สืบค้นงานวิจัย
ศึกษาการชักนำให้มีการสร้างหัวของต้นพันธุ์จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อว่านนางคำ และว่านพญามือเหล็ก
อนุชา รักสันติ - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง: ศึกษาการชักนำให้มีการสร้างหัวของต้นพันธุ์จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อว่านนางคำ และว่านพญามือเหล็ก
ชื่อเรื่อง (EN): The study on rhizome induction of Curcuma aeromatica Salib. and Alpinia sandrerae plantlets
บทคัดย่อ: ศึกษาวิธีการเพิ่มจำนวนต้นพันธุ์และการสร้างหัวของว่านนางคำ (Curcuma aeromatica Salib.) และว่านพญามือเหล็ก (Alpinia sandrerae) ในสภาพปลอดเชื้อ โดยเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนลำต้นจริงของว่านนางคำบนอาหารวุ้นสูตร Murashige and Skoog (MS) ดัดแปลงที่เติม BA 1 มิลลิกรัม/ลิตร นาน 12 สัปดาห์ สามารถชักนำให้มียอดใหม่เฉลี่ย 4.6 ยอด/ชิ้น ส่วนว่านพญามือเหล็กชักนำให้เกิดยอดใหม่ได้รวดเร็วในอาหารเหลวสูตรเดียวกันในเวลา 3 สัปดาห์ เฉลี่ย 4.5 ยอด/ชิ้น แล้วย้ายไปยังอาหารแข็งที่ไม่มีสารควบคุมการเจริญเติบโต ซึ่งสามารถชักนำให้ว่านพญามือเหล็กสร้างหัว (microrhizome) บนอาหารนี้ได้ในเวลา 6 สัปดาห์ ปริมาณน้ำตาลในอาหารเพาะเลี้ยงมีผลต่อการชักนำให้เกิดหัวของว่านทั้งสองชนิดโดยว่านนางคำมีหัวขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเลี้ยงบนอาหารที่มีน้ำตาลมากขึ้นในสภาพความเข้มแสงจาก LED 40 ไมโครโมล/เมตร2/วินาที ความเข้มแสง 65 และ 90 ไมโครโมล/เมตร2/วินาที ช่วยส่งเสริมให้หัวมีขนาดใหญ่ขึ้นในกรรมวิธีที่มีน้ำตาล 1% และ 3% แต่กรรมวิธีที่มีน้ำตาล 9% หัวมีขนาดเล็กลง สำหรับหัวว่านพญามือเหล็กมีขนาดใหญ่เมื่อเลี้ยงบนอาหารที่มีน้ำตาล 6% และ 9% ทั้งนี้พบว่าการเพิ่มความเข้มแสงไฟเป็น 65 และ 90 ไมโครโมล/เมตร2/วินาที ไม่เพิ่มประสิทธิภาพสร้างหัวอย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อนำสารสกัดเอทานอลของว่านนางคำและว่านพญามือเหล็กจากหัวที่เกิดขึ้นในสภาพปลอดเชื้อมาทดสอบฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรีย จำนวน 5 ชนิด ได้แก่ Micrococcus luteus, Bacillus subtilis, Bacillus cereus, Staphylococcus aureus และ Escherichia coli ผลการวิจัยพบว่า สารสกัดจากว่านนางคำสามารถยับยั้งการเจริญของ M. luteus, B. subtilis และ B. cereus โดยมีขนาดของวงใส เท่ากับ 8.0, 7.6 และ 7.0 มิลลิเมตร ส่วนสารสกัดจากว่านพญามือเหล็กสามารถยับยั้งการเจริญของ M. luteus, B. subtilis และ B. cereus โดยมีขนาดของวงใส เท่ากับ 11.0, 8.5 และ 8.5 มิลลิเมตร ตามลำดับ อย่างไรก็ตามฤทธิ์ของสารสกัดจากหัวที่เกิดในสภาพปลอดเชื้อมีฤทธิ์ต่ำกว่าสารสกัดจากหัวที่ปลูกในธรรมชาติ โดยบริเวณวงใสของการยับยั้งของสารสกัดของว่านนางคำลดลง 3.6, 2.9 และ 2.3 เท่า และสารสกัดของว่านพญามือเหล็ก ขนาดของวงใสลดลง 1.6, 2.9 และ 2.1 เท่าตามลำดับ
บทคัดย่อ (EN): In vitro proliferation and rhizome formation of Curcuma aeromatica Salib. and Alpinia sandrerae were investigated. Average 4.8 shoots/explant of C. aeromatica were produced from pseudo-stem explants cultured on modified MS agar medium supplemented with 1.0 mg/L BA for 12 weeks. A. sandrerae produced average of 4.5 shoots/explant in liquid medium comprised of the same components as agar medium within 3 weeks. The shootlets of A. sandrerae were then separated and transferred onto agar medium without any plant growth regulators. Microrhizomes later formed at basal of plantlets within 6 weeks. Microrhizome formations of both plants were significantly affected by different sucrose concentrations. C. aeromatica produced large microrhizomes in high level sucrose treatments under 40 ?mol m-2s-1 LED illumination. The 65 and 90 ?mol m-2s-1 in combination with either 1% or 3% sucrose levels enhanced larger microrhizomes than those under the 40 ?mol m-2s-1 light treatments, but microrhizomes formed in the 9% sucrose treatments were smaller. A. sandrerae plantlets grown in 6% and 9% sucrose treatments formed large microrhizomes under 40 and 90 ?mol m-2s-1 LED conditions, however, they did not significantly affect on the efficiency of microrhizome production. The crude extracts from in vitro C. aeromatica and A. sandrerae microrhizomes were tested in laboratory for growth inhibition of Micrococcus luteus, Bacillus subtilis, Bacillus cereus, Staphylococcus aureus and Escherichia coli. The result showed that crude extracts from C. aeromatica could inhibit growth of M. luteus, B. subtilis and B. cereus with inhibition zones of 8.0, 7.6 and 7.0 millimeters, respectively; and those of A. sandrerae were 11.0, 8.5 and 8.5 millimeters, respectively. The efficiency of in vitro-derived crude extracts of C. aeromatica decreased 3.6, 2.9 and 2.3 times for M. luteus, B. subtilis and B. cereus, respectively, and 1.6, 2.9 and 2.1 times, respectively, for A. sandrerae compared with the result of in vivo-grown rhizome crude extracts.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คำสำคัญ: การต้านจุลินทรีย์
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ศึกษาการชักนำให้มีการสร้างหัวของต้นพันธุ์จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อว่านนางคำ และว่านพญามือเหล็ก
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
31 มีนาคม 2561
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อว่านนางคำ การขยายพันธุ์ต้น Tea Tree โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การพัฒนาระบบขยายพันธุ์ว่านชักมดลูก โดยวิธีการเพาะเลี้ยง เนื้อเยื่อ เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตพืชสมุนไพร การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชพื้นเมือง การเติบโตและเพิ่มปริมาณต้นของกล้วยหอมพันธุ์ Crand Nain โดยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การปรับปรุงพันธุ์หญ้าแพงโกล่าโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การผลิตต้นกล้าพืชสกุลเร่วโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การเพาะเลี้ยงพรรณพืชวงศ์ขิงบางชนิดที่พบที่เขื่อนสิริกิติ์โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหวายเพื่อปลูกเป็นพืชร่วมในสวนยาง การเพาะเลี้ยงกบจาน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก