สืบค้นงานวิจัย
แนวทางคัดกรองความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจและผลเลือดทางชีวเคมีจากการรับสัมผัสสารกำจัดแมลงในในแรงงานต่างด้าว ในเขตภาคตะวันออก
อนามัย เทศกะทึก - มหาวิทยาลัยบูรพา
ชื่อเรื่อง: แนวทางคัดกรองความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจและผลเลือดทางชีวเคมีจากการรับสัมผัสสารกำจัดแมลงในในแรงงานต่างด้าว ในเขตภาคตะวันออก
ชื่อเรื่อง (EN): Occupational Health Screening on Respiratory Impairment and Blood Biochemical Parameters from Insecticide Exposure among Migrant Workers in Eastern Region: Factors affecting
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อนามัย เทศกะทึก
บทคัดย่อ: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ ประกอบด้วย สมรรถภาพปอด อาการระบบทางเดินหายใจ ผลเลือดทางชีวเคมี รวมทั้งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออาการระบบทางเดินหายใจ ของเกษตรกรที่เป็นแรงงานต่างด้าวในเขตภาคตะวันออก จานวน 274 คน เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ ตรวจหาเอนไซม์คลอรีนเอสเตอเรสในเลือดโดยใช้กระดาษทดสอบพิเศษและตรวจสมรรถภาพปอด ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกร จานวน 274 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชายร้อยละ 60.6 อายุเฉลี่ย (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) เท่ากับ 30.80 (9.46) ปี ระยะเวลาในการฉีดพ่นสารกาจัดแมลงครั้งละ 6-8 ชั่วโมง ร้อยละ 59.9 ระยะเวลา เฉลี่ย (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) เท่ากับ 6.02 (1.73) ชั่วโมง การตรวจคัดกรองเพื่อหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรสในเลือด ของเกษตรกร พบว่า ส่วนใหญ่มีผลการทดสอบอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีความเสี่ยง ร้อยละ 23.4 มีความเสี่ยง ร้อยละ 2.2 จากการสัมภาษณ์พบว่า เกษตรกรมีอาการไอเมื่อตื่นนอนทันที ร้อยละ51.4 มีเสมหะเป็นประจา ร้อยละ50 แน่น หายใจลาบาก ร้อยละ 37 และเจ็บหน้าอก ร้อยละ 42 ผลการตรวจสมรรถภาพปอด พบค่าเฉลี่ยของForce Vital Capacity (FVC) เท่ากับ 2.96 (.585) ลิตร ค่า Forced Expiratory Volume Time (FEV1) เท่ากับ 2.64 ลิตร (0.52) และ ค่าเฉลี่ย FEV1/FVC เท่ากับ 89.69% (8.36) ตามลาดับ ผลการวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นพหุ (Multiple linear regression) ของตัวแปรอิสระต่อการเปลี่ยนแปลงค่า FVC พบวา เพศ อายุ การปลูกลาไย การรับสัมผัสไอสารกาจัดแมลงเป็นตัวแปรที่มีผลกระทบต่อค่า FVC (R = .59 , R square = .34) อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p< .05) และพบว่า การมีหน้าที่เก็บลาไย เป็นตัวแปรที่มีผลต่อค่า FVC/FEV1 (R = .323, R square = .104) อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p< .05) และการวิเคราะห์สถิติถดถอยพหุลอจีสติก (Multiple logistic regression) ของตัวแปรอิสระกับอาการระบบทางเดินหายใจ พบว่า เพศหญิงมีค่า OR (95% CI) เท่ากับ 2.787 (1.210, 6.470) การดื่มสุรามากกว่า 4 แก้วต่อสัปดาห์ มีค่า OR (95% CI) เท่ากับ 4.675 (1.395,15.671) การรับสัมผัสฝุ่นมากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน มีค่า OR (95% CI) เท่ากับ 2.743 (1.238, 6.093) ตามลาดับ ข้อเสนอแนะจากการศึกษา ควรมีการคัดกรองสมรรถภาพปอดของเกษตรกรที่เป็นแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะเกษตรกรที่เป็นเพศชาย ผู้ที่ปลูกลาไย ผู้ที่รับสัมผัสไอสารกาจัดแมลง ส่วนการคัดกรองอาการระบบทางเดินหายใจ คือ ผู้ที่ดื่มสุรา การรับสัมผัสฝุ่น เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้จะทาให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการการเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากการใช้สารกาจัดแมลงมากขึ้น
บทคัดย่อ (EN): The objectives of this research were to study the respiratory disorder including pulmonary function, respiratory system-related symptom as well as the blood test from biochemical analysis. The study also extended to the factors which affect respiratory disorder among 274 labors who were migrant farmers working in the Eastern part of Thailand. The data collection was conducted through the interview, the blood test serving a cholinesterase enzyme count in blood by using reactive paper as well as pulmonary function tests. The findings of the study had shown that, from 274 informants, the majority of research population was male with 60.6%. The average age (Standard Deviation) was 30.80 (9.46) years-old. 59.9% with 6-8 hours spending in the pesticide spray per one session. The average time period, they spent to spray the pesticide was 6.02 (1.73) hours. Regarding to the screening test that measured the blood cholinesterase among farmers, the study found that the majority of the informants could be categorized as non-risk group or 23.4% whereas the percentage of the risk group was only 2.2%. From the interview, 51.4% of the farmers had developed the after wake-up coughing (coughing immediately after waking up) symptom, 50% had sputum regularly, 37% had shown chest tightness symptom, and 42% had the chest pain symptom. According to the Lung function test, the average Force Vital Capacity (FVC) was 2.96 (.585) liters and the Forced Expiratory Volume Time scale (FEV1) was 2.64 liters (0.52). Thereby, the average FEV1/FVC was obtained as 89.69% (8.36). The result of the Linear regression analysis of independent variables to the FVC value showed that gender, age, longan cultivation, and exposure to insecticide vapors were variables which influenced the interpretation of the FVC at R = .59, R square = .34). Its statistical significance was set at p< .05. It was found that the task to collect longan was the variable which influence the FVC/FEV1 scale at R = .323, R square = .104. Its statistical significance was set at p< .05. According to the Multiple logistic regression analysis of the independent variables to the respiratory symptom, it showed that the female had OR score at (95% CI) 2.787 (1.210, 6.470). And other analyzed information consists of: drinking more than 4 glasses per week had OR score (95% CI) at 4.675 (1.395, 15.671), the exposure to dust more than 4 hours per day had OR scores (95% CI) at 2.743 (1.238, 6.093), respectively. The recommendation obtained from this sturdy is that health screening test on lung function should be given to farmers who are migrant workers, especially for the male farmers, longan cultivators, and farmers who highly exposed to the insecticide vapours. For the respiratory symptoms screening, it should be focused on farmers who regularly consume alcohol and being exposed to the dust. As a result of these factors can potentially increase risk of developing the respiratory system related illness which results from the higher amount of pesticide being used.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://dspace.lib.buu.ac.th/handle/1234567890/3539
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยบูรพา
คำสำคัญ: ย่าฆ่าแมลง
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
แนวทางคัดกรองความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจและผลเลือดทางชีวเคมีจากการรับสัมผัสสารกำจัดแมลงในในแรงงานต่างด้าว ในเขตภาคตะวันออก
มหาวิทยาลัยบูรพา
30 กันยายน 2560
การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี สาร 3-MCPD กับซอสถั่วเหลือง การผลิต Inulin และ Oligofructose จากกล้วยเพื่อใช้เป็นสารเสริมอาหาร โครงการย่อยที่ 5 โครงการวิเคราะห์ปริมาณสาร THC ในเฮมพ์ โครงการย่อยที่ 1 โครงการคัดเลือกสายพันธุ์เฮมพ์ที่มีปริมาณสาร THC ต่ำ การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบต่อสุขภาพจากการรับสัมผัสสารกำจัดแมลง: ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในแรงงานต่างด้าว ในเขตภาคตะวันออก ปัจจัยกระทบด้านแรงงานต่อการผลิตยางในภาคตะวันออก กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์มังคุดของเกษตรกรภาคตะวันออก การเปรียบเทียบพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภาคตะวันออก การใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกมันสำปะหลังในภาคตะวันออก
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก