สืบค้นงานวิจัย
ความสัมพันธ์ของปริมาณเนื้อเยื่อไขมันที่วัดโดยวิธีการชั่งน้ำหนักใต้น้ำ, การวัดความหนาผิวหนังพับ, เนียร์อินฟราเรดอินเตอร์แรคแทนซ์และไบโออิเลคตริคอล อิมพิเดนซ์ อนาไลซีส
รัสนา เลิศรุ่งชัยสกุล - มหาวิทยาลัยบูรพา
ชื่อเรื่อง: ความสัมพันธ์ของปริมาณเนื้อเยื่อไขมันที่วัดโดยวิธีการชั่งน้ำหนักใต้น้ำ, การวัดความหนาผิวหนังพับ, เนียร์อินฟราเรดอินเตอร์แรคแทนซ์และไบโออิเลคตริคอล อิมพิเดนซ์ อนาไลซีส
ชื่อเรื่อง (EN): Relationship of body fat measured with hydrostatic weighing skinfold measurement, near-in
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: รัสนา เลิศรุ่งชัยสกุล
บทคัดย่อ: ในปัจจุบันมีการนำวิธีการวัดและเครื่องมอมาใช้วัดปริมาณเนื้อเยื่อไขมันในร่างกายมากขึ้นซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างง่าย สะดวก แต่วิธีการวัดและเครื่องมือดังกล่าว จะให้ค่าที่มีความสัมพันธ์กับการชั่งน้ำหนักใต้น้ำ ซึ่งเป็นวิธีการวัดค่อนข้างยุ่งยากแต่ถือว่าเป็นวิธีมาตรฐานหรือไม่ยังเป็นสิ่งที่เป็นคำถาม จึงได้ทำการศึกษาวิจัย โดยมีความมุ่งหมาย เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของปริมาณเนื้อเยื่อไขมันในร่างกาย ที่วัดโดยการวัดความหนาผิวหนังพับ (SKF), เนียร์อินฟาเรด อินเตอร์แรคแทนซ์ (NIR) ด้วยเครื่องฟูเทร็ก-5000(Futrex-5000), ไบโออิเลคตริคอล อิมพิแดนซ์ อนาไลซีส (BIA) ด้วยเครื่องอิเลคโตรลิโปกราฟ (ELG) และเครื่องชั่งน้ำหนักและวิเคราะห์ไขมัน TBF-511(BFA) กับการชั่งน้ำหนักใต้น้ำ (HW) และเพื่อสร้างสมการพยากรณ์ทำนายปริมาณเนื้อเยื่อไขมันในร่างกายที่จะได้จากการชั่งน้ำหนักใต้น้ำ จากวิธีการและเครื่องมือนั้น ๆ กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยวิธีการอาสาสมัครจากนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา จำนวน 60 คน เป็นเพศชายและหญิงกลุ่มละ 30 คน เพศชายมีอายุเฉลี่ย 19.43+-0.86 ปี ดัชนีมวลกายเฉลี่ย 21.13+-1.78 กก.ม เพศหญิงมีอายุเฉลี่ย 19.03+-0.93 ปี ดัชนีมวลกายเฉลี่ย 20.41+-1.62 กก./ม การวัดปริมาณเนื้อเยื่อไขมันในร่างกายได้วัดในช่วงเวลา 6:00-9:00 น. โดยกลุ่มตัวอย่างไม่รับประทานอาหารเช้าและน้ำก่อนการวัด กลุ่มตัวอย่างแต่ละคนได้รับการวัดปริมาณเนื่อเยื่อ ไขมันครบ 5 วิธีในแต่ละวัน โดยเรียงลำดับวิธีจาก การวัดความหนาผิวหนังพับ, ฟูเทร็ก -5000, BFA, ELG และการชั่งน้ำหนักใต้น้ำเป็นวิธีสุดท้ายผลการวิจัยพบว่าปริมาณเนื้อเยื่อไขมันที่วัดได้จากวิธี SKF, NIR, BIA โดย ELG และ BFA มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์กับวิธี HW ในเพศชาย ที่ .56, .47, .35 และ .51 ตามลำดับ ในเพศหญิงที่ .82, .42, .14 และ .50 ตามลำดับ ทั้งหมดมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้นวิธี BIA โดย ELG ทั้ง 2 กลุ่ม ส่วนสมการพยากรณ์ 4 สมการในเพศชา Y' = .782xX+5.877 เมื่อ X = SKF, Y' = .218X + 9.383 เมื่อ X = NIR, Y' = .616X + 2.152 เมื่อ X = BFA และ Y' = .346X + 9.371 เมื่อ X = ELG ในเพศหญิง Y' = .962X + 6.00 เมื่อ X = SKF, Y' = .163X + 13.36 เมื่อ X = NIR, Y' = .336X + 9.838 เมื่อ X = BFA และ Y' = .087X + 16.549 เมื่อ X = ELG จากนั้นทดสอบสมการพยากรณ์ที่สร้างขึ้นมีความถูกต้องในการทำนาย โดยการทดสอบนัยสำคัญสัมประสิทธิ์การถดถอย, นัยสำคัญของสมการพยากรณ์ และค่าสัมประสิทธิ์ของการตัดสินใจ ในเพศชายและหญิง ผลการทดสอบทำให้ได้ สมการ Y' = .782X + 5.877 และ Y' = .962X + 6.00 จากวิธีการวัดความหนาผิวหนังพับ มีประสิทธิภาพในการทำนายปริมาณเนื้อเยื่อไขมันมากที่สุด จากข้อมูลที่ปรากฎทำให้สามารถสรุปได้ว่า การวัดปริมาณเนื้อเยื่อไขมันในร่างกายด้วยการวัดความหนาผิวหนังพับ ทั้งในเพศชายและหญิงมีความสัมพันธ์กับการชั่งน้ำหนักใต้น้ำมากที่สุด โดยดูจากค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (r=.56 และ .82 ในเพศชายและหญิงตามลำดับ) และจากสมการถดถอย (Y' = .782X + 5.877 และ Y' = .962X + 6.00 ในเพศชายและหญิงตามลำดับ) ดังนั้นถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีอื่น ๆ วัดปริมาณเนื้อเยื่อไขมันในร่างกายแทนการชั่งน้ำหนักใต้น้ำ การวัดความหนาผิวหนังพับสามารถใช้ทดแทนได้
บทคัดย่อ (EN): Easy and convenient methods to measure body fat such as skinfold measurement (SKF), near-infrared interactance (NIR), and bioelectrical impedance analysis (BIA) have been used in many settings. However, the relationship between these methods and hydrostatic weighing (HW) is, at present, still the reference. This study was had two objectives. Firstly, it sought to find the relationship between four methods namely skinfold measurement (SKF), near-infrared interactance(NiR) using futrex-5000, biolectrical impedance analysis (BIA) using eletrolipograph(ELG) and body fat analyzer/scale TBF-511(BFA), and hydrostatic weighing (HW) Secondly, it sought to determine the regression equations for percent of body fat estimation of each method. Sixty healthy, college students participated in the study. These volunteers included male(N=30, mean aged 19.43+-0.86 years) and female (N=30, mean aged 19.03+-0.93 years) Mean body mass index(BMI) was 21.13+-1.78 kg/m for males and 20.41+-1.62 kg/m for the females subjects. Subjects' body fat was measured before breakfast and between 6:00 and 9:00 AM in order to acquire the values for SKF, NIR, BFA, ELG to HW.The correlation coefficient analysis between body fat values measured by HW and SKF, NIR, ELG, and the BFA methods were .56, .47, .35 and .50 for males and .82, .72 , .14 and .50 for both groups. Furthermore eight regression equations were obtained : Y' = .782X + 5.877 (where X = SKF), Y' = .218X + 9.383 (where X = NIR), Y' = .616X + 2.152 (where X = BFA), and Y' = .346X + 9.371 (where X = ELG) for male subjects and Y' = .962X + 6.00 (where X = SKF),Y' = .163X + 13.36 (where X = NIR), Y' = .336X + 9.838 (where X = BFA), and Y' = .087X + 16.549 (where X = ELG) for female subjecs. It can be concluded from the existing data that the skinfold technique in male and female subjects yeilded the closest relationship to HW as reflected by correlation coefficient values (r=.56 and .82 for males and females respectively) and regression analysis (Y' = .782X + 5.877 and Y' = 0962X + 6.00 for males and females respectively) Thus if there is a need for an alternative method for HW, the SKF method may be used.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=95&RecId=11354&obj_id=89882
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยบูรพา
คำสำคัญ: เนื้อเยื่อ
คำสำคัญ (EN): 613
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยบูรพา
รายละเอียด: Easy and convenient methods to measure body fat such as skinfold measurement (SKF), near-infrared interactance (NIR), and bioelectrical impedance analysis (BIA) have been used in many settings. However, the relationship between these methods and hydrostatic weighing (HW) is, at present, still the reference. This study was had two objectives. Firstly, it sought to find the relationship between four methods namely skinfold measurement (SKF), near-infrared interactance(NiR) using futrex-5000, biolectrical impedance analysis (BIA) using eletrolipograph(ELG) and body fat analyzer/scale TBF-511(BFA), and hydrostatic weighing (HW) Secondly, it sought to determine the regression equations for percent of body fat estimation of each method. Sixty healthy, college students participated in the study. These volunteers included male(N=30, mean aged 19.43+-0.86 years) and female (N=30, mean aged 19.03+-0.93 years) Mean body mass index(BMI) was 21.13+-1.78 kg/m for males and 20.41+-1.62 kg/m for the females subjects. Subjects' body fat was measured before breakfast and between 6:00 and 9:00 AM in order to acquire the values for SKF, NIR, BFA, ELG to HW.The correlation coefficient analysis between body fat values measured by HW and SKF, NIR, ELG, and the BFA methods were .56, .47, .35 and .50 for males and .82, .72 , .14 and .50 for both groups. Furthermore eight regression equations were obtained : Y' = .782X + 5.877 (where X = SKF), Y' = .218X + 9.383 (where X = NIR), Y' = .616X + 2.152 (where X = BFA), and Y' = .346X + 9.371 (where X = ELG) for male subjects and Y' = .962X + 6.00 (where X = SKF),Y' = .163X + 13.36 (where X = NIR), Y' = .336X + 9.838 (where X = BFA), and Y' = .087X + 16.549 (where X = ELG) for female subjecs. It can be concluded from the existing data that the skinfold technique in male and female subjects yeilded the closest relationship to HW as reflected by correlation coefficient values (r=.56 and .82 for males and females respectively) and regression analysis (Y' = .782X + 5.877 and Y' = 0962X + 6.00 for males and females respectively) Thus if there is a need for an alternative method for HW, the SKF method may be used.
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ความสัมพันธ์ของปริมาณเนื้อเยื่อไขมันที่วัดโดยวิธีการชั่งน้ำหนักใต้น้ำ, การวัดความหนาผิวหนังพับ, เนียร์อินฟราเรดอินเตอร์แรคแทนซ์และไบโออิเลคตริคอล อิมพิเดนซ์ อนาไลซีส
มหาวิทยาลัยบูรพา
2543
ความสัมพันธ์ของปริมาณเนื้อเยื่อไขมันในร่างกายนิสิตชายที่วัดได้โดยวิธีการชั่งน้ำหนักใต้น้ำกับการวัดความหนาของผิวหนังพับ 4 วิธี ผลของการเสริม Recombinant Saccharomyces cerevisiae ที่มียีน Fatty Acid Desaturase 2 (FAD 2) ต่อปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 ในน้ำนมโค การศึกษาเปรียบเทียบเนื้อเยื่อปกติกับเนื้อเยื่อมะเร็งโดยอาศัยเทคนิคการเกิดฟลูออเรสเซนต์ด้วยแสงเลเซอร์ การคัดเลือกสายพันธุ์และสภาวะการเลี้ยงยีสต์ไขมันสูงที่ย่อยแป้งได้เพื่อผลิตไขมันเซลล์เดี่ยวจากแป้งมันสำปะหลัง. ปริมาณโลหะหนักบางชนิดในเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของปลาทะเลที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ จากสะพานปลาคลองสังเขป จังหวัดชลบุรี ปริมาณสารปรอทในเนื้อเยื่อส่วนต่างๆของสัตว์ทะเลที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย การศึกษาอัตราส่วนผสมของเชื้อเพลิงจากกากไขมันและกากของกากไขมันกับวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร การใช้สารทดแทนไขมันแบบผสมในไอศกรีมกะทิไขมันต่ำ ผลของการออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่มีต่อไขมันและไลโปโปรตีนในซีรั่ม ผลการประเมินเลซิตินและฟอสฟอรัสต่อปริมาณกรดไขมัน และคุณค่าทางอาหารของกุ้งกุลาดำที่เลี้ยงในระบบความเค็มต่ำ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก