สืบค้นงานวิจัย
การแพร่กระจายของแมงกานิสและทองแดงในไร่องุ่นที่มีระบบการจัดการเกษตรที่ดี กรณีศึกษา : ไร่
Sunthararat Saktong - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การแพร่กระจายของแมงกานิสและทองแดงในไร่องุ่นที่มีระบบการจัดการเกษตรที่ดี กรณีศึกษา : ไร่
ชื่อเรื่อง (EN): Distribution of manganese and copper in GAPs vineyard and its potential environmental risk : a case study at vineyard in Pak Chong district, Nakhonratchasima province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Sunthararat Saktong
บทคัดย่อ: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อน และการแพร่กระจายของโลหะหนักในสิ่งแวดล้อม จากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และวัสดุปรับปรุงดินในพื้นที่เกษตรกรรม กรณีศึกษาไร่องุ่น อำเภอปากช่อง จังหวัด นครราชสีมา ซึ่งดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรด้วยระบบการจัดการเกษตรที่ดี (Good agricultural practices-GAPs) โลหะหนักที่ศึกษาได้แก่ แมงกานีสและทองแดง ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในปุ๋ยและสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ใช้ใน ไร่องุ่นนี้ โดยเน้นการปนเปื้อนในดิน ตะกอนดิน และผลผลิตทางการเกษตร (ผลองุ่น) ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental potential risks) ของโลหะนี้ถูกประเมินโดยใช้สมการ Hazard Quotient (HQ) และมีการตรวจสอบ ปริมาณโลหะทั้งสองที่สะสมในเนื้อเยื่อของผลองุ่นในพื้นที่ศึกษาด้วย ในดินของไร่องุ่นที่ทำการศึกษา พบว่ามีปริมาณแมงกานีสและทองแดงอยู่ในช่วง 1,029 ถึง 3,578 มก./กก. และ 28 ถึง 83 มก./กก. ตามลำดับ ซึ่งมีค่าสูงเมื่อเปรียบเทียบกับดินในพื้นที่ศึกษาที่มิได้มีการปนเปื้อนและค่า มาตรฐานโลหะหนักในดิน และเมื่อเปรียบเทียบปริมาณโลหะทั้งสองชนิดในดินและผลองุ่น พบว่าไม่มีความสัมพันธ์ กัน โดยปริมาณแมงกานีสและทองแดงที่สะสมในเนื้อเยื่อองุ่นมีค่าต่ำที่ระดับความเข้มข้น 0.79 ถึง 3.82 มก./กก. และ 0.39 ถึง 1.82 มก./กก. ตามลำดับ ทั้งนี้เนื่องจากลักษณะทางกายภาพและเคมีของดินทำให้โลหะอยู่ในรูปที่ไม่ละลาย และรากพืชไม่สามารถนำไปใช้ได้ และเมื่อพิจารณาตะกอนดินซึ่งเป็นแหล่งสะสมของสารมลพิษจากการชะละลาย ของหน้าดิน พบว่าตะกอนดินภายในพื้นที่ศึกษามีปริมาณแมงกานีสและทองแดง 526 ถึง 4,490 มก./กก. และ 21 ถึง 36 มก./กก. ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าตะกอนดินในลำธารสาธารณะและค่ามาตรฐานโลหะหนักในตะกอนดิน เมื่อ วิเคราะห์การกระจายตัวของโลหะทั้งสองในตะกอนดินในระยะทาง 1 กิโลเมตรจากไร่องุ่น พบว่าโลหะหนักทั้งสอง นั้นมีการกระจายตัวต่ำและสิ้นสุดที่ระยะทางไม่เกิน 500 เมตรจากไร่องุ่น โดยอธิบายได้จากลักษณะทางกายภาพและ เคมีของตะกอนดินในพื้นที่ศึกษา ซึ่งมีความสามารถในการยึดจับกับโลหะได้เป็นอย่างดี ทำให้โลหะทั้งสองชนิดตก สะสมในตะกอนดินในไร่องุ่นและกระจายได้ไม่ไกลจากพื้นที่ศึกษา การศึกษานี้สรุปได้ว่า การสะสมของแมงกานีสและทองแดงในดินและตะกอนดินมีค่าเกินมาตรฐาน (HQ>1) แสดงว่าระบบนิเวศในพื้นที่ศึกษามีความเสี่ยงจากการทำไร่องุ่น ซึ่งปริมาณแมงกานีสและทองแดงมีค่ามากขึ้นเมื่อ ดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อย่างไรก็ตามแมงกานีสและทองแดงในสิ่งแวดล้อมของ พื้นที่ศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในรูปที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถนำไปใช้ได้ เนื่องจากลักษณะของดินและตะกอนดินในพื้นที่ที่ ศึกษา ทำให้แมงกานีสและทองแดงไม่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต
บทคัดย่อ (EN): A study on manganese (Mn) and copper (Cu) distribution in the environment from the application of agrochemical was performed on a Good Agricultural Practices (GAPs) vineyard located in Pak Chong District, Nakhonratchasima Province, Thailand. The investigation was conducted on a contamination of these pollutants on environmental compartments focusing on surface soil, sediment and grape fruit grown in the study area. Potential environmental risks were evaluated using hazard quotient equation (HQ), and bioaccumulation in grape was also investigated. In the vineyard soil, Mn content ranged from 1,029 to 3,578 mg/kg dw whereas Cu content ranged from 28 to 83 mg/kg dw and was elevated above background levels and soil quality standards (metals in soil had no correlation with metals in grape fruit). In addition, low bioaccumulation of Mn and Cu in grape fruit resulted from the bioavailable form of Mn and Cu. The concentrations in grape ranged from 0.79 to 3.82 mg/kg ww and 0.39 to 1.82 mg/kg ww, respectively. For sediment in the drainage system of the vineyard, Mn and Cu contents ranged from 526 to 4,490 mg/kg dw and 21 to 36 mg/kg dw, respectively, and was elevated above background levels and sediment quality standards. The pollutants could be leached or washed out from surface soil and transported to the aquatic track. Distribution of pollutants was investigated in the sediment of the receiving reservoir of the vineyard as well as the outlet that flows directly into the public stream about 1 km from the study area. The results showed that Mn and Cu were distributed not far from the contaminated site within a distance of 500 m from the study area. It can be concluded that sediment of vineyard had a high capability for retention of metals in sediment compartments, therefore these two heavy metals might be preferably accumulated in sediment in the aquatic track in the study area, than distributed far from the vineyard. It can be concluded that the accumulation of Mn and Cu in soil and sediment compartments were elevated greater than the standards (HQ>1) and indicated the ecological risks at the site from viticultural activities. The pollutants exist at a high concentration as viticultural activities have operated for long period of time. However, Mn and Cu exist in the environment largely in the non bioavailable form, which is influenced by site characteristics of soil and sediment. It had no toxic effects on living organisms
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=886&obj_id=446
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Field experiments
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อน และการแพร่กระจายของโลหะหนักในสิ่งแวดล้อม จากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และวัสดุปรับปรุงดินในพื้นที่เกษตรกรรม กรณีศึกษาไร่องุ่น อำเภอปากช่อง จังหวัด นครราชสีมา ซึ่งดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรด้วยระบบการจัดการเกษตรที่ดี (Good agricultural practices-GAPs) โลหะหนักที่ศึกษาได้แก่ แมงกานีสและทองแดง ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในปุ๋ยและสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ใช้ใน ไร่องุ่นนี้ โดยเน้นการปนเปื้อนในดิน ตะกอนดิน และผลผลิตทางการเกษตร (ผลองุ่น) ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental potential risks) ของโลหะนี้ถูกประเมินโดยใช้สมการ Hazard Quotient (HQ) และมีการตรวจสอบ ปริมาณโลหะทั้งสองที่สะสมในเนื้อเยื่อของผลองุ่นในพื้นที่ศึกษาด้วย ในดินของไร่องุ่นที่ทำการศึกษา พบว่ามีปริมาณแมงกานีสและทองแดงอยู่ในช่วง 1,029 ถึง 3,578 มก./กก. และ 28 ถึง 83 มก./กก. ตามลำดับ ซึ่งมีค่าสูงเมื่อเปรียบเทียบกับดินในพื้นที่ศึกษาที่มิได้มีการปนเปื้อนและค่า มาตรฐานโลหะหนักในดิน และเมื่อเปรียบเทียบปริมาณโลหะทั้งสองชนิดในดินและผลองุ่น พบว่าไม่มีความสัมพันธ์ กัน โดยปริมาณแมงกานีสและทองแดงที่สะสมในเนื้อเยื่อองุ่นมีค่าต่ำที่ระดับความเข้มข้น 0.79 ถึง 3.82 มก./กก. และ 0.39 ถึง 1.82 มก./กก. ตามลำดับ ทั้งนี้เนื่องจากลักษณะทางกายภาพและเคมีของดินทำให้โลหะอยู่ในรูปที่ไม่ละลาย และรากพืชไม่สามารถนำไปใช้ได้ และเมื่อพิจารณาตะกอนดินซึ่งเป็นแหล่งสะสมของสารมลพิษจากการชะละลาย ของหน้าดิน พบว่าตะกอนดินภายในพื้นที่ศึกษามีปริมาณแมงกานีสและทองแดง 526 ถึง 4,490 มก./กก. และ 21 ถึง 36 มก./กก. ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าตะกอนดินในลำธารสาธารณะและค่ามาตรฐานโลหะหนักในตะกอนดิน เมื่อ วิเคราะห์การกระจายตัวของโลหะทั้งสองในตะกอนดินในระยะทาง 1 กิโลเมตรจากไร่องุ่น พบว่าโลหะหนักทั้งสอง นั้นมีการกระจายตัวต่ำและสิ้นสุดที่ระยะทางไม่เกิน 500 เมตรจากไร่องุ่น โดยอธิบายได้จากลักษณะทางกายภาพและ เคมีของตะกอนดินในพื้นที่ศึกษา ซึ่งมีความสามารถในการยึดจับกับโลหะได้เป็นอย่างดี ทำให้โลหะทั้งสองชนิดตก สะสมในตะกอนดินในไร่องุ่นและกระจายได้ไม่ไกลจากพื้นที่ศึกษา การศึกษานี้สรุปได้ว่า การสะสมของแมงกานีสและทองแดงในดินและตะกอนดินมีค่าเกินมาตรฐาน (HQ>1) แสดงว่าระบบนิเวศในพื้นที่ศึกษามีความเสี่ยงจากการทำไร่องุ่น ซึ่งปริมาณแมงกานีสและทองแดงมีค่ามากขึ้นเมื่อ ดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อย่างไรก็ตามแมงกานีสและทองแดงในสิ่งแวดล้อมของ พื้นที่ศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในรูปที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถนำไปใช้ได้ เนื่องจากลักษณะของดินและตะกอนดินในพื้นที่ที่ ศึกษา ทำให้แมงกานีสและทองแดงไม่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การแพร่กระจายของแมงกานิสและทองแดงในไร่องุ่นที่มีระบบการจัดการเกษตรที่ดี กรณีศึกษา : ไร่
Sunthararat Saktong
มหาวิทยาลัยมหิดล
2551
สมรรถนะของระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ แบบต่อตรงจากแหล่งน้ำผิวดินเพื่อการเกษตร : กรณีศึกษาไร่ทดลองการเกษตร โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปละหานทราย การพัฒนาโลจิสติกส์ธุรกิจค้าพืชไร่ของศรีโพธิ์การเกษตร การจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตร : กรณีศึกษา ตำบลบางรักน้อย จังหวัดนนทบุรี ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการและวางแผนการผลิต กรณีศึกษา ธุรกิจข้าวโพดฝักอ่อน การฟื้นสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินในระบบไร่หมุนเวียนบนที่สูง จังหวัดแม่ฮ่องสอน การหาค่าที่ดีที่สุดในเครือข่ายการกระจายสินค้าโดยพิจารณาเที่ยวเปล่าในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ทัศนคติของเกษตรกรในอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีต่อการทำเกษตรอินทรีย์ตามการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี การพัฒนาระบบการจัดการยานพาหนะของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลสำหรับงานศูนย์ภูมิภาคธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร ศึกษาการแพร่กระจายของเอนโดซัลแฟนในระบบนิเวศนาข้าวจำลองโดยใช้เทคนิคนิวเคลียร์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก