สืบค้นงานวิจัย
ความหลากหลายทางพันธุกรรมของเชื้อไรโซเบียมถั่วแดงหลวงและผลจากการใส่เชื้อไรโซเบียมถั่วแดงหลวงร่วมกับเชื้อแบคทีเรียละลายฟอสเฟตต่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
นีลวรรณ พงศ์ศิลป์ - มหาวิทยาลัยศิลปากร
ชื่อเรื่อง: ความหลากหลายทางพันธุกรรมของเชื้อไรโซเบียมถั่วแดงหลวงและผลจากการใส่เชื้อไรโซเบียมถั่วแดงหลวงร่วมกับเชื้อแบคทีเรียละลายฟอสเฟตต่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
ชื่อเรื่อง (EN): Genetic Diversity of Rhizobia Nodulating Phaseolus vulgaris and Effects of Co-inoculation with Rhizobia and Phosphate-Solubilizing Bacteria on Agricultural Product Improvement
บทคัดย่อ: เชื้อไรโซเบียมถั่วแดงหลวง 28 สายพันธุ์ มีรูปแบบ random amplified polymorphic DNA (RAPD) แตกต่างกัน เชื้อมีความหลากหลายทางพันธุกรรมสูง (โดย dendrogram มีค่า % similarity น้อยกว่า 5%) และมีรูปแบบ two-primers RAPD (TP-RAPD) 11 รูปแบบ แสดงว่าเป็นเชื้อแบคทีเรีย 11 ชนิด (species) การวิเคราะห์ลำดับนิวคลีโอไทด์บางส่วนของยีน 16S rDNA และการใช้โปรแกรม BLASTN แสดงว่าเชื้อ ไรโซเบียมถั่วแดงหลวงมีความใกล้เคียงกับเชื้อใน 3 สกุล (genus): Bradyrhizobium โดยมีค่า % identity อยู่ระหว่าง 97%-100%, Rhizobium โดยมีค่า % identity เท่ากับ 99% และ Bacillus โดยมีค่า % identity อยู่ระหว่าง 97%-99% การวิเคราะห์ลำดับนิวคลีโอไทด์บางส่วนของยีน nodC ของเชื้อ 2 สายพันธุ์ในกลุ่ม Bacillus แสดงว่าใกล้เคียงกับยีน nodC ของ Rhizobium และ Mesorhizobium โดยมีค่า % identity อยู่ระหว่าง 89%-100% เชื้อ 5 สายพันธุ์ มีพลาสมิด 1 หรือ 2 ชิ้น ขนาดตั้งแต่ 1.4 kb ถึง 3.2 kb ในการทดสอบการเกิดปม พบว่าน้ำหนักแห้งต้นพืช และค่า acetylene reduction activity (ARA) ของต้นพืชที่เกิดปมราก มีค่าเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2.39 ถึง 3.89 เท่า และ 5.00 ถึง 7.19 เท่า ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับต้นที่ไม่ได้ใส่เชื้อ เชื้อทุกสายพันธุ์แสดงคุณลักษณะเฉพาะตัวของความต้านทานต่อสารปฏิชีวนะ 10 ชนิด, ความต้านทานต่อโลหะหนัก 4 ชนิด, ความต้องการวิตามิน 8 ชนิด และการเจริญในสภาวะต่างๆ (pH 5.0, 6.5 และ 8.0 รวมทั้งอุณหภูมิที่ 20, 30 และ 40 องศาเซลเซียส) เชื้อทุกสายพันธุ์มีความแตกต่างกันในการสังเคราะห์สารส่งเสริมการเจริญของพืช ได้แก่ กรดอินโดล อะซิติค (indole acetic acid: IAA) (ตั้งแต่ 0.17 +/- 0.03 ถึง 32.21 +/- 1.12 microg IAA equivalent/ml), catecholate siderophore (ตั้งแต่ 0.11 +/- 0.04 ถึง 9.08 +/- 1.28 micromol/l), hydroxamate siderophore (ตั้งแต่ 0.91 +/- 0.80 ถึง 45.92 +/-12.33 micromol/l) และแอมโมเนีย (ตั้งแต่ 70.10 +/- 15.56 ถึง 266.35 +/- 23.83 microM) เชื้อทุกสายพันธุ์สามารถละลาย tricalcium phosphate [Ca3(PO4)2] โดยมีค่าดัชนีอยู่ระหว่าง 1.20 +/- 0.00 ถึง 2.50 +/- 0.25 จากการวัดค่ากิจกรรมของเอนไซม์ที่เชื้อสังเคราะห์ขึ้น พบว่ากิจกรรมของเอนไซม์ extracellular alkaline phosphatase อยู่ระหว่าง 3.68 +/- 0.51 ถึง 15.04 +/- 0.65 milliunit/ml, extracellular urease อยู่ระหว่าง 5.46 +/- 1.02 ถึง 35.12 +/- 2.14 unit/ml และ protease ตั้งแต่ไม่สามารถวัดได้ ถึง 74.21 +/- 15.09 unit/ml รูปแบบการสังเคราะห์เอนไซม์ urease ของเชื้อ 3 สายพันธุ์มีความแตกต่างกัน สำหรับเชื้อ 1 สายพันธุ์ในกลุ่ม Bacillus นั้น การย่อยสลายยูเรียค่อยๆ เพิ่มขึ้นใน 2 วันแรกของการเจริญ และเพิ่มสูงสุดในวันที่ 3 หลังจากนั้น กิจกรรมของเอนไซม์ urease จะลดลงอย่างชัดเจน ในขณะที่การสังเคราะห์เอนไซม์ urease ของ Bradyrhizobium 2 สายพันธุ์ไม่มีความแตกต่างกันในช่วง 2 วันแรกของการเจริญ หลังจากนั้นจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันสุดท้ายของการเลี้ยงเชื้อซึ่งเซลล์อยู่ในระยะ stationary phase กระบวนการ ammonification ของเชื้อ 3 สายพันธุ์ในกลุ่ม Bacillus และ Bradyrhizobium 2 สายพันธุ์ มีรูปแบบเดียวกัน จากการศึกษาผลของปัจจัยที่มีต่อการสังเคราะห์เอนไซม์ urease และกระบวนการ ammonifcation ของเชื้อสายพันธุ์ที่คัดเลือก พบว่า Ni2+, Co2+ และ NaNO ลดการสังเคราะห์เอนไซม์ urease ของเชื้อ 1 สายพันธุ์ในกลุ่ม Bacillus ในขณะที่ yeast extract และ NH4Cl ลดการสังเคราะห์เอนไซม์ urease ของ Bradyrhizobium 2 สายพันธุ์ 0.2 mM Cu2+ ลดกระบวนการ ammonification ของเชื้อ 2 สายพันธุ์ในกลุ่ม Bacillus และ Bradyrhizobium 2 สายพันธุ์ (ประมาณ 17% to 57%) 0.2 mM Zn2+ ลดกระบวนการ ammonification ของเชื้อ 2 สายพันธุ์ในกลุ่ม Bacillus และ Bradyrhizobium 1 สายพันธุ์ (ประมาณ 28% to 63%) โดยไม่ได้เป็นผลจากการยับยั้งการเจริญของเชื้อ จากการใส่เชื้อร่วมกันระหว่างเชื้อแบคทีเรียละลายฟอสเฟตกับเชื้อใดเชื้อหนึ่งของเชื้อ ไรโซเบียมถั่วแดงหลวงใน 3 สกุล พบว่าน้ำหนักแห้งต้นพืช, ค่า ARA และปริมาณฟอสฟอรัสในเนื้อเยื่อพืชของถั่วแดงหลวงที่ปลูกในสภาวะที่มีฟอสฟอรัสที่ไม่ละลายน้ำ เพิ่มขี้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับต้นที่ไม่ได้ใส่เชื้อ
บทคัดย่อ (EN): The 28 rhizobial strains nodulating Phaseolus vulgaris (red kidney bean) presented different random amplified polymorphic DNA (RAPD) profiles, with high genetic diversity (< 5% similarity in a dendrogram), and 11 two-primers RAPD (TP-RAPD) profiles, indicating 11 bacterial species. The partial sequences of the 16S rDNA of these strains were obtained and BLASTN analysis revealed that the strains were related to members of 3 distinct genera: Bradyrhizobium with 97%-100% identity, Rhizobium with 99% identity and Bacillus with 97%-99% identity. The partial nodC gene of 2 Bacillus-like strains showed 89%-100% identity with the nodC gene of Rhizobium and Mesorhizobium. The 5 strains harbored 1 or 2 plasmids ranging in size from 1.4 kb to 3.2 kb. In a nodulation test, plant dry weight and acetylene reduction activity (ARA) were increased in all nodulated plants ranging from 2.39 to 3.89-fold and 5.00 to 7.19-fold, respectively, when compared to the uninoculated controls. All strains exhibited particular features regarding resistance to 10 antibiotics, resistance to 4 heavy metals, requirement of 8 vitamins and growth under different conditions (pH 5.0, 6.5 and 8.0 as well as temperature at 20, 30 and 40 C). All strains varied in their ability to produce plant-growth promoting substances including indole acetic acid (IAA) (ranging from 0.17 +/- 0.03 to 32.21 +/- 1.12 microg IAA equivalent/ml), catecholate siderophore (ranging from 0.11 +/- 0.04 to 9.08 +/- 1.28 micromol/l), hydroxamate siderophore (ranging from 0.91 +/- 0.80 to 45.92 +/- 12.33 micromol/l) and ammonia (ranging from 70.10 +/- 15.56 to 266.35 +/- 23.83 microM). All strains could solubilize tricalcium phosphate [Ca3(PO4)2] with indexes 1.20 +/- 0.00 to 2.50 +/- 0.25. The enzyme activities of extracellular alkaline phosphatase (ranging from 3.68 +/- 0.51 to 15.04 +/- 0.65 milliunit/ml), extracellular urease (ranging from 5.46 +/- 1.02 to 35.12 +/-2.14 unit/ml) and protease (ranging from undetectable to 74.21 +/- 15.09 unit/ml) were measured. A different trend between urease production of 3 strains was observed. In the case of a Bacillus-like strain, hydrolysis of urea slightly increased during 2 days of culture and the most increase was found on the third day. After the third day, urease activity was markedly decreased. The production of urease by 2 Bradyrhizobium strains was not significantly different during 2 days of culture, then it was continuously increased until the last day of cultivation in which cells were in their stationary phases. Similar profiles were observed from ammonification of 3 Bacillus-like strains and 2 Bradyrhizobium strains. Effects of factors on production of urease and ammonifcation of the selected strains were studied. Ni2+, Co2+ and NaNO decreased urease production in a Bacillus-like strain. While, yeast extract and NH4Cl decreased urease production in 2 Bradyrhizobium strains. Regardless of a growth-inhibitory effect, 0.2 mM Cu2+ reduced ammonification of 2 Bacillus-like strains and 2 Bradyrhizobium strains (by 17% to 57%). Whereas 0.2 mM Zn2+ reduced ammonification of 2 Bacillus-like strains and a Bradyrhizobium strain (by 28% to 63%). Co-inoculations of a phosphate solubilizing bacterium with each of 3 P. vulgaris-nodulating rhizobia in 3 different genera significantly increased plant dry weight, ARA and phosphorus content of P. vulgaris grown in insoluble phosphorus supply as compared to the uninoculated controls.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยศิลปากร
คำสำคัญ: ปริมาณฟอสฟอรัส
คำสำคัญ (EN): Phosphorus Content
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

นีลวรรณ พงศ์ศิลป์. "ความหลากหลายทางพันธุกรรมของเชื้อไรโซเบียมถั่วแดงหลวงและผลจากการใส่เชื้อไรโซเบียมถั่วแดงหลวงร่วมกับเชื้อแบคทีเรียละลายฟอสเฟตต่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรGenetic Diversity of Rhizobia Nodulating Phaseolus vulgaris and Effects of Co-inoculation with Rhizobia and Phosphate-Solubilizing Bacteria on Agricultural Product Improvement". มหาวิทยาลัยศิลปากร. 2555

นีลวรรณ พงศ์ศิลป์. "ความหลากหลายทางพันธุกรรมของเชื้อไรโซเบียมถั่วแดงหลวงและผลจากการใส่เชื้อไรโซเบียมถั่วแดงหลวงร่วมกับเชื้อแบคทีเรียละลายฟอสเฟตต่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรGenetic Diversity of Rhizobia Nodulating Phaseolus vulgaris and Effects of Co-inoculation with Rhizobia and Phosphate-Solubilizing Bacteria on Agricultural Product Improvement". มหาวิทยาลัยศิลปากร. 2555. Print.



TARR Wordcloud:
ความหลากหลายทางพันธุกรรมของเชื้อไรโซเบียมถั่วแดงหลวงและผลจากการใส่เชื้อไรโซเบียมถั่วแดงหลวงร่วมกับเชื้อแบคทีเรียละลายฟอสเฟตต่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
นีลวรรณ พงศ์ศิลป์
มหาวิทยาลัยศิลปากร
30 กันยายน 2555
ถั่วแดงแหล่งโปรตีนจากพืช การใช้เชื้อไรโซเบียมร่วมกับปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเพิ่มผลผลิตและโปรตีนในถั่วเหลือง ปฏิกริยาของเชื้อไรโซเบียมต่อถั่วเขียว 32 สายพันธุ์ การพัฒนารูปแบบของหัวเชื้อไรโซเบียม และกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพของหัวเชื้อไรโซเบียมในการแข่งขันเพื่อการเข้าสร้างปมกับพืชตระกูลถั่ว การผลิต Inulin และ Oligofructose จากกล้วยเพื่อใช้เป็นสารเสริมอาหาร การสำรวจปริมาณเชื้อไรโซเบียมถั่วลิสงในดินที่มีระบบการปลูกพืชที่ต่างกัน การยอมรับการใช้เชื้อไรโซเบียมของเกษตรกรที่ร่วมโครงการขยายเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง การประยุกต์ใช้แนวทางต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหัวเชื้อไรโซเบียมในการแข่งขันเพื่อเข้าสร้างปมกับพืชตระกูลถั่ว หลากหลายเมนู จากถั่ว
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair