สืบค้นงานวิจัย
ศึกษาการเขตกรรมและคัดเลือกสายพันธุ์ผักย่านางเพื่อพัฒนาเป็นเครื่องปรุงรสในเชิงอุตสาหกรรม
วิรัติ อำพันธุ์ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ชื่อเรื่อง: ศึกษาการเขตกรรมและคัดเลือกสายพันธุ์ผักย่านางเพื่อพัฒนาเป็นเครื่องปรุงรสในเชิงอุตสาหกรรม
ชื่อเรื่อง (EN): Study on Cultivation and Selection of Phakyanang (Tiliacora triandra Diels) for Seasoning Development in to Industry Production
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: วิรัติ อำพันธุ์
บทคัดย่อ: จากการรวบรวมสายต้นผักย่านางบริเวณหมู่บ้านรอบสถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตรได้แก่ ตำบลพิชัย ตำบล บ้านเสด็จ ตำบลบุญนาคพัฒน ตำลบ้านแลง ตำบลทุ่งฝ่าย ตำบลนิคมพัฒนา และจังหวัดใกล้เคียง ไต้แก่ ลำพูน และ เชียงใหม่ จำนวน 38 สายต้นปลูก ณ สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร ตั้งแต่เตือน มกราคม พ.ศ. 255 1 ถึง กันยายน พ.ศ. 2552เพื่อประเมินลักษณะบางประการได้แก่ น้ำหนักใบ ความกว้างใบ ความยาว ใบ ความยาวก้านใบ และความยาวปล้อง พบว่า สายต้น 038 ให้ค่าเฉลี่ยของน้ำหนักใบ ความกว้างใบ และ ความยาวใบ สูงสุด 1.13 กรัม 6.49 เชนติเมตร และ 14.53 เซนติเมตร ตามลำตับ (Table 1) ทางต้านความ ยาวก้านใบ สายต้น 030 ให้ความยาวก้านใบสูงสุด 2.18 เซนติเมตร ส่วนความยาวปล้องสูงสุดพบในสายต้น 015 016 และ 019 (7.20 เซนติเมตร) จากการเปรียบเทียบลักษณะน้ำหนักสดใบเฉลี่ยของผักย่านาง 6 สายต้นเป็นปีที่ 2 พบว่ามีความ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติโดยสายต้น Ti 001 ให้น้ำหนักใบเฉลี่ยต่อใบสูงสุด (1.158 กรัม) (Table 2) ความกว้างใบเฉลี่ยสูงสุด (5.824 ชม.) และความยาวใบเฉลี่ยสูงสุด (12.806 ชม.) ความยาวก้านใบ เฉลี่ยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสายต้น T! 002 ให้ความยาวก้านใบเฉลี่ยสูงสุด 1.892 ชม. ส่วนความยาวปล้องเฉลี่ยไม่มีความแตกต่างทางสถิติ โตยสายต้น Ti 002 ให้ความยาวปล้องเฉลี่ยสูงสุด 7.014 ชม. การจำแนกสายพันธุ์ย่านางด้วยการใช้รูปแบบของไอโชไซม์ จากการรวบรวมสายต้นย่านางจำนวน 42 สายต้น จากหมู่บ้านรอบสถาบันวิจัยเทศโนโลยีเกษตรได้แก่ ตำบลพิชัย ตำบลบ้านเสด็จ ตำบลบุญนาค พัฒนา ตำบลบ้านแลง ตำบลทุ่งฝ่าย ตำบลนิคมพัฒนา และจังหวัดใกล้เยง ไต้แก่ ลำพูน และ เชียงใหม่ จาก การศึกษาการจัดจำแนกสายพันธุ์ของต้นย่านางโดยใช้รูปแบบของไอโชไชม์ 5 ชนิตคือ เปอร์ออกซิเตส และ เอสเทอรส แซิตฟอสฟาทส อัลคาไลต์ฟอสฟาเทส แล: ซุปเปอร์ออกไซต์ ดิสมิวเทส พบว่า สามารถแยก ชนิดของต้นย่านางได้เป็นสายต้นจากจำนวนทั้งหมด 42 สายต้น ศึกษาการขยายพันธุ์ต้นย่านางด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ โดยทำการศึกษาวิธีฟอกฆ่าเชื้อชิ้นส่วน และสูตรอาหารที่เหมาะสมการชักนำให้เกิดยอตใหม่ พบว่า ชั้นส่วนปลายยอตที่ฟอกฆ่าเชื้อด้วยคลอร๊อกซ์ ความเข้มข้น 20% นาน 15 นาที มีเปอร์เซ็นต์การปนเปื้อนของเชื้อราน้อยที่สุด คือ 1.25% นอกจากนี้จำนวน ยอตใหม่เฉลี่ยต่อชิ้นส่วนไม่มีความแตกต่างกัน คือ ยอดต่อชิ้นส่วน โดยมีจำนวนวันเฉลี่ยในการเกิดยอดอยู่ ในช่วง 9-14 วัน สูตรอาหารที่สามารถชักนำให้เกิดยอตใหม่ คือ MS ที่เติม BAP ความเข้มข้น 2 มก/ล มี จำนวนยอตใหม่เฉลี่ยต่อขึ้นส่วน คือ 2-3 ยอดต่อขึ้นส่วน นอกจากนี้สูตรอาหารที่เหมาะสมต่อการเพิ่มจำนวน ยอตใหม่สามารถทำการเลี้ยงบนอาหารสูตร MS ที่เดิม BAP ความเข้มข้น 1, 2 และ 4 มก/ล. ศึกษาการเขตกรรมผักย่านางเพื่ออุตสาหกรรม วิจัย ณ งานพืชผักสถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทศโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นเวลา 3 ปี ระหว่างเตือน ตุลาคม 2551 ถึง เตือน กันยายน 2553 การศึกษาแบ่งออกเป็น 3 กิจกรรมคือ การศึกษาวิธีการทำค้างสำหรับการผลิตผักย่านาง, การศึกษา ผลผลิต การคัดเลือกสายต้นของผักย่านาง และการศึกษาระดับของการพรางแสงที่มีผลต่อผลผลิตผักย่านาง ผลการศึกษาทดลองสรุปได้ดังต่อไปนี้ผลการเปรียบเทียบการทำค้างแบบต่าง ๆ ของผักย่านง โดยวางแผนการทดลองแบบ RCBD 4 ซ้ำ ทำค้าง 4 แบบ ณ แผนกพืชผัก งานพืชสวน สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง ระหว่างเดือน ธ.ศ. 2550 ถึง ก.ค. 2551 พบว่าทุกลักษณะทั้งลักษณะทางพืชสวน ลักษณะผลผลิตและองค์ประกอบ ของผลผลิตไม่พบความแตกต่างทางสถิติโดยพบว่าลักษณะของน้ำหนักยอตรวมพบว่าการทำค้างแบบนั่งร้าน มีแนวโน้มให้น้ำหนักยอตรวมมากที่สุดเฉลี่ยเท่ากับ 186.25กรัมรองลงมาไต้แก่การไม่ทำค้าง และการทำค้าง แบบตั้งฉาก โดยให้น้ำหนักรวมเฉลี่ยเท่ากับ 178.75และ 163.75 กรัมตามลำดับ ส่วนการเก็บผลผลิตทั้ง ต้นเมื่ออายุผักย่านาง 90 วันพบค่าเฉลี่ยของน้ำหนักต่อยอดเท่ากับ 29.67 กรัม น้ำหนักรวมต่อแปลงย่อยมี ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 322.13 กรัม ผลการเปรียบเทียบผลผลิต ของผักย่านาง โดยวางแผนการทดลองแบบ RCBD 4 ซ้ำ เปรียบเทียบ 6 สายต้น ณ แผนกพืชผัก งานพืชสวน สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง ระหว่างเตือน ธ.ค. 2551 ถึง ก.ย. 2552 พบว่าทุกลักษณะทั้งลักษณะทางพืชสวนกษณะผลผลิตและองค์ประกอบของผลผลิตไม่ พบความแตกต่างทางสถิติ ย่านางอายุ 7 เดือนพบว่าสายต้นที่ให้น้ำหนักต่อยอดมากที่สุดคือสายต้นที่ 2 ย่านางอายุ 7.5 เตือนพบว่าสายต้นที่ให้น้ำหนักต่อยอดมากที่สุดอสายต้นที่ 5านางอายุ 8 เดือนพบว่าสาย ต้นที่ให้น้ำหนักต่อยอตมากที่สุดคือสายต้นที่ 3และเมื่อย่านางอายุ 8.5 เตือนพบว่าสายต้นที่ให้น้ำหนักต่อ ยอตมากที่สุดคือสายต้นที่ 5ส่วนประกอบที่สำคัญในการคัตเลือก ได้แก่จำนวนใบต่อยอดควรใช้สายพันธุ์ที่มี จำนวนใบมากที่สุดเพราะจะใช้ประโยชน์จากใบเป็นส่วนใหญ่ผลการเปรียบเทียบการพรางแสงระดับต่างๆ โดยวางแผนการทดลองแบบ RCBD 4 ซ้ำ ทำการพราง แสง 4 ระดับได้แก่ กรพรางแสง 50 60 70 เปอร์เซ็นต์ และการไม่พรางแสง ณ แผนกพืชผัก งานพืชสวน สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร ระหว่างเตือน ม.ค. 2553ถึง ก.พ. 2554 พบว่าทุกลักษณะทั้งลักษณะ ทางพืชสวน ลักษณะผลผลิตและองค์ประกอบของผลผลิตไม่พบความแตกต่างทางสถิติ โดยพบว่า ลักษณะของน้ำหนักยอตรวมพบว่าการพรางแสงที่ระตับ 50 % มีแนวโน้มให้น้ำหนักยอตรวมมากที่สุดโดย ให้น้ำหนักยอตรวม เฉลี่ยเท่ากับ 111.00 กรัมรองลงมาได้แก่การพรางแสงที่ระตับ 70 % และการพราง แสงที่ระดับ 60 % โดยมีน้ำหนักยอตรวมเฉลี่ยเท่ากับ 104.25และ 93.50 กรัมต่อต้นตามลำตับ การศึกษากระบวนการแปรรูปผักย่านางผงสำหรับทำผงปรุงรสประกอบอาหาร มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาคุณภาพผักย่านางแล้วนำมาทำเป็นผง และพัฒนาผงปรุงรสผสมสารสกัดผักย่านางผงสำหรับใช้ใน ผลิตภัณฑ์อาหาร การวิเคราะห์คุณภาพผักย่านางสดทางเคมีโดยใช้ผักย่านางจากส่วนต่างๆ อ ใบอ่อน ใบแก่ และก้าน ผลการศึกษา พบว่า ผักย่านางมีค่าเฉยของปริมาณความขึ้น คาร์โบไซเดรต โปรตีน เส้นใย เถ้า และ ไขมัน อยู่ระหว่างร้อยละ 72.75-78.64, 10.51-13.14, 5.43-6.03, 2.38-5.86, 1.15-2.01 และ 0.81-0.88 ตามลำตับส่วนการศึกษาปริมาณลอโรฟิลล์ทั้งหมต ลอโรฟิสล์ เอ คลอโรฟิลล์ บี ปริมาณ วิตามินซี และสารประกอบฟินอลิก ในผักย่านาง พบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 25.91-179.09, 15.81- 109.41 , 10.13-69.82, 1.15-1.67, และ 211.02-595.91 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ตามลำดับ เมื่อนำผัก ย่านางจากส่วนต่างๆ ไปวิเคราะห์ประสิทธิภาพการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ พบว่ามีค่าเฉลี่ยในช่วง 223.50- 433.54 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม TE/ในการศึกษาการสกัดน้ำผักย่านาง พบว่าการใช้ใบย่านางทั่นฝอยปั่น ผสมกับน้ำ โดยไม่ให้ความร้อนจะให้น้ำสกัดผักย่านางที่มีค่าสีเขียว (a) ดีที่สุด การศึกษากระบวนการทำ แห้งของผักย่านางโดยวิธีการทำแห้งแบบพ่นฝอย โดยใช้มอสโตเตร็กทรินซ์เป็นสารตัวกลางที่ปริมาณความ เข้มข้นต่างๆ เต็มในน้ำสกัดผักย่านางก่อนนำไปทำแห้งแบบพ่นฝอย พบว่า การเพิ่มปริมาณมอลโตเตรีกทรินซ์จะส่งผลให้ไต้ปริมาณผลผลิตเพิ่มมากขึ้น และปริมาณมอลโตเตร็กทรินซ์ที่ใช้เติมในน้ำสกัดผักย่านางเพื่อ การทำแห้งแบบพ่นฝอย ร้อยละ 10 และ 15ให้ปริมาณค่า (a*) สีเขียวใกล้เคียงกัน โดยการใช้ปริมาณมอล โตเตร็กทรินซ์ร้อยละ15 ให้ปริมาณผลผลิตที่สูงกว่า ร้อยละ 10ในการทำแห้งใบผักย่านางโดยใช้ตู้อบลม ร้อน ผลการศึกษา พบว่า การลวกผักย่านาง โดยใช้สรสะลายเกลือร้อยละ ให้คุณภาพต้านสีเขียวของผัก ย่านางดีกว่าการใช้น้ำธรรมตา สารละลาย KMS ร้อยละ 0.1 และสารละลายกรดซิตริกร้อยละ 0.5 และการ ลวกผักย่านางในสารละลายเกลือร้อยละ 1 นาน 9 นาที ก่อนนำไปอบแห้งให้สีเขียวผักย่านางที่ดีที่สุด , และ การศึกษาพัฒนาผลิตภัณฑ์ผงปรุงรสผสมผงผักย่านาง โดยใช้ผงผักย่านางที่ได้จากการทำแห้งแบบพ่นฝอยเป็น ส่วนประกอบในการทำผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ผงปรุงรส พบว่า ผงผักย่านางจากการศึกษานี้สามารถนำไปใช้ทำ ผลิตภัณฑ์ไต้จำนวน 3 ชนิด คือ ผงปรุงรสผักย่านางสำหรับซุปหน่อไม้ ผงปรุงรสผักย่านางสำหรับแกง หน่อไม้ และผงปรุงรสผักย่านางสำหรับแกงขี้เหล็ก
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
คำสำคัญ: เครื่องปรุงรส
คำสำคัญ (EN): Phakyanang
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ศึกษาการเขตกรรมและคัดเลือกสายพันธุ์ผักย่านางเพื่อพัฒนาเป็นเครื่องปรุงรสในเชิงอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
30 กันยายน 2553
รวบรวมและคัดเลือกสายพันธุ์ผักย่านางเพื่อพัฒนาเป็นเครื่องปรุงรสในเชิงอุตสาหกรรม ศึกษาการเขตกรรมผักย่านางเพื่อพัฒนาเป็นเครื่องปรุงรสในเชิงอุตสาหกรรม การรวบรวมพันธุ์และการศึกษาลักษณะเพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ของมะแขว่น การจำแนกสายพันธุ์และความต้านทานต่อโรค Streptococcosis ของปลานิล (Oreochromis niloticus Linnaeus) 2558A17003035 การรวบรวมพันธุ์และการศึกษาลักษณะเพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ของมะแขว่น การปรับตัวของถั่วเหลืองสายพันธุ์ดีเด่นต่อการเขตกรรมในพื้นที่ภาคกลาง ศึกษาการขยายพันธุ์ผักย่านางด้วยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การคัดเลือกและสร้างพันธุ์แท้สายพันธุ์ญี่ปุ่นและจีน จากลูกผสมชั่วแรกของญี่ปุ่น การคัดเลือกสายพันธุ์ยีสต์ที่มีลักษณะเหมาะสมเพื่อใช้ในการหมักสาโท การปรับปรุงพันธุ์และคัดเลือกสายพันธุ์ต้านทานโรคใบไหม้แผลใหญ่ในข้าวโพดหวานโดยวิธีการผสมกลับร่วมกับการใช้เครื่องหมายโมเลกุลในการคัดเลือก ระยะที่ 4
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก