สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาการหลุดร่วงของดอกกล้วยไม้สกุลหวายที่ถูกชักนำโดยเอทิลีนจากภายนอกและบทบาทของออกซินในชะลอการหลุดการร่วง (ระยะที่ 2)
มัณฑนา บัวหนอง - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ชื่อเรื่อง: การศึกษาการหลุดร่วงของดอกกล้วยไม้สกุลหวายที่ถูกชักนำโดยเอทิลีนจากภายนอกและบทบาทของออกซินในชะลอการหลุดการร่วง (ระยะที่ 2)
ชื่อเรื่อง (EN): Study on ethylene-induced flower abscission of Dendrobium (Dendrobium spp.) and role of auxin on delaying flower abscission (Phase 2)
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: มัณฑนา บัวหนอง
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): MANTANA BUANONG
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การศึกษาการเสื่อมสภาพของดอกที่ถูกชักนำโดยเอทิลีนจากภายนอกในดอกกล้วยไม้สกุลหวาย โดยทำการพัลซิ่งดอกกล้วยไม้หวายทั้ง 10 สายพันธุ์ด้วยน้ำกลั่น และสารละลายเอทิฟอนที่ความเข้มข้น 10 ppm นาน 24 ชั่วโมง หลังจากนั้น ย้ายมาปักในน้ำกลั่น ณ ห้องควบคุมอุณหภูมิ (21+2 oC ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ให้แสงจากหลอดฟลูออเรสเซ้นส์ 12 ชั่วโมง/วัน) ตลอดระยะเวลาการทดลอง พบว่า เอทิฟอนไม่มีผลต่อการหลุดร่วงดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Yunnan Blue’ ‘Moon Light’ และ ‘Miss Siam’ แต่ดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Vailai’ ที่พัลซิ่งด้วยน้ำกลั่นมีการหลุดร่วงของดอกมากที่สุด ในขณะที่ดอกกล้วยไม้พันธุ์ ‘Red Sonia’ ที่พัลซิ่งด้วยน้ำกลั่นไม่พบการหลุดร่วงของของดอกตลอดระยะเวลาการปักแจกัน ดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Vailai’ และ ‘Marchar’ เท่านั้นที่เอทิฟอนมีผลต่อไปกระตุ้นให้มีการบานของดอกตูมเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Intuwong’ ที่พัลซิ่งด้วยน้ำกลั่น และสารละลายเอทิฟอน มีอายุการปักแจกัน นานที่สุด เท่ากับ 16 วัน ดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Moon Light’ และ ‘Yunnan Blue’ ที่พัลซิ่งด้วยน้ำกลั่นและเอทิฟอนมีอายุการปักแจกันสั้นที่สุด เท่ากับ 6 วัน นอกจากนั้น ดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Moon Light’ และ‘Nasabi’ ที่พัลซิ่งด้วยสารละลายเอทิฟอนมีปริมาณ ACC ในดอกสูงเป็น 3 – 3.5 เท่าของดอกกล้วยไม้ที่พัลซิ่งด้วยน้ำกลั่น สำหรับกิจกรรมของเอนไซม์ ACO นั้น สามารถแบ่งดอกกล้วยไม้เป็น 3 กลุ่ม คือ เอทิฟอนกระตุ้นให้ดอกกล้วยไม้หวายมีกิจกรรมของเอนไซม์ ACO เพิ่มขึ้น ได้แก่ พันธุ์ ‘Big White Jumbo’, ‘Red Sonia’, ‘Machar’, ‘Intuwong’ และ ‘Yunnan Blue’ แต่ในพันธุ์ ‘Lady White’ และ Miss Siam’ เอทิฟอนส่งผลให้ดอกกล้วยไม้หวายมีกิจกรรมของเอนไซม์ ACO ต่ำ ในขณะที่เอทิฟอนไม่มีผลต่อกิจกรรมของเอนไซม์ ACO ในพันธุ์ ‘Moon Light’, ‘Nasabi’ และ ‘Vailai’ การศึกษาความไวในการตอบสนองต่อเอทิลีนที่ชักนำให้เกิดการเสื่อมสภาพของดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Red Sonia’ และ ‘Vailai’ โดยทำการพัลซิ่งดอกกล้วยไม้หวายด้วยสารละลายเอทิฟอนที่ระดับความเข้มข้น 0 1 5 และ 10 ppm นาน 24 ชั่วโมง หลังจากนั้น ย้ายมาปักในน้ำกลั่น ณ ห้องควบคุมอุณหภูมิ (21+2 oC ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ให้แสงจากหลอดฟลูออเรสเซ้นส์ 12 ชั่วโมง/วัน) ตลอดระยะเวลาการทดลอง พบว่า ดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Red Sonia’ และ ‘Vailai’ ที่พัลซิ่งด้วยน้ำกลั่นมีการบานของดอกตูมเพียงเล็กน้อย ในขณะที่เอทิฟอนที่ระดับความเข้มข้น 1 – 5 ppm สามารถชะลอการบานของดอกตูม แต่เมื่อเพิ่มระดับความเข้มข้นของเอทิฟอนให้สูงถึง 10 ppm กลับไปเร่งให้ดอกบานมากขึ้น และทำให้ดอกเริ่มปรากฏอาการเสื่อมสภาพในวันที่ 2.5 และ 2.1 ในขณะที่ดอกกล้วยไม้ที่พัลซิ่งด้วยน้ำกลั่นเริ่มปรากฏอาการเสื่อมสภาพในวันที่ 3.9 และ 3.5 ตามลำดับ ซึ่งสัมพันธ์กับอายุการปักแจกันของดอกไม้ พบว่า ดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Red Sonia’ และ ‘Vailai’ ที่พัลซิ่งด้วยน้ำกลั่นมีอายุการปักแจกันนานที่สุด เท่ากับ 6 และ 5.3 วัน ในขณะที่เอทิฟอนที่ระดับความเข้มข้น 10 ppm ทำให้ดอกมีอายุการปักแจกันสั้นที่สุด เท่ากับ 3.9 และ 3.5 วัน ตามลำดับ นอกจากนั้น เอทิฟอนยังกระตุ้นให้ดอกกล้วยไม้หวายทั้ง 2 พันธุ์มีปริมาณ ACC และกิจกรรมของเอนไซม์ ACO สูงในกลีบดอก โดยสัมพันธ์กับความเข้มข้นของเอทิฟอนที่ดอกกล้วยไม้ได้รับ ดอกกล้วยไม้หวายทั้ง 2 ชนิดมีกิจกรรมของเอนไซม์ PG, PE และ Cellulase ค่อนข้างต่ำ โดยดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Vailai’ มีกิจกรรมของเอนไซม์ PE ต่ำกว่าดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Red Sonia’ การพัลซิ่งดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Vailai’ ด้วยสารละลายเอทิฟอนที่ระดับความเข้มข้น 10 ppm กลับทำให้ดอกกล้วยไม้มีกิจกรรมของเอนไซม์ PE ต่ำที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับชุดการทดลองอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เอทิฟอนไม่มีผลต่อกิจกรรมของเอนไซม์ PG และ Cellulase โดยการเสื่อมสภาพของดอกกล้วยไม้หวายทั้ง 2 ชนิดนั้น การศึกษาการใช้สารออกซินในการชะลอการเสื่อมสภาพของดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Vailai’ โดยทำการพัลซิ่งดอกกล้วยไม้หวายด้วย NAA และ 2,4-D ที่ระดับความเข้มข้น 200 ?M นาน 24 ชั่วโมง แล้วย้ายมาปักในน้ำกลั่น สารละลาย HQS ที่ระดับความเข้มข้น 0.2% ร่วมกับ sucrose ที่ระดับความเข้มข้น 4% (HQS+Sucrose) และสารละลายเอทิฟอนที่ระดับความเข้มข้น 10 ppm ณ ห้องควบคุมอุณหภูมิ (21+2 oC ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ให้แสงจากหลอดฟลูออเรสเซ้นส์ 12 ชั่วโมง/วัน) ตลอดระยะเวลาการทดลอง พบว่า การพัลซิ่งดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Vailai’ ด้วย NAA แล้วปักแช่ในสารส่งเสริมคุณภาพ HQS+Sucrose สามารถชะลอการเสื่อมสภาพของดอกได้ดีที่สุด ในขณะที่การปักแช่ในสารละลายเอทิฟอน กลับไปเร่งให้ดอกกล้วยไม้หวายมีการเสื่อมสภาพและกระตุ้นให้มีการบานของดอกตูมเพิ่มขึ้นมากที่สุด ดอกกล้วยไม้หวายที่พัลซิ่งด้วยสารละลาย NAA แล้วปักแช่ในน้ำกลั่น และสารละลาย HQS+Sucrose มีอายุการปักแจกันนานที่สุด เท่ากับ 6.6 และ 6.2 วันตามลำดับ ในขณะที่ดอกกล้วยไม้ที่พัลซิ่งด้วยสารละลาย 2,4-D แล้วปักแช่ในสารละลายเอทิฟอนมีอายุการปักแจกันสั้นที่สุด เท่ากับ 3.6 วัน ซึ่งสัมพันธ์กับวันที่ดอกกล้วยไม้เริ่มปรากฏอาการเสื่อมสภาพเร็วที่สุดในวันที่ 2 ของการปักแจกันเมื่อเปรียบเทียบกับชุดการทดลองอื่น ๆ นอกจากนั้น การพัลซิ่งดอกกล้วยไม้หวายด้วย NAA แล้วปักแช่ในสารละลาย HQS+Sucrose ชะลอการเพิ่มขึ้นของปริมาณ ACC ในกลีบดอกได้ดีที่สุด ในขณะที่ 2,4-D ชักนำให้มีการเพิ่มขึ้นของปริมาณ ACC ในกลีบมากกว่า แต่การปักแช่ในสารละลายเอทิฟอนนั้นกลับกระตุ้นให้ดอกกล้วยไม้มีปริมาณ ACC เพิ่มขึ้นมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การพัลซิ่งด้วย NAA แล้วปักแช่ในน้ำกลั่น และการพัลซิ่งด้วย 2,4-D แล้วปักแช่ในสารละลาย HQS+Sucrose กระตุ้นให้ดอกกล้วยไม้หวายมีกิจกรรมของเอนไซม์ ACO และ PG สูงกว่า แต่ชะลอการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมของเอนไซม์ PE ได้ดีที่สุด และการใช้สารในกลุ่มออกซินร่วมกับสารส่งเสริมคุณภาพมีผลต่อกิจกรรมของเอนไซม์ cellulase ไม่แตกต่างกัน การศึกษาการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของออกซิน สารยับยั้งการสังเคราะห์เอทิลีนและสารยับยั้งการทำงานของเอทิลีนในการลดการเสื่อมสภาพของดอกกล้วยไม้หวายพันธุ์ ‘Vailai’ โดยทำการพัลซิ่งด้วยสารละลาย NAA ที่ระดับความเข้มข้น 200 ?M และ AOA ที่ระดับความเข้มข้น 250 mg•L-1 นาน 24 ชั่วโมง และรมดอกกล้วยไม้หวายด้วย 1-MCP ที่ระดับความเข้มข้น 200 nl•L-1 นาน 6 ชั่วโมง แล้วย้ายมาปักในน้ำกลั่น สารละลาย HQS ที่ระดับความเข้มข้น 0.2% ร่วมกับ sucrose ที่ระดับความเข้มข้น 4% (HQS+Sucrose) และสารละลายเอทิฟอนที่ระดับความเข้มข้น 10 ppm ณ ห้องควบคุมอุณหภูมิ (21+2 oC ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ให้แสงจากหลอดฟลูออเรสเซ้นส์ 12 ชั่วโมง/วัน) ตลอดระยะเวลาการทดลอง พบว่า 1-MCP มีประสิทธิภาพในการชะลอการเสื่อมสภาพของดอกกล้วยไม้หวายได้ดีกว่า NAA และ AOA โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับสารละลาย HQS+Sucrose นอกจากนั้น การพัลซิ่งด้วย NAA ชักนำให้มีการบานของดอกตูมเพิ่มขึ้นมากที่สุดในดอกกล้วยไม้หวายที่ปักแช่ในสารละลายเอทิฟอน แต่ดอกกล้วยไม้หวายที่รมด้วย 1-MCP และปักแช่ในสารละลาย HQS+Sucrose มีอายุการปักแจกันนานที่สุด เท่ากับ 8.4 วัน ซึ่งสัมพันธ์กับวันที่ดอกเริ่มปรากฏอาการเสื่อมสภาพ เท่ากับ 5.1 วัน ในขณะที่ดอกกล้วยไม้หวายที่พัลซิ่งด้วย NAA แล้วปักแช่ในสารละลายเอทิฟอน มีอายุการปักแจกันสั้นที่สุด เท่ากับ 4.9 วัน โดยมีวันที่ดอกเริ่มปรากฏอาการเสื่อมสภาพ เท่ากับ 3.6 การพัลซิ่งดอกกล้วยไม้หวายด้วยออกซิน (NAA) สารยับยั้งการสังเคราะห์เอทิลีน (AOA) และสารยับยั้งการทำงานของเอทิลีน (1-MCP) ร่วมกับการปักแช่ในสารละลาย HQS+Sucrose สามารถชะลอการเพิ่มขึ้นของปริมาณ ACC และกิจกรรมของเอนไซม์ ACO ในกลีบดอกได้ดีที่สุด สำหรับกิจกรรมของเอนไซม์ PG และ cellulase ในกลีบดอก พบว่า มีค่อนข้างสูงในช่วงแรกของการปักแจกัน การใช้ AOA และ 1-MCP ร่วมกับ HQS+Sucrose สามารถลดกิจกรรมของเอนไซม์ PG ลงได้ ในขณะที่กิจกรรมของเอนไซม์ PE ที่พบในปริมาณเพียงเล็กน้อยในกลีบดอก และไม่แตกต่างกัน
บทคัดย่อ (EN): Ethylene-induced flower senescence of Dembrobium flowers was investigated by pulsing 10 cultivars of Denbrobium with distilled water and 10 ppm ethyphon for 24 h, then holding in distilled water in an observeration room (21+1 oC, 70-80% RH, cool white fluorescence lights for 21 h/d) throughout experimental period. The results revealed that ethyphon did not affect5 flower drop of ‘Yunnan Blue’, ‘Moon Light’ and ‘Miss Siam’. The flower drop ‘Vailai’ pulsed with distilled water was higher than other treatments while no drop of flowers was found in ‘Red Sonia’ pulsed with distilled water throughout the vase period. Besides, both ethyphon induced the increase in flower opening of ‘Vailai’ and ‘Marchar’. ‘Intuwong’ flowers pulsed with distilled water and ethyphon had the longest vase life to 16 days while ‘Moon Light’ and ‘Yunnan Blue’ had 6 days of vase life. In addition, ACC content of ‘Moon Light’ and ‘Nasabi’ flowers pulsed with ethyphon was 3-3.5 times higher than flowers pulsed with distilled water. For ACO activity, it could be divided into 3 groups. Ethyphon stimulated ‘Big White Jumbo’, ‘Red Sonia’, ‘Machar’, ‘Intuwong’ and ‘Yunnan Blue’ flowers to higher activity of ACO but in ‘Lady White’ and ‘Miss Siam’ flowers, ethyphon caused low activity of ACO. However, ethyphon had no effect on the activity of ACO in ‘Moon Light’, ‘Nasabi’ and ‘Vailai’ flowers. Sensitivity to ethylene inducing senescence of Dendrobium flowers ‘Red Sonia’ and ‘Vailai’ was studied by pulsing flowers with 0 1 5 and 10 ppm ethyphon for 24 h, then holding in distilled water in an observeration room (21+1 oC, 70-80% RH, cool white fluorescence lights for 21 h/d) throughout experimental period. It was found that ‘Red Sonia’ and ‘Vailai’ flowers pulsed with 1-5 ppm ethyphon delayed the opening of flowers, while the higher concentration of 10 ppm ethyphon increased more the opening of flowers than other treatments. The Initial day of visible senescence symptom of ‘Red Sonia’ and ‘Vailai’ flowers pulsed with 10 ppm ethyphon was 2.5 and 2.1 as well as 3.9 and 3.5 days of vase period, while that of flowers pulsed with distilled water was 3.9 and 3.5 with related to the vase life of 6 and 5.3 days, respectively. Also, ethyphon induced the higher amount of ACC content and ACO activity of both cultivars. It was found that ‘Vailai’ flowers had lower activity of PG, PE and cellulase than ‘Red Sonia’ flowers, especially in ‘Vailai’ pulsed with ethyphon, the result showed the lowest activity of PE. No significant difference was observed in PG and cellulase activity among all treatments. Effect of auxins on delaying flower senescence of Dendrobium ‘Vailai’ was determined by pulsing flowers with 200 ?M NAA and 2,4-D for 24 h, then holding in distilled water, 0.2% HQS + 4% sucrose (HQS+Sucrose) and 10 ppm ethyphon in an observeration room (21+1 oC, 70-80% RH, cool white fluorescence lights for 21 h/d) throughout experimental period. NAA pulse treatment combined with HQS+Sucrose holding of ‘Vailai’ ochid flowers delayed the senescence of flowers while holding in ethyphon stimulated more senescence and increases the greater number of opening flowers than other treatments. Additionally, flowers pulsed with NAA combine with distilled water and HQS+Sucrose holding had the longest vase life to 6.6 and 6.2 day, respectively, while 2,4-D in combination with ethyphon holding had 3.6 day of vase period, related to the Initial day of visible senescence symptom to 2 as compared to other treatments. Besides, treatment of NAA pulsing combined with HQS+Sucrose holding delayed the increase of ACC content in flowers. Contrastly, 2,4-D stimulated higher ACC content in flowers, especially in treatment of holding flowers in ethyphon. However, flowers pulsed with NAA combined with distilledwater holding and 2,4-D combined with HQS+Sucrose had greater ACO and PG activity but lower PE activity. No significant difference was found in cellulase among all treatments. Efficacy of Aunxin, an inhibitor of ethylene biosynthesis and an inhibitor of ethylene perception on reducing deterioration of Dendrobium flowers ‘Vailai’ was evaluated by pulsing flowers with 200 ?M NAA, 250 mg•L-1 2,4-D for 24 h and pretreating with 200 nl•L-1 for 6 h, then holding in distilled water, 0.2% HQS + 4% sucrose (HQS+Sucrose) and 10 ppm ethyphon in an observeration room (21+1 oC, 70-80% RH, cool white fluorescence lights for 21 h/d) throughout experimental period. Pretreatment with 1-MCP combined with HQS+Sucrose holding treatment were more effective in delaying the senescence of flowers than NAA and AOA while NAA pulsing combine with ethyphon holding induced the greatest number of opening flowers among all treatments. Flowers pretreated with 1-MCP combined with HQS+Sucrose holding had 8.4 days of vase period, which was related to the initial day of visible senescence symptom to 5.1, while flowers pulsed with NAA in combination with ethyphon had the shortest vase life to 4.9 with the initial day of visible senescence symptom to 3.6. Treatments of NAA, AOA and 1-MCP in combination with HQS+Sucrose gave the best results in delaying the increase in ACC content and the activity of ACO. Moreover, PG and cellulase activities were higher in the frist 3 days of vase period. AOA and 1-MCP with HQS+Sucrose reduced the activity of PG while PE activity was low in the petal. However, no significant difference was observed in PE activity among all treatments.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
คำสำคัญ: สารยับยั้งการทำงานของเอทิลีน
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาการหลุดร่วงของดอกกล้วยไม้สกุลหวายที่ถูกชักนำโดยเอทิลีนจากภายนอกและบทบาทของออกซินในชะลอการหลุดการร่วง (ระยะที่ 2)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
30 กันยายน 2554
การพัฒนาโรงเรือนกล้วยไม้สกุลหวายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งออก การชักนำให้เกิดแคลลัสในกล้วย โครงการการเพาะเมล็ดกล้วยไม้รองเท้านารีในสภาพปลอดเชื้อ การศึกษาความหลากหลายของกล้วยไม้ที่พบในมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยาด้วยลายพิมพ์ดีเอ็นเอโดยใช้เทคนิค AFLP (Amplified Fragment Length Polymorphism) ศึกษาสัณฐานวิทยาการหลุดร่วงและบรรเทาหลุดร่วงของผลลองกองช่วงหลังการเก็บเกี่ยวด้วยการฉายรังสี UV-B และ UV-C การวิเคราะห์ชนิดของเม็ดสีแอนโทไซยานิน ในกล้วยไม้ป่า และกล้วยไม้ตัดดอกของไทย เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ การใช้ฟองก๊าซ 1-MCP ขนาดไมโครและแผ่น 1-MCP ในการชะลอการเสื่อมสภาพหลังการเก็บเกี่ยวและยืดอายุปักแจกันดอกกล้วยไม้สกุลหวาย โอคราท็อกซิน เอ ในลูกเกด โอคราทอกซิน เอ ในผงกาแฟโบราณ โอคราทอกซิน เอ ในกาแฟคั่วบด
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก