สืบค้นงานวิจัย
การสกัดน้ำมันรำข้าวดิบและกรดไขมันอิสระที่ตกค้างจากกากดินฟอกสีโดยการใช้สารลดแรงตึงผิวชนิดไมโครอิมัลชั่น เพื่อนำน้ำมันรำข้าวและดินฟอกสีกลับมาใช้ประโยชน์
นวลกมล อาภรณ์พงษ์ - มหาวิทยาลัยนเรศวร
ชื่อเรื่อง: การสกัดน้ำมันรำข้าวดิบและกรดไขมันอิสระที่ตกค้างจากกากดินฟอกสีโดยการใช้สารลดแรงตึงผิวชนิดไมโครอิมัลชั่น เพื่อนำน้ำมันรำข้าวและดินฟอกสีกลับมาใช้ประโยชน์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นวลกมล อาภรณ์พงษ์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Noulkamol Arpornpong
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสูตรสารสกัดไมโครอิมัลชั่นที่มีสารลดแรงตึงผิวชนิดไม่มีประจุเป็นองค์ประกอบหลักเพื่อใช้ในการสกัดน้ำมันรำข้าวดิบที่ตกค้างในกากดินฟอกสี (Spent bleaching earth, SBE) จากอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันรำข้าว และทำการศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดน้ำมัน ได้แก่ อัตราส่วนกากดินฟอกสีต่อสารสกัด (Solid/Liquid ratio) และระยะเวลาการสกัด (Extraction time) เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันรำข้าวดิบสูงสุด ผลการศึกษาพบว่า การสกัดน้ำมันรำข้าวดิบโดยใช้สารละลายสารลดแรงตึงผิวชนิด Dehydol LS3TH ที่ความเข้มข้นร้อยละ 10 โดยปริมาตร ร่วมกับสารละลายโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) เข้มข้นร้อยละ 15 โดยน้ำหนัก นำมาใช้สกัดน้ำมันรำข้าวดิบจากกากดินฟอกสีที่อัตราส่วนระหว่างกากดินฟอกสีต่อสารสกัด 1:2 กรัมต่อมิลลิลิตร ใช้ระยะเวลาการสกัด 30 นาที จะสามารถสกัดน้ำมันรำข้าวดิบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดร้อยละ 71.38±1.75 นอกจากนี้ จากการศึกษาลักษณะทางกายภาพเคมีของน้ำมันที่สกัดได้ เช่น ค่าความหนืดเชิงจนลศาสตร์ (Kinematic viscosity) ค่าความหนาแน่น (Density) และปริมาณกรดไขมันอิสระ (Free fatty acid) พบว่า น้ำมันรำข้าวดิบที่สกัดได้จากกากดินฟอกสีด้วยสารสกัดไมโครอิมัลชั่น มีค่าความหนืดเชิงจนลศาสตร์เท่ากับ 44.55±0.05 ตร.มม./วินาที ค่าความหนาแน่นเท่ากับ 0.96 กรัม/มิลลิลิตร และกรดไขมันอิสระมีค่าเท่ากับร้อยละ 4.66±0.13 จากผลการศึกษาสามารถสรุปได้ว่า การสกัดโดยใช้เทคนิคไมโครอิมัลชั่นด้วยสารละลายสารลดแรงตึงผิว มีประสิทธิภาพและคุณภาพนน้ำมันใกล้เคียงกับเทคนิคการสกัดโดยใช้สารละลายเฮกเซน
บทคัดย่อ (EN): This research aims to formulate a microemulsion-based washing agent containing a nonionic surfactant for the removal of residual rice bran oil from spent bleaching earth (SBE) in refining oil industry. The optimum conditions including the Solid/Liquid ratio (S/L ratio) and the extraction time were evaluated in this study. The results showed that the optimum formulation in this study was 10% vol. Dehydol LS3TH and 15% wt. NaCl at the solid/liquid ratio of 1:2 (g/mL), and 30 min extraction time, provided the highest total oil extraction efficiency up to 71.38±1.75 %. For the physico-chemical properties of the extracted oil, it was found that the extracted oil properties from the microemulsion-based washing agent in terms of kinematic viscosity, density and free fatty acid were 44.55±0.05 mm2/sec, 0.96 g/mL, and 4.66±0.13 %, respectively. In summary, it could be concluded that the extraction using the microemulsion-based washing agent had the efficiency and oil properties comparable well with that using the hexane.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยนเรศวร
คำสำคัญ: การนำของเสียมาใช้ประโยชน์
คำสำคัญ (EN): Waste utilization
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยนเรศวร
รายละเอียด: 1)เพื่อศึกษาและรวบรวมข้อมูลเทคโนโลยีการสกัดน้ำมันพืชจากกากดินฟอกสีใช้แล้วในปัจจุบัน และเปรียบเทียบกับเทคโนโลยีการสกัดด้วยการใช้สารลดแรงตึงผิว 2)เพื่อวิเคราะห์ปริมาณและคุณสมบัติเบื้องต้นของน้ำมันรำข้าวดิบที่ตกค้างในกากดินฟอกสีใช้แล้ว 3)เพื่อศึกษาสภาวะและเงื่อนไขของการสกัดน้ำมันรำข้าวด้วยเทคโนโลยีไมโครอิมัลชั่นโดยการใช้สารลดแรงตึงผิว เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันสูงสุด 4)เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำน้ำมันพืชที่สกัดได้และกากดินฟอกสีที่ผ่านการบำบัดแล้วมาใช้ประโยชน์ เช่น การนำกลับมาใช้ซ้ำในกระบวนการผลิต การนำน้ำมันมาใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือก หรือการนำกากดินฟอกสีใช้แล้วมาเป็นวัสดุปรับปรุงดิน เป็นต้น เพื่อก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากกากของเสียอุตสาหกรรมทางการเกษตรให้สูงสุด 5)เพื่อศึกษาความเหมาะสมด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐศาสตร์ ของเทคโนโลยีการสกัดน้ำมันรำข้าวโดยใช้สารลดแรงตึงผิวจากกากดินฟอกสี
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การสกัดน้ำมันรำข้าวดิบและกรดไขมันอิสระที่ตกค้างจากกากดินฟอกสีโดยการใช้สารลดแรงตึงผิวชนิดไมโครอิมัลชั่น เพื่อนำน้ำมันรำข้าวและดินฟอกสีกลับมาใช้ประโยชน์
มหาวิทยาลัยนเรศวร
31 มีนาคม 2560
ผลของการใช้รำ เดือยทดแทนรำ ข้าวในอาหารต่อสมรรถนะ การเจริญเติบโตของไก่เนื้อ ผลของความร้อนต่อคุณภาพการสี คุณสมบัติทางเคมี กายภาพ และสารต้านอนุมูลอิสระของข้าวใหม่ที่ปลูกแบบนาขั้นบันได ในจังหวัดพิษณุโลก ผลของการใช้แบคทีเรียละลายฟอสเฟตในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของข้าวในสภาพแอโรบิก การศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพชนิดไมโครอิมัลชั่นจากน้ำมันตกค้างในของเหลือทิ้งจากกระบวนการทำน้ำมันพืชบริสุทธิ์ด้วยเทคนิคไมโครอิมัลชั่น ผลของการจัดการปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินต่อผลผลิตและประสิทธิภาพการใช้ธาตุไนโตรเจนจากปุ๋ยของข้าวสุพรรณบุรี 1 ที่ปลูกในชุดดินวัฒนา การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเพื่อเพิ่มปริมาณแป้งทนต่อการย่อยด้วยเอนไซม์ โดยใช้เครื่องหมายโมเลกุลช่วยในการคัดเลือก ผลของการใช้ปุ๋ยแคลเซียมซิลิเกตต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตข้าวพันธุ์ปทุมธานี 80 ในดินเค็ม ผลของการใช้ปุ๋ยหมักร่วมกับการจัดการธาตุอาหารเฉพาะพื้นที่ต่อการเจริญเติบโต และผลผลิตข้าวพันธุ์ปทุมธานีในชุดดินสรรพยา ผลจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ อิทธิพลของสารปรับปรุงดินที่มีผลต่อคุณสมบัติทางเคมีบางประการของดิน (pH) และการเพิ่มผลผลิตพืช
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก