สืบค้นงานวิจัย
การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวพืชผักและสมุนไพรอินทรีย์เพื่อการส่งออก
ดนัย บุณยเกียรติ - สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวพืชผักและสมุนไพรอินทรีย์เพื่อการส่งออก
ชื่อเรื่อง (EN): Postharvest Management of Organic Vegetables and Herbs for Export
บทคัดย่อ: การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวพืชผักและสมุนไพรอินทรีย์เพื่อการส่งออก Postharvest Management of Organic Vegetables and Herbs for Export บทคัคย่อ การสำรวจและรวบรวมวิธีการที่ใช้ในการจัดการก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวพืชผักอินทรีย์ 4 ชนิด คือ กะหล่ำปลีรูปหัวใจ ยอดซาโยเต้ เบบี้แครอท และเบบี้ฮ่องเต้ และพืชสมุนไพรอินทรีย์ 4 ชนิด คือ ผักชีไทยข่า ขมิ้น และใบมะกรูด โดยการรวบรวมองค์ความรู้ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจากเกษตรกร เจ้าหน้าที่ส่งเสริม และเจ้าหน้าที่คัดบรรจุโดยใช้ระบบการสัมภาษณ์ตามแบบสอบถาม ตรวจเยี่ยมแหล่งปลูกที่มีการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวพืชผักและสมุนไพรอินทรีย์ทั้ง 8 ชนิด แล้วนำข้อมูลที่ได้มาสรุปและจัดทำแนวทางการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวพืชผักและสมุนไพรอินทรีย์ที่ดีและเหมาะสม ปัญหาสำคัญที่พบคือ กระบวนการการจัดการพืชผักและสมุนไพรอินทรีย์ส่วนใหญ่ใช้เวลาจากเกษตรกรถึงงานคัดบรรจุเชียงใหม่มากเกินไป อาจทำให้คุณภาพของผลิตผลเสื่อมไปหรือมีอายุการวางจำหน่ายลดลง และคุณภาพของผลิตผลที่มาจากแหล่งผลิตต่างกันจะมีคุณภาพที่แตกต่างกัน เนื่องจากแต่ล่ะแหล่งผลิตจะมีระบบการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวที่แตกต่างกัน การศึกษาหาวิธีการที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาศักยภาพของการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวพืชผักและสมุนไพรอินทรีย์รวม 8 ชนิด ที่ได้กล่าวข้างต้น โดยการบรรจุผักและสมุนไพรอินทรีย์ในถุงที่แตกต่างกัน คือ ถุงแอคทีฟที่มีอัตราการซึมผ่านของแก๊สต่างกัน 4 ระดับ ถุงพอลิโพรพิลีนที่ดัดแปลงบรรยากาศโดยการควบคุมให้มีปริมาณออกซิเจนเริ่มต้นที่ 8 เปอร์เซ็นต์ และบรรจุภัณฑ์ของโครงการหลวงที่ใช้ในปัจจุบัน (ถุงโครงการหลวง) แล้วนำไปเก็บเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับผักแต่ละชนิด พบว่า ถุงแอคทีฟสามารถยืดอายุการเก็บรักษากะหล่ำปลีรูปหัวใจอินทรีย์ ยอดซาโยเต้อินทรีย์ เบบี้ฮ่องเต้อินทรีย์ เบบี้แครอทอินทรีย์ ผักชีไทยอินทรีย์ ข่าอินทรีย์ และขมิ้นอินทรีย์ได้ดีกว่าถุงโครงการหลวงที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะถุงแอคทีฟชนิด M1 และ M2 ที่มีอัตราการแลกเปลี่ยนแก๊สออกซิเจนเท่ากับ 10,000-12,000 cc/m2 day และ 12,000-14,000 cc/m2 day ตามลำดับ ส่วนใบมะกรูดอินทรีย์ที่บรรจุในถุงพอลิโพรพิลีนที่ดัดแปลงสภาพบรรยากาศโดยควบคุมให้มีปริมาณออกซิเจนเริ่มต้นที่ 8 เปอร์เซ็นต์ มีอายุการเก็บรักษานานที่สุด
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: อินทรีย์
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวพืชผักและสมุนไพรอินทรีย์เพื่อการส่งออก
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
30 กันยายน 2552
การประยุกต์เทคโนโลยีการลดอุณหภูมิแบบสูญญากาศ เพื่อการส่งออกพืชผักและสมุนไพรของโครงการหลวง โครงการศึกษาเพื่อปรับปรุงกระบวนการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักอินทรีย์ของโครงการหลวง การจัดการด้านการเก็บเกี่ยว การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว และการขนส่งมะม่วงพันธุ์มหาชนกเพื่อการส่งออก กรณีศึกษา: การจัดการเพื่อการส่งออกมะม่วงพันธุ์มหาชนกในจังหวัดกาฬสินธุ์ไปยังประเทศญี่ปุ่น วิเคราะห์เปรียบเทียบต้นทุน-กำไรจากการปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้เพื่อการส่งออกไปยังจีนกับเวียดนาม โครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการทดสอบเทคโนโลยีโครงการหลวงด้านการผลิตพืชผักในพื้นที่ขยายผลโครงการหลวง โครงการวิจัยศึกษาวิจัยการลดความชื้นเงาะสำหรับการส่งออก ศึกษาวิเคราะห์ศักยภาพการผลิตและการตลาดกระเจี๊ยบเขียวเพื่อการส่งออก การศึกษาต้นทุนและอุปสรรคการขนส่งผลไม้เพื่อการส่งออกผ่านเส้นทาง R3A สู่ตลาดประเทศจีน การศึกษาการใช้สารเคมีกับพืชผักของเกษตรกรในจังหวัดขอนแก่น การพัฒนาเครือข่ายและยกระดับผลิตภัณฑ์เกษตร "พริก" เพื่อการส่งออก ของจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดชัยภูมิ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก