพภาคตะวันตก เป็นพื้นที่ศึกษาในงานวิจัยครั้งนี้ ผลจากการศึกษาพบว่า มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใน การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร จำนวน 15 คน เข้าร่วมระดมความคิดในกิจกกรรมของ AIC และนักวิจัยได้นำข้อมูล จากการระดมความคิดมาวิเคราะห์หาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและปัญหา (S.W.O.T. Analysis) ซึ่งพบว่า กลุ่มเป้าหมายมีองค์ความรู้การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรอยู่มาก เช่น องค์ความรู้ด้านชนิดของพืช วิธีการใช้หรือการ เก็บ ระยะเวลาและแหล่งที่เก็บพืชสมุนไพร เป็นต้น ถึงแม้ว่าจะมีผู้รู้เพียงไม่กี่คน แต่องค์ความรู้สามารถสร้างให้กลุ่ม เกิดความตระหนักและเห็นคุณค่าในการใช้พืชสมุนไพรได้ และเนื่องจาก ผู้รู้หรือปราชญ์มีการศึกษาน้อย ไม่สามารถ อ่านเขียนได้และขาดประสบการณ์การถอดองค์ความรู้ จึงทำให้การถ่ายทอดและการสืบทอดความรู้ต่อไปในชุมชนมี น้อย อีกทั้งขาดระบบการจัดเก็บข้อมูลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อรักษาองค์ความรู้เหล่านั้นมิให้สูญหายไป ผู้วิจัยจึงได้นำเสนอรูปแบบการจัดการความรู้การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรให้แก่ชุมชน และพบว่ากลุ่มผู้นำและผู้รู้/ ปราชญ์ให้ความสนใจ ไร้อมทั้งเสนอแนะและปรับปรุงรูปแบบการดังกล่าวให้เหมาะสมแก่ป่าชุมชนพุเตยเพื่อพัฒนา อย่างยั่งยืนต่อไป
บทคัดย่อ (EN): The objectives of this research were 1) to study the values and utilization of medicinal plants in term of the society and culture of Phu Toei Forest Community, 2) to identify the characteristics and type of a Knowledge Management model for medicinal plants utilization and 3) to design a suitable model of Knowledge-based management for medicinal plants utilization for Phu Toei Forest Community. The study used the Rapid Rural Appraisal (RRA) concept as a guideline for conducting interviews and focus group discussions. Stakeholder Analysis was used with Snowballing Technique to identify key informants. Appreciation-Influence-Control (AIC) was used to guide focus group discussion. Documentary analysis was also used. Then, data were analyzed and synthesized in order to set up a model of knowledge-based management for medicinal plant utilization. Baan Phu Toei Community Forest, Ta-Sao subdistrict, Sai Yok district, Kanchanaburi province which is the location for the western center of biodiversity was selected as the study area. Fifteen key informants on medicinal plant utilization in the community were identified and they attended the AIC activity. The researcher used the SWOT Analysis to identify the results of discussion. It was found that the informants had a lot of local knowledge to medicinal plant utilization, such as species of plants, productive plant usage, time of collection, and location of sources. Even though the local wise people were few, they were knowledgeable and aware on utilization of medicinal plants. Also because these people had a low level of education, were often illiterate, and they had little experience of knowledge-based management, transmitting their knowledge to new generation was difficult for them and only partially successful. Also the data had never been recorded and collected consistently. Therefore, the researcher designed a model of knowledge-based management for medicinal plant utilization in order to maintain and manage their local knowledge base before it disappears. It was found that the target groups were interested in the participatory process, especially leaders and traditional healers. They suggested improvements of their community and developed this model for the sustainable development
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=4647&obj_id=4683
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Medicinal plants
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อการศึกษาคุณค่าและความตระหนักการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรในป่า ชุมชนพุเตย และ 2) เพื่อศึกษาชนิด รูปแบบ และลักษณะของการจัดการความรู้การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรของ ชุมชน 3) การเสนอแนะรูปแบบการจัดการความรู้การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรให้แก่ป่าชุมชนพุเตย การศึกษานี้ใช้ หลักการศึกษาแบบเชิงคุณภาพแบบหลักการชุมชนแบบเร่งด่วน (Rapid Rural Appraisal/RRA) ซึ่งใช้การ สัมภาษณ์ และประชุมกลุ่มย่อย และการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Analysis) ซึ่งใช้ Snowball Technique เพื่อเสนอชื่อบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร รวมทั้งการวิเคราะห์ด้านเอกสาร และใช้กระบวนการ Appreciation-Influence-Control (AIC) เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประชุมระดมความคิด เพื่อถอนองค์ความรู้และเก็บข้อมูลนั้นมาประมวลผล และนำไปสู่การเสนอแนะรูปแบบการจัดการองค์ความรู้การใช้ ประโยชน์พืชสมุนไพรแก่ชุมชน พื้นที่ป่าชุมชนบ้านพุเตย ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับคัดเลือกให้เป็นศูนย์ความ หลากหลายทางชีวภาพภาคตะวันตก เป็นพื้นที่ศึกษาในงานวิจัยครั้งนี้ ผลจากการศึกษาพบว่า มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใน การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร จำนวน 15 คน เข้าร่วมระดมความคิดในกิจกกรรมของ AIC และนักวิจัยได้นำข้อมูล จากการระดมความคิดมาวิเคราะห์หาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและปัญหา (S.W.O.T. Analysis) ซึ่งพบว่า กลุ่มเป้าหมายมีองค์ความรู้การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรอยู่มาก เช่น องค์ความรู้ด้านชนิดของพืช วิธีการใช้หรือการ เก็บ ระยะเวลาและแหล่งที่เก็บพืชสมุนไพร เป็นต้น ถึงแม้ว่าจะมีผู้รู้เพียงไม่กี่คน แต่องค์ความรู้สามารถสร้างให้กลุ่ม เกิดความตระหนักและเห็นคุณค่าในการใช้พืชสมุนไพรได้ และเนื่องจาก ผู้รู้หรือปราชญ์มีการศึกษาน้อย ไม่สามารถ อ่านเขียนได้และขาดประสบการณ์การถอดองค์ความรู้ จึงทำให้การถ่ายทอดและการสืบทอดความรู้ต่อไปในชุมชนมี น้อย อีกทั้งขาดระบบการจัดเก็บข้อมูลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อรักษาองค์ความรู้เหล่านั้นมิให้สูญหายไป ผู้วิจัยจึงได้นำเสนอรูปแบบการจัดการความรู้การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรให้แก่ชุมชน และพบว่ากลุ่มผู้นำและผู้รู้/ ปราชญ์ให้ความสนใจ ไร้อมทั้งเสนอแนะและปรับปรุงรูปแบบการดังกล่าวให้เหมาะสมแก่ป่าชุมชนพุเตยเพื่อพัฒนา อย่างยั่งยืนต่อไป
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
รูปแบบการจัดการความรู้การใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรในศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพภาคตะวันตกแห่งประเทศไทย
Bajaree Saguanwongse
มหาวิทยาลัยมหิดล
2551
การศึกษาการตกสะสมของกรดบริเวณภาคกลางของประเทศไทย ในประเทศไทย ความหลากหลายทางชีวภาพ พืชอาศัยและการเจริญของเชื้อราเอกโตมายคอไรซาในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย การอนุรักษ์และการจัดการช้างในประเทศไทย คืนสู่ธรรมชาติ การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย ความหลากหลายทางชีวภาพของ Pediastrum spp. ในแหล่งน้าของประเทศไทยและคุณค่าทางโภชนาการ ผลของสมุนไพรไทยในภาคอีสานต่อระบบภูมิคุ้มกัน โครเมี่ยนสปิเนลจากหินอัคนีอัลตราเมฟิกบางส่วน ในภาคเหนือและภาคตะวันออกของประเทศไทย ปลิงทะเลบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย โครงสร้างชุมชนของปะการังแข็งบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก