สืบค้นงานวิจัย
การใช้น้ำหมักชีวภาพจากกากยีสต์ร่วมกับปุ๋ยชนิดต่างๆ เพื่อผลิตคะน้าอินทรีย์ในสภาพดินนา
กัญญาพร สังข์แก้ว - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การใช้น้ำหมักชีวภาพจากกากยีสต์ร่วมกับปุ๋ยชนิดต่างๆ เพื่อผลิตคะน้าอินทรีย์ในสภาพดินนา
ชื่อเรื่อง (EN): Application of bio-extract from dried brewer’s yeast and other fertilizer for organic kale produce in lowland area
บทคัดย่อ: จากการศึกษาการใช้น้ำหมักชีวภาพจากกากยีสต์ร่วมกับปุ๋ยชนิดต่างๆ เพื่อผลิตคะน้าอินทรีย์ในสภาพดินนา ในชุดดินนครพนม กลุ่มชุดดินที่ 6 ดำเนินการในฤดูการเพาะปลูกปี 2556 วางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block Design ประกอบด้วย 6 ตำรับ จำนวน 4 ซ้ำ ประกอบด้วยรับที่ 1 แปลงควบคุม (ไม่ใส่ปุ๋ย) ตำรับที่ 2 ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน(คำแนะนำการใช้ปุ๋ยเคมี) ตำรับที่ 3 ปุ๋ยหมัก (ซุปเปอร์ พด.1)อัตรา 1,000 กก.ต่อไร่ ตำรับที่ 4 ปุ๋ยหมัก (ซุปเปอร์ พด.1) อัตรา 1,000 กก.ต่อไร่ + น้ำหมักชีวภาพกากยีสต์อัตรา 1: 200 ฉีดพ่นทุก 10 วัน ตำรับที่ 5 ปุ๋ยหมัก (ซุปเปอร์ พด.1) อัตรา 500 กก.ต่อไร่ + น้ำหมักชีวภาพกากยีสต์อัตรา 1: 200 ฉีดพ่นทุก 10 วัน และ ตำรับที่ 6 ปุ๋ยเคมีอัตรา ? ตามค่าวิเคราะห์ดิน + น้ำหมักชีวภาพกากยีสต์อัตรา 1: 200 ฉีดพ่นทุกๆ 10 วัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของน้ำหมักชีวภาพจากกากยีสต์เมื่อใช้ร่วมกับปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมีต่อการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิตคะน้าอินทรีย์การเปลี่ยนแปลงสมบัติทางเคมีของดิน และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ผลการศึกษา พบว่าการใช้น้ำหมักชีวภาพจากกากยีสต์ร่วมกับการใส่ปุ๋ยหมัก (ซุปเปอร์ พด. 1) อัตราสูง มีผลทำให้ปริมาณอินทรียวัตถุและค่าความเป็นกรดเป็นด่างในดินเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยมีค่าปริมาณอินทรียวัตถุและค่าความเป็นกรดเป็นด่างในดินเท่ากับ 1.94 เปอร์เซ็นต์ และ 4.93 (ตามลำดับ) ซึ่งมีระดับของอินทรียวัตถุอยู่ในเกณฑ์ปานกลางเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของคะน้า การฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพจากกากยีสต์ร่วมกับปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมี พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตด้านความสูงของคะน้าในช่วงอายุ 27 และ 34 วัน แต่เมื่อคะน้ามีอายุมากขึ้น สามารถการตอบสนองกับน้ำหมักชีวภาพจากกากยีสต์ได้ดีขึ้น จะเห็นได้จากความสูงของคะน้าในช่วงอายุ 41 วัน ในตำรับที่มีการฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพจากกากยีสต์ สามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตด้านความสูงและจำนวนใบของคะน้าได้ดีเท่ากับการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน โดยฉีดพ่นร่วมกับปุ๋ยหมักอัตรา 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ และ 500 กิโลกรัมต่อไร่ การใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินมีผลทำให้ผลผลิตคะน้าสูงสุด เท่ากับ 2,024 กิโลกรัมต่อไร่ และสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาเท่ากันเท่ากับ 15 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้มีรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดเท่ากับ 30,300 และ 16,050 บาทต่อไร่ และมีต้นทุนต่อกิโลกรัมต่ำสุดเท่ากับ 7.0 บาท ถ้าหากมองการผลิตคะน้าในแง่ของการเพิ่มผลผลิตตำรับการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์เป็นวิธีการที่สามารถเพิ่มผลผลิตและผลตอบแทนสูงสุด
บทคัดย่อ (EN): The study of the application of bio-extract from dried brewer’s yeast and other fertilizer for organic kale produce in lowland area on NakhonPhanom soil series, Soil Group 6. To be implemented in 2013. The experiment was arranged in Randomized Complete Block Design with 6 treatments and 4 replications. The treatments were different fertilization regimes, namely:1) control (no fertilizer), 2) Chemical fertilizer based on soil analysis (Recommendations for chemical fertilizers), 3) Compost (PorDor 1) 1,000 kg/rai,4) Compost (PorDor 1) 1,000 kg/rai and Bio-fermented yeast extract 1: 200 spray every 10 days, 5) Compost (PorDor 1) 500 kg/rai and Bio-fermented yeast extract 1: 200 spray every 10 days, 6) Chemical fertilizer rate ?, based on soil analysis and Bio-fermented yeast extract 1: 200 spray every 10 days. The objective of this experiment was to study on the efficiency of bio-extract from dried brewer’s yeast when used in combination with compost and chemical fertilizer on growth and yield of organic kale on soil chemical change and economic return. The study indicated that utilization of bio-extract from dried brewer’s yeast with Compost (PorDor1) as a result, the organic matter and alkalinity in the soil increased. The organic matter and alkaline soil pH were 1.94 and 4.93 (respectively), the level of organic matter was moderate enough for the growth of kale. Use of bio-extract from dried brewer’s yeast with Compost and chemical fertilizer it was found that there was no effect on the height growth of kale at the age of 27 and 34 days. But when the kale is older the response to bio-extract from dried brewer’s yeast was improved. It is found that from the height of the kale during the age of 41 days in the treatment were sprayed bio- extract from dried brewer’s yeast it can promote the growth and height of leaves of kale as well as chemical fertilizers based on soil analysis. By spraying with compost at the rate of 1,000 kg/rai and 500 kg/rai. Applying chemical fertilizer based on soil analysis results in a maximum yield of 2,024 kg/rai. And we can sell the product at the same price of 15 baht/kilogram. The highest income and net profit were 30,300 and 16,050 baht/rai and the lowest cost per kilogram was 7.0 baht. Considering the kale yield in terms of yield increase, chemical fertilizer application based on soil analysis was the most productive and yielding method.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dric.nrct.go.th/Search/SearchDetail/291509
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: คะน้า
คำสำคัญ (EN): kale
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้น้ำหมักชีวภาพจากกากยีสต์ร่วมกับปุ๋ยชนิดต่างๆ เพื่อผลิตคะน้าอินทรีย์ในสภาพดินนา
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2556
วิจัยและพัฒนาการใช้น้ำหมักชีวภาพจากกากยีสต์เพื่อผลิตคะน้าอินทรีย์ ผลของอัตราและระยะเวลาการใช้น้ำหมักชีวภาพกากยีสต์ที่เหมาะสมเพื่อผลิตคะน้า การผลิตน้ำหมักชีวภาพจากใบหญ้าแฝก การเพิ่มผลผลิตข้าวนาหว่านน้ำตมภายใต้การจัดการปุ๋ยในชุดดินพัทลุง การจัดการดินที่เหมาะสมด้วยพืชปุ๋ยสดร่วมกับปุ๋ยชีวภาพ และแหนแดงเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และผลผลิตของผักคะน้า ข้าวโพดฝักอ่อนภายใต้การปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ในกลุ่มชุดดินที่ 7 การใช้กากมันสำปะหลังจากการผลิตเอทานอลหมักยีสต์ เพื่อเป็นอาหารในโครีดนม การผลิต Inulin และ Oligofructose จากกล้วยเพื่อใช้เป็นสารเสริมอาหาร ผลของชนิดน้ำหมักชีวภาพที่มีต่อผลผลิต และคุณภาพของชา ในกลุ่มชุดดินที่ 29 การจัดการปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพร่วมกับน้ำหมักชีวภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิตมะละกอฮอลแลนด์ในดินทราย ศึกษาการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพของกรมพัฒนาที่ดินในระบบเกษตรอินทรีย์เพื่อการปลูกผักคะน้าและกวางตุ้งทางภาคใต้ตอนบน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก