สืบค้นงานวิจัย
การวิจัยเพื่อการพัฒนาระบบการเกษตรชานเมืองอย่างยั่งยืนเพื่อการพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจของเกษตรกรในเขตฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร (ระยะที่ 1)
วาสนา มานิช - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ชื่อเรื่อง: การวิจัยเพื่อการพัฒนาระบบการเกษตรชานเมืองอย่างยั่งยืนเพื่อการพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจของเกษตรกรในเขตฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร (ระยะที่ 1)
ชื่อเรื่อง (EN): Research for development of sustainable peri-urban agriculture system for economic self-reliance agriculturist in ThonBuri zone, Bangkok (Phase 1)
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: วาสนา มานิช
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): WASANA MANISH
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การวิจัยเพื่อการพัฒนาระบบการเกษตรอย่างยั่งยืนเพื่อการพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจของเกษตรกรในเขตชานเมืองฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร (ระยะที่ 1) มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาระบบการผลิตของสวนผสมผสาน การศึกษาด้านคุณสมบัติดินในแปลงสาธิตเพื่อความยั่งยืนของสวนผสมผสานตามระบบเกษตรดีที่เหมาะสม และการถ่ายทอดเทคโนโลยี การประชาสัมพันธ์ และการตลาด ให้กับเกษตรกรที่มีพื้นที่สวนอยู่ในเขตต่างๆ ได้แก่ ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ บางขุนเทียน จอมทอง และบางบอน ของกรุงเทพมหานคร โดยแบ่งงานวิจัยออกเป็น 3 ส่วน รายละเอียดเป็นดังนี้ ส่วนที่ 1 ลักษณะการทำสวนผสมผสานของเกษตรกรและภาวะเศรษฐกิจ สำรวจข้อมูลด้วยแบบสัมภาษณ์ จำนวน 250 ครัวเรือน ผลเป็นดังนี้ ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเพศชายและจบการศึกษาระดับประถมศึกษา อายุเฉลี่ย 56.13 ปี เกษตรกรมีพื้นที่ทำสวนเฉลี่ย 7.79 ไร่ ประสบการณ์เฉลี่ย 20.55 ปี เกษตรกรส่วนใหญ่เช่าพื้นที่ทำสวน และอาศัยแรงงานในครอบครัวเป็นหลัก เกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตของสวนประมาณ 70,000 บาท/ปี ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มพึ่งตนเองไม่ได้ เมื่อพิจารณาการพึ่งตนเองด้านระบบการผลิตทางเกษตร 5 ขั้นตอน ได้แก่ แหล่งกล้าพันธุ์ การบำรุงดิน แหล่งน้ำ การบำรุงดูแลรักษาและการป้องกันกำจัดศัตรูพืช และการซ่อมแซมอุปกรณ์ พบว่าเกษตรกร 4 เขต คือ ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ บางขุนเทียน และบางบอน จัดอยู่ในกลุ่มพึ่งตนเองไม่ได้ สำหรับการจัดการปัญหาจากการทำสวนผสมผสาน เกษตรกรนิยมปรึกษาเพื่อนเกษตรกรบ้านใกล้เคียง/เกษตรกรที่รู้จัก โดยปัญหาที่สำคัญ คือ ด้านการจัดการศัตรูพืช โรค และแมลง อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงความรู้ทัศนคติต่อระบบเกษตรดีที่เหมาะสม พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่รู้จักและไม่เคยเข้ารับการอบรมระบบการเกษตรฯ อีกทั้งขาดการติดต่อจากเจ้าหน้าที่การเกษตร ส่วนที่ 2 การจัดทำแปลงสาธิตสวนผสมผสานอย่างยั่งยืนตามระบบเกษตรดีที่เหมาะสม จำนวน 8 แห่ง ผลการวิจัยเป็นดังนี้ คุณสมบัติของตัวอย่างดินก่อนดำเนินงานวิจัย คือ 1) ค่าความเป็นกรด-ด่าง มีค่าระหว่าง 3.8-6.0 อยู่ในระดับกรดรุนแรงมาก ถึง กรดอ่อน 2) ปริมาณอินทรียวัตถุ มีค่าระหว่าง 1.78-4.66 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในระดับปานกลาง ถึง สูง 3) ค่าการนำไฟฟ้า มีค่าระหว่าง 0.57-2.06 dS/m อยู่ในระดับไม่เค็ม ถึง เค็มเล็กน้อย 4) ปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด มีค่าระหว่าง 0.13-0.42 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในระดับสูง ถึง สูงมาก 5) ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ มีค่าระหว่าง 9-181 ppm อยู่ในระดับต่ำ ถึง สูงมาก และ 6) ปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ มีค่าระหว่าง 120-580 ppm อยู่ในระดับสูง ถึง สูงมาก ส่วนที่ 3 การอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยี การประชาสัมพันธ์ และการตลาด ได้แก่ การผลิตปุ๋ยหมัก การทำสารสกัดสมุนไพรป้องกันกำจัดโรคและแมลง การทำฮอร์โมนหน่อกล้วย การตอนกิ่ง ระบบเกษตรดีที่เหมาะสม การศึกษาดูงาน และการตลาด รวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง ผู้เข้าร่วมกิจกรรม 74 คน สรุปได้ว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่สามารถพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจและระบบการผลิตได้ ดังนั้นควรสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ประโยชน์ทรัพยากรในพื้นที่ โดยมีนักวิชาการเป็นผู้พิจารณาเทคโนโลยี/สารเคมี/พืชพันธุ์ใหม่ที่มีความเหมาะสม และลงมือปฏิบัติไปพร้อมกัน เพื่อพัฒนาทักษะเกษตรกรแต่ละราย อันจะนำไปสู่คุณภาพการผลิตที่ได้มาตรฐาน การสร้างรายได้/ลดรายจ่าย และการรักษาสภาพแวดล้อมของเขตชานเมือง
บทคัดย่อ (EN): This research was conducted for the development of sustainable peri-urban agriculture system for economic self-reliance agriculturist in ThonBuri zone, Bangkok (phase I). The study was divided into 3 parts. The production system of mixed orchard, the properties of soil in demonstration sites for sustainable mixed orchard with good agricultural practice (GAP), and the workshop of technology transfer, public relation, and marketing. Research participants comprise the agriculturists who live in Thung Khru, Rat Burana, Bang Khun Thian, Chom Thong, and Bang Bon of Bangkok. Firstly, the interviews with participants from 250 households were conducted to explore the status of current mixed orchard production system. The demography of participants’ shows that majority of respondents are male; average age is 56.13 years old and graduated from primary schools. The average of cultivated area is 7.79 rai, and working experience was 20.55 years. More than 50% of agriculturist lease the land for cultivation, and do the farm on their own. With respect to the economical aspect, the average income due to selling agricultural products is 70,000 baht per year that most participants cannot become self-reliance. The orchard production comprises 5 tasks namely such as plant/seed resource, soil improvement, water supply, pest management, and tool’s maintenance: can form agriculturist in 4 districts (Thung Khru, Rat Burana, Bang Khun Thian, and Bang Bon) into non self-reliance. The management of problem in mixed orchard was consult with neighboring or well agriculturist. The major problem was pest management. The result of attitude and awareness of GAP study were, neither of not know or training of GAP, and never take connection from agricultural government officer. Secondly, the study of the properties of soil in the demonstration sites was conducted over 8 orchards. The results show as follow; 1) pH was 3.8-6.0, extremely acid to slightly acid level. 2) Amount of organic matter was 1.78-4.66%, medium and high level. 3) Electrical conductivity was 0.57-2.06 dS/m, non salty to slightly salty soil. 4) The amount of total nitrogen was 0.13-0.42%, high and very high level. 5) Available phosphorus was 9-181 ppm, low and very high level. And 6) available potassium was 120-580 ppm, high and very high level. The last part is the organizing workshops to transfer technology, and enhance experience in product promotion and marketing. A 7 workshop comprise compost production, herbal extraction for pest control, banana shoot hormone, grafting, GAP, observing activities, and marketing while a total of 74 attended the workshops. It can be concluded that most agriculturists cannot self-reliance in economic and production system. So it should be support them in utilization of local natural resource. And the academician should be considering and practicing of appropriate technology or chemical or new plant variety in the meantime. In order to agriculturist’s skill shifting, increasing income and decreasing charge, and conservation of peri-urban environment.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
คำสำคัญ: กรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ (EN): peri-urban agriculturist
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิจัยเพื่อการพัฒนาระบบการเกษตรชานเมืองอย่างยั่งยืนเพื่อการพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจของเกษตรกรในเขตฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร (ระยะที่ 1)
วาสนา มานิช
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
30 กันยายน 2555
การวิจัยเพื่อการพัฒนาระบบการเกษตรชานเมืองอย่างยั่งยืนเพื่อการพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจของเกษตรกรในเขตฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร (ระยะที่ 2) การพัฒนาโครงร่างการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน : เอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการ แบบหล่อคอนกรีตจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์เปรี้ยวแดง (Begonia alicida C. B. Clarke) อย่างยั่งยืน การวิจัยและพัฒนากั้งตั๊กแตนเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ การส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตข้าว เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การใช้เทคโนโลยีการปลูกมะม่วงของเกษตรกรในเขตกรุงเทพมหานคร ปัจจัยที่มีผลต่อการชำระหนี้ของเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. สนจ.พะเยา การวิจัยและพัฒนาศักยภาพการพึ่งตนเองของชุมชนด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ปัญหาและความต้องการได้รับความรู้เรื่องการใช้สารกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัยต่อตนเองและสิ่งแวดล้อมของเกษตรกร : ศึกษาเฉพาะกรณีเขตชานเมืองกรุงเทพมหานคร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก