สืบค้นงานวิจัย
ความต้องการของเกษตรกรที่จะปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร จังหวัดภูเก็ต
ชาลี สิตบุศย์ - กรมส่งเสริมการเกษตร
ชื่อเรื่อง: ความต้องการของเกษตรกรที่จะปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร จังหวัดภูเก็ต
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ชาลี สิตบุศย์
บทคัดย่อ: การศึกษาความต้องการของเกษตรกรที่จะปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพพื้นฐานบางประการและข้อมูลการผลิตทางการเกษตรกรที่ประกอบอาชีพทำนาในจังหวัดภูเก็ตที่จะปรับโครงสร้งและระบบการผลิตการเกษตรโดยการสัมภาษณ์เกษตรกรที่ทำนาในพื้นที่นาของตนเองปี 2539 ในอำเภอถลาง จำนวน 66 ราย ซึ่งคัดเลือกโดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) จับฉลากจากเกษตรกรทั้งหมดที่ทำนาในพื้นที่นาของตนเอง จำนวน 101 ราย ผลการศึกษาพบว่าเกษตรกรที่ทำนาอายุเฉลี่ย 50.92 ปี ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ จบการศึกษาในระดับประถมศึกษา มีสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 5.06 คน เป็นแรงงานที่ทำการเกษครกร 2.27 คน ทำสวนยางพาราเป็นอาชีพหลักและทำนาเป็นอาชีพรอง มีรายได้เฉลี่ย 76,046.11 บาทต่อปีต่อครัวเรือน มีพื้นที่ทำการเกษตรเป็นของตนเองเฉลี่ย 9.97 ไร่ต่อครัวเรือน มีพื้นที่นาเป็นของตนเองเฉลี่ย 4.90 ไร่ ต่อครัวเรือนมีรายได้จากการทำนาเฉลี่ย 13,810.48 บาทต่อครัวเรือนโดยได้ผลผลิตข้าวเฉลี่ย 442.11 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งผลผลิตข้าวส่วนใหญ่ใช้บริโภคในครัวเรือน พื้นที่นาเกือบครึ่งมีสภาพเป็นที่ดอน ที่เหลือเป็นที่ราบและที่ลุ่มมีเกษตรกรเป็นส่วนน้อยที่ทำนาเพียงบางส่วนของพื้นที่นาและให้ผู้อื่นเช่าทำนาหรือปล่อยว่างไว้ สาเหตุเนื่องจากพื้นที่นาไม่เหมาะสมและขาดแรงงาน พันธุ์ข้าวที่ใช้ปลูกเป็นพันธุ์พื้นเมืองมากกว่าพันธุ์ส่งเสริม การทำนาใช้แรงงานในครัวเรือนและแรงงานจ้างเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปัญหาด้านแรงงานเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดในการทำนาของเกษตรกร เกษตรกรส่วนใหญ่ร้อยละ 75.8 เคยได้รับรู้เรื่องการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรมาก่อน โดยรู้มาจากวิทยุและโทรทัศน์ และเกษตรกรครึ่งหนึ่ง หรือ ร้อยละ 50 เชื่อว่าการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรจะทำให้ได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการทำนา เกษตรกรส่วนใหญ่ร้อยละ 69.7 ไม่ต้องการที่จะปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรกเนื่องจากพอใจกับผลตอบแทนที่ไ้รับจากการทำนาและไม่มั่นใจต่อผลตอบแทนที่จะได้รับจากการปรับโครงสร้างสำหรับเกษตรกรที่ต้องการที่จะปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรมีเพียงร้อยละ 30.3 ต้องการที่จะปรับโครงสร้างเนื่องจากพื้นที่นาไม่เหมาะสมและต้องการผลตอบแทนสูงกว่าการทำนา ส่วนใหญ่จะเลือกปรับโครงสร้างเป็นไร่นาสวนผสมรองลงมาเป็นปศุสัตว์ ไม้ผล และพืชผัก เกษตรกรที่ไม่ต้องการที่จะปรับโครงสา้างและระบบการผลิตการเกษตรส่วนใหญ่ร้อยละ 71.7 ต้องการทำนาต่อไปโดยไม่ขายพื้นที่นาให้แก่ผู้อื่น และมีเกษตรกรร้อยละ 26.1 ต้องการที่จะขายพื้นที่นาให้แก่ผู้อื่นถ้าได้ราคาสูงเป็นที่พอใจและมีเพียงส่วนน้อยที่จะปรับเปลี่ยนเป็นสิ่งก่อสร้าง อาคาร หรือ ที่จัดสรร
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมส่งเสริมการเกษตร
คำสำคัญ: จังหวัดภูเก็ต
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมส่งเสริมการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ความต้องการของเกษตรกรที่จะปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร จังหวัดภูเก็ต
กรมส่งเสริมการเกษตร
2540
การศึกษาความคิดเห็นของเกษตรกรต่อผลของการดำเนินงานโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) ของอำเภอบางบ่อง จังหวัดสมุทรปราการ การศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อทัศนคติในการเข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรในเขตพื้นที่นาไม่เหมาะสมของเกษตรกรจังหวัดลพบุรี การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของเกษตรกรต่อโครงการปรับโครงสร้างและระบบการเกษตรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การวัดผลสัมฤทธิ์โครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรปี 2537 จังหวัดร้อยเอ็ด ผลสัมฤทธิ์โครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร ระยะที่ 1 จังหวัดปราจีนบุรี ปี 2537-2539 ความต้องการฝึกอบรมด้านการเกษตรของเกษตรกรอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี การวิเคราะห์ประสิทธิภาพการผลิตกาแฟของเกษตรกรตามโครงการปรับโครงสร้างสินค้ากาแฟแบบครบวงจร การปรับวิธีการเลี้ยงของเกษตรกรเพื่อยกระดับการผลิตไก่พื้นเมือง การศึกษาความคิดเห็นของเกษตรกรต่อผลของการดำเนินงานโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) ของอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ สภาพการผลิตและการตลาดพืชผักของเกษตรกรจังหวัดภูเก็ต
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก