สืบค้นงานวิจัย
แผนยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนของอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี
นิยดา สวัสดิพงษ์ - มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ชื่อเรื่อง: แผนยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนของอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง (EN): Strategic Spatial Planning for Sustainable Management in Phutoei National Park of Suphanburi Province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นิยดา สวัสดิพงษ์
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแผนยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการอย่าง ยั่งยืนของอุทยานแห่ชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี ตามกรอบแนวคิดในการสร้างความยั่งยืนของพื้นที่ ตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งอุทยานแห่งชาติ 3 ด้าน คือ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ด้าน การท่องทเยวและนันทนาการ และด้านการศึกษาวิจัย ซึ่งชุดโครงการวิจัยทั้งหมดประกอบด้วยการ วิจัยใน 5 ประเด็น ได้แก่ (1)ศักยภาพของพื้นที่ในการกำหนดที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานและเส้นทาง ศึกษาธรรมชาติ (2) ศึกษาความหลากหลายของพืชสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ทางยาของพืช (3) ศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศและแนวทางการจัดการการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วม (4) ศักยภาพและความเป็นไปได้ในกรผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก และ (5) อิทธิพลและผลกระทบที่ เกิดขึ้นจากการใช้สารเคมีกำจัดแมลงและศัตรูพืชต่อคุณภาพดินน้ำ ผลการศึกษาใน 5 ประเด็น พบว่า 1. พื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติพุเตยมีความเหมาะสมในระดับปานกลางในการกำหนด ที่ตั้งหน่วยพิทักษ์ คิดเป็นพื้นที่ 269.88 ตารางกิโลเมตร หรือร้อยละ 84.86 ของพื้นที่ทั้งหมด ที่เหลือ แบ่งออกเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมมากและเหมาะสมน้อย คิดเป็นพื้นที่ 22.12 และ 26.70 ตารางกิโลเมตร หรือร้อยละ 6.94 และ 8.38 ของพื้นที่ทั้งหมด ตามลำดับ สำหรับเส้นทางศึกษาอุทยานแห่งชาติพุเตย ควรจัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติในรูปแบบของเส้นทางศึกษาวิถีชีวิตของชุมชนชาวกะเหรี่ยง เส้นทางศึกษาประวัติศาสตร์/โบราณคดี และเส้นทางชื่นชมธรรมชาติเพิ่มเติม 2. การศึกษาพืชสมุนไพรพื้นบ้านของชนเผ่ากระเหรี่ยงที่หมู่บ้านตะเพินคี่ ตำบลวังยาว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี พบพรรณพืชสมุนไพรที่ชนเผ่ากระเหรี่ยงนำมาใช้ประโยชน์ที่ เกี่ยวข้องกับสุขภาพของคนและสัตว์ ได้แก่ ใช้เพื่อเป็นยา และใช้เป็นอาหารจำนวน 172 ชนิด โดย สามารถพิสูจน์ได้ 130 ชนิด จำแนกเป็นเฟิร์น 1 ชนิดกลุ่มพืชใบเลี้ยงเดี่ยว 7 ชนิด จาก 7 วงศ์ 7 สกุล กลุ่มพืชใบเลี้ยงคู่ 121 ชนิด จาก 49 วงศ์ 111 สกุลสมุนไพรจากสัตว์ 1 ชนิด สามารถจัดแบ่ง สมุนไพรที่ชนเผ่ากระเหรี่ยงบ้านตะเพินที่ใช้ประโยชน์ได้เป็น 3กลุ่ม คือใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรค จำนวน 106 ชนิด ใช้เป็นอาหาร จำนวน 24 ชนิด และพืชพิษที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ จำนวน 1 ชนิด 3. การประเมินศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติพุเตยจำนวน 10 แห่ง เป็นพื้นที่ธรรมชาติ 9 แห่ง และเป็นอนุสรณ์สถาน 1 แห่ง พบว่า มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวน 8 แห่ง มีศักยภาพดีเยี่ยม (ระดับ 5 ดาว) แหล่งท่องเที่ยวจำนวน 2 แห่ง มีศักยภาพในระดับดีมาก (ระดับ 4 ดาว) และในปัจจุบันอุทยานแห่งชาติพุเตยยังไม่มีแผนแม่บทในการบริหารจัดการอุทยาน รวมทั้งไม่มี แผนงานหรือแนวทางที่ชัดเจนในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในทุกด้าน ทั้งนี้อุทยานควร พิจารณาการบริหารจัดการที่เป็นการประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อบูรณาการความคิดเห็นร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 4. ศักยภาพและความเป็นไปได้ในการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ พุเตยมีพื้นที่ที่เหมาะสมจำนวน 2 แห่ง คือ พื้นที่บริเวณตาน้ำข้างหน่วยพิทักษ์อุทยานที่ 3 (ตะเพินคี่) และบริเวณน้ำตกตะเพินคี่น้อย และจากการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเบื่องต้นเพื่อคาดการณ์ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็ก พบว่า มีผลกระทบ เกิดขึ้นในระดับปานกลาง และระดับมากที่สุด 5. อิทธิพลและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้สารเคมีกำจัดแมลงและศัตรูพืชต่อคุณภาพดิน น้ำในพื้นที่เกษตรกรรมบริเวณชุมชนกะเหรี่ยงตะเพินคี่ พบว่า ส่วนใหญ่มีการใช้สารเคมีกำจัดแมลง และศัตรูพืช เป็นเวลาติดต่อกันอยู่ในช่วง 10 - 20 ปี และส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้ สารเคมี แต่อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ทางด้านเคมี พบว่า มีสารเคมีทางการเกษตรตกค้างในดิน เช่น สารพาราควอตซ์ แต่กลับไม่พบการกระจายตัวในแหล่งน้ำ
บทคัดย่อ (EN): The objectives of this research were to create a spatial strategic plan for the sustainable management in Phutoei National Park of Suphanburi Province and based on the conceptual framework for the sustainability of the purposes of the establishment of national parks in 3 aspects are conservation of natural resources, tourism and recreation and education research. Program of study of this research includes 4 main aspects: (1) the potential of the area to determine the national park security guard unit and trail (2) the potential of eco-tourism resources and approach to participatory management (3) the potential and feasibility of small hydropower (4)the influence and impact that result from the use of chemical insecticides and pesticides on soil and water quality. The study found that in 4 issues: (1) the majority area of Phutoei National Park has the moderate level to determine the protection unit. An area of 269.88 square kilometers, or 84.86 percent of the total area and area with appropriate high and low level are 22.12 and 26.70 square kilometers, or 6.94 and 8.38 percent of the total area respectively. For Phutoei National Park trail should be prepared in the form of trail in life of the Karen community, history/archaeology and routing appreciate nature more. (2) The assessment of potential eco-tourism in 10 selected attractions are the natural areas surrounding with 9 of natural environments and 1 of the memorial place and found that all the quality of eco-tourism attractions are 8 excellent level are great potential (5 Stars) and 2 excellent level are very good potential (4 stars). However, we found that the park do not have a master plan for the management including plans or guidelines for the management of ecotourism in all aspects. The park should be managed in collaboration with local governments or agencies to integrate an opinion shared more effectively. (3) Potential and feasibility of small hydropower found that 2 suitable areas are the spring water area near of the national park security guard unit 3 and Ta Poen Kee Noi Waterfall. And the environmental impact assessment in preliminary to predict the effects that may be caused by the small hydropower projects found to have an impact in moderate level and most level. Therefore, it should be planned or scheduled preventive measures and modified to reduce the environmental impact caused. (4) The study agricultural area on the Karen community found that the majority communities are use of chemical insecticides and pesticides for a long time between 10 to 20 years and most people lack knowledge and understanding of the use of chemicals. However, the results of analysis in agricultural chemicals are not found to contamination. This may be the properties of chemicals and topography to make the substance have spread quickly to areas with lower areas.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
คำสำคัญ: จังหวัดสุพรรณบุรี
คำสำคัญ (EN): Suphanburi Province
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

นิยดา สวัสดิพงษ์. "แผนยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนของอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรีStrategic Spatial Planning for Sustainable Management in Phutoei National Park of Suphanburi Province". มหาวิทยาลัยสวนดุสิต. 2555

นิยดา สวัสดิพงษ์. "แผนยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนของอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรีStrategic Spatial Planning for Sustainable Management in Phutoei National Park of Suphanburi Province". มหาวิทยาลัยสวนดุสิต. 2555. Print.



TARR Wordcloud:
แผนยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนของอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี
นิยดา สวัสดิพงษ์
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
30 กันยายน 2555
พฤติกรรมของเกษตรกรในการใช้สารเคมีกำจัดแมลง และศัตรูพืชที่มีผลกระทบต่อคุณภาพดิน และน้ำของชุมชนโดยรอบอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี การศึกษาศักยภาพและแนวทางการจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติขุนสถาน โครงการการพัฒนา Tech-based Startup ด้วยอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคและเครือข่าย (TESnet) รอบที่ 2 ประจำปี 2561 การวิจัยและพัฒนาการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อสร้างความเข้มแข็งโดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนห้วยหม้าย อำเภอสอง จังหวัดแพร่ รูปแบบการบริหารจัดการในการดำเนินงานของกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตระบบเกษตรนาแปลงใหญ่สู่ความยั่งยืนในเขตภาคเหนือตอนบน ผลของระบบการเลี้ยงและพื้นที่การเลี้ยงไก่พื้นเมืองต่อสมรรถนะการสืบพันธุ์ในสภาพชุมชนชนบท การศึกษาสถานการณ์และศักยภาพของพื้นที่สงวนหรือพื้นที่อนุรักษ์เพื่อการท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์ที่ยั่งยืนในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปางและจังหวัดแม่ฮ่องสอน การศึกษาศักยภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการธุรกิจชุมชนหมู่บ้านแหลมสันติ ตำบลละแม อำเภอละแม จังหวัดชุมพร การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนของชุมชนชาวจีน  ในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่งอน  อำเภอฝาง  จังหวัดเชียงใหม่ การศึกษาศักยภาพเชิงพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมของชุมชนบุญเรือง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair