สืบค้นงานวิจัย
การผลิตไบโอดีเซลจากสาหร่ายน้ำจืดขนาดเล็ก Botryococcus sp. ที่แยกได้จากประเทศไทย
เดือนรัตน์ ชลอุดมกุล - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การผลิตไบโอดีเซลจากสาหร่ายน้ำจืดขนาดเล็ก Botryococcus sp. ที่แยกได้จากประเทศไทย
ชื่อเรื่อง (EN): Biodesel production from freshwater microalgae Botryococcus sp. isolated in Thailand
บทคัดย่อ: จากการเก็บตัวอย่างน้ำจืดในแหล่งน้ำต่าง ๆ ของประเทศไทย รวมทั้งหมด 21 จังหวัด จำนวน 90 ตัวอย่าง พบว่า มีสาหร่าย Botryococcus spp. อยู่ 74 ตัวอย่าง กระจายอยู่ในทุกภาคของประเทศ ซึ่งน้ำที่ทำการเก็บตัวอย่าง จะมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 26.2 – 34.7 ?C pH 5.9 – 9.35 ความเค็ม 0 – 3 ppt และ conductivity 0.033 – 4.090 ms/cm โดยสามารถแยก Botryococcus spp. ให้ได้สาหร่ายเพียงชนิดเดียว จำนวน 155 ไอโซเลต จากการคัดเลือกขั้นต้นเพื่อหาสายพันธุ์ที่มีการสะสมไฮโดรคาร์บอนภายในเซลล์จำนวน 94 ไอโซเลต พบว่า มีสายพันธุ์ที่ไม่สร้างไฮโดรคาร์บอน 42 ไอโซเลต และสร้างไฮโดรคาร์บอน 52 ไอโซเลต โดยสร้างในปริมาณน้อย 15 ไอโซเลต ในปริมาณปานกลาง 24 ไอโซเลต และในปริมาณมาก 13 ไอโซเลต ในการคัดเลือกขั้นที่สอง จำนวน 8 ไอโซเลต พบว่า Botryococcus sp. B12-1 มีการสะสมไฮโดรคาร์บอนสูงสุด รองมาคือ J1-4 มีปริมาณไฮโดรคาร์บอน 45.41% และ 42.30% ของน้ำหนักเซลล์แห้ง แต่ทั้งสองไอโซเลตได้สูญเสียไปในระหว่างเกิดมหาอุทกภัยในปี พ.ศ. 2554 จึงได้นำไอโซเลต J4-1 ซึ่งเหลือรอดอยู่และผลิตไฮโดรคาร์บอนได้ 32.99 % ของน้ำหนักเซลล์แห้ง มาเป็นตัวแทนในการศึกษาต่อไป โดยทำการศึกษาหาสูตรอาหารเลี้ยงเชื้อ ความเข้มแสง ระยะเวลาในการให้แสง และอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญและการผลิตไฮโดรคาร์บอน พบว่า Botryococcus sp. J4-1 จะเจริญได้ดีที่สุดและผลิตไฮโดรคาร์บอนได้สูงสุดในอาหาร AF-6 มีน้ำหนักเซลล์แห้ง 2.324 กรัมต่อลิตร ผลิตไฮโดรคาร์บอนได้ 1,009 มิลลิกรัมต่อลิตร และมีปริมาณรวมของไฮโดรคาร์บอนทั้งหมด 43.42 % ของน้ำหนักเซลล์แห้ง ที่ระดับความเข้มแสง 5,600 lux ไอโซเลต J4-1 จะผลิตเซลล์ได้สูงสุด 2.85 กรัมต่อลิตร ผลิตไฮโดรคาร์บอนได้สูงสุด 1,030 มิลลิกรัมต่อลิตร มีปริมาณไฮโดรคาร์บอน 34.32 % ของน้ำหนักเซลล์แห้ง โดยระยะเวลาในการให้แสงที่ดีที่สุด คือ แสงสว่าง : มืด เท่ากับ 16 : 8 ชั่วโมง นอกจากนั้น Botryococcus sp. J4-1 ยังสามารถเจริญและทนต่ออุณหภูมิทดสอบได้ระหว่าง 20 – 30?C มีการเจริญสูงสุดที่อุณหภูมิ 28?C มีน้ำหนักเซลล์แห้ง 0.52 กรัมต่อลิตร ผลิตไฮโดรคาร์บอนได้ทั้งหมด 38.46 % ของน้ำหนักเซลล์แห้ง แต่ที่อุณหภูมิต่ำ 20?C สาหร่ายมีการเจริญต่ำกว่าแต่มีการสะสมไฮโดรคาร์บอนได้ในปริมาณสูงกว่าที่อุณหภูมิ 28?C โดยผลิตไฮโดรคาร์บอนได้ทั้งหมด 47.44 % ของน้ำหนักเซลล์แห้ง จากการเก็บตัวอย่างน้ำจืดในแหล่งน้ำต่าง ๆ ของประเทศไทย รวมทั้งหมด 21 จังหวัด จำนวน 90 ตัวอย่าง พบว่า มีสาหร่าย Botryococcus spp. อยู่ 74 ตัวอย่าง กระจายอยู่ในทุกภาคของประเทศ ซึ่งน้ำที่ทำการเก็บตัวอย่าง จะมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 26.2 – 34.7 ?C pH 5.9 – 9.35 ความเค็ม 0 – 3 ppt และ conductivity 0.033 – 4.090 ms/cm โดยสามารถแยก Botryococcus spp. ให้ได้สาหร่ายเพียงชนิดเดียว จำนวน 155 ไอโซเลต จากการคัดเลือกขั้นต้นเพื่อหาสายพันธุ์ที่มีการสะสมไฮโดรคาร์บอนภายในเซลล์จำนวน 94 ไอโซเลต พบว่า มีสายพันธุ์ที่ไม่สร้างไฮโดรคาร์บอน 42 ไอโซเลต และสร้างไฮโดรคาร์บอน 52 ไอโซเลต โดยสร้างในปริมาณน้อย 15 ไอโซเลต ในปริมาณปานกลาง 24 ไอโซเลต และในปริมาณมาก 13 ไอโซเลต ในการคัดเลือกขั้นที่สอง จำนวน 8 ไอโซเลต พบว่า Botryococcus sp. B12-1 มีการสะสมไฮโดรคาร์บอนสูงสุด รองมาคือ J1-4 มีปริมาณไฮโดรคาร์บอน 45.41% และ 42.30% ของน้ำหนักเซลล์แห้ง แต่ทั้งสองไอโซเลตได้สูญเสียไปในระหว่างเกิดมหาอุทกภัยในปี พ.ศ. 2554 จึงได้นำไอโซเลต J4-1 ซึ่งเหลือรอดอยู่และผลิตไฮโดรคาร์บอนได้ 32.99 % ของน้ำหนักเซลล์แห้ง มาเป็นตัวแทนในการศึกษาต่อไป โดยทำการศึกษาหาสูตรอาหารเลี้ยงเชื้อ ความเข้มแสง ระยะเวลาในการให้แสง และอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญและการผลิตไฮโดรคาร์บอน พบว่า Botryococcus sp. J4-1 จะเจริญได้ดีที่สุดและผลิตไฮโดรคาร์บอนได้สูงสุดในอาหาร AF-6 มีน้ำหนักเซลล์แห้ง 2.324 กรัมต่อลิตร ผลิตไฮโดรคาร์บอนได้ 1,009 มิลลิกรัมต่อลิตร และมีปริมาณรวมของไฮโดรคาร์บอนทั้งหมด 43.42 % ของน้ำหนักเซลล์แห้ง ที่ระดับความเข้มแสง 5,600 lux ไอโซเลต J4-1 จะผลิตเซลล์ได้สูงสุด 2.85 กรัมต่อลิตร ผลิตไฮโดรคาร์บอนได้สูงสุด 1,030 มิลลิกรัมต่อลิตร มีปริมาณไฮโดรคาร์บอน 34.32 % ของน้ำหนักเซลล์แห้ง โดยระยะเวลาในการให้แสงที่ดีที่สุด คือ แสงสว่าง : มืด เท่ากับ 16 : 8 ชั่วโมง นอกจากนั้น Botryococcus sp. J4-1 ยังสามารถเจริญและทนต่ออุณหภูมิทดสอบได้ระหว่าง 20 – 30?C มีการเจริญสูงสุดที่อุณหภูมิ 28?C มีน้ำหนักเซลล์แห้ง 0.52 กรัมต่อลิตร ผลิตไฮโดรคาร์บอนได้ทั้งหมด 38.46 % ของน้ำหนักเซลล์แห้ง แต่ที่อุณหภูมิต่ำ 20?C สาหร่ายมีการเจริญต่ำกว่าแต่มีการสะสมไฮโดรคาร์บอนได้ในปริมาณสูงกว่าที่อุณหภูมิ 28?C โดยผลิตไฮโดรคาร์บอนได้ทั้งหมด 47.44 % ของน้ำหนักเซลล์แห้ง
บทคัดย่อ (EN): Ninety freshwater samples were collected from 21 provinces of Thailand. Botryococcus spp. were observed in 74 samples distributed all over the country. Characteristics of water samples were temperature between 26.2 – 34.7 ?C, pH 5.9 – 9.35, salinity 0 – 3 ppt and conductivity 0.033 – 4.090 ms/cm. One hundred and fifty-five unialgal culture of Botryococcus spp. were isolated. Primary screening for strain with high hydrocarbon content from 94 isolates showed that 42 strains did not produce hydrocarbon. From 52 isolates that accumulated hydrocarbon 15 isolates had low hydrocarbon contents, 24 isolates had moderate levels and 13 isolates produced hydrocarbon in large quantity. Secondary screening form selected 8 isolates demonstrated that Botryococcus sp. B12-1 accumulated highest amount of hydrocarbon at 45.41 % of cell dry weight, followed by strain J1-4 at 42.30 %. Unfortunately, both strains were lost during the devasting flood in 2011. Therefore the isolate J4-1 that survived but produced only 32.99 % were chosen for further study. From seven media investigated, AF-6 medium yielded highest growth, hydrocarbon production and hydrocarbon contents of Botryococcus sp. J4-1 at 2.324 g/L of cell dry weight, 1,009 mg/L and 43.42 %, respectively. High light intensity at 5,600 lux further promoted growth, hydrocarbon production but lower hydrocarbon contents at 2.85 g/L, 1,030 mg/L, and 34.32 %, respectively. Photo period at 16 : 8 hours light : drak seemed to be appropriated. Botryococcus sp. J4-1 grew in the range of 20 – 30?C with optimal level at 28?C. At lower temperature (20?C) the alga had lower growth rate but higher hydrocarbon content at 47.44 % of cell dry weight. Ninety freshwater samples were collected from 21 provinces of Thailand. Botryococcus spp. were observed in 74 samples distributed all over the country. Characteristics of water samples were temperature between 26.2 – 34.7 ?C, pH 5.9 – 9.35, salinity 0 – 3 ppt and conductivity 0.033 – 4.090 ms/cm. One hundred and fifty-five unialgal culture of Botryococcus spp. were isolated. Primary screening for strain with high hydrocarbon content from 94 isolates showed that 42 strains did not produce hydrocarbon. From 52 isolates that accumulated hydrocarbon 15 isolates had low hydrocarbon contents, 24 isolates had moderate levels and 13 isolates produced hydrocarbon in large quantity. Secondary screening form selected 8 isolates demonstrated that Botryococcus sp. B12-1 accumulated highest amount of hydrocarbon at 45.41 % of cell dry weight, followed by strain J1-4 at 42.30 %. Unfortunately, both strains were lost during the devasting flood in 2011. Therefore the isolate J4-1 that survived but produced only 32.99 % were chosen for further study. From seven media investigated, AF-6 medium yielded highest growth, hydrocarbon production and hydrocarbon contents of Botryococcus sp. J4-1 at 2.324 g/L of cell dry weight, 1,009 mg/L and 43.42 %, respectively. High light intensity at 5,600 lux further promoted growth, hydrocarbon production but lower hydrocarbon contents at 2.85 g/L, 1,030 mg/L, and 34.32 %, respectively. Photo period at 16 : 8 hours light : drak seemed to be appropriated. Botryococcus sp. J4-1 grew in the range of 20 – 30?C with optimal level at 28?C. At lower temperature (20?C) the alga had lower growth rate but higher hydrocarbon content at 47.44 % of cell dry weight.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การผลิตไบโอดีเซลจากสาหร่ายน้ำจืดขนาดเล็ก Botryococcus sp. ที่แยกได้จากประเทศไทย
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2554
การศึกษาศักยภาพของสาหร่ายขนาดเล็กเพื่อการผลิตไบโอดีเซล การใช้เทคโนโลยีการตรึงเซลล์ในการแยกสาหร่ายขนาดเล็กในระหว่างการเพาะเลี้ยงเพื่อการสะสมน้ำมันและการผลิตไบโอดีเซล การเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนาดเล็กแบบมิกโซโทรฟิกเพื่อผลิตไบโอดีเซล การศึกษาการเจริญและการสะสมน้ำมันของสาหร่ายขนาดเล็กที่คัดแยกได้จากแหล่งน้ำจืดและทะเลสาบในภาคใต้ของประเทศไทยและการศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยงในน้ำทิ้งจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพื่อการผลิตไบโอดีเซ การเพาะเลี้ยงและการสกัดน้ำมันจากสาหร่ายขนาดเล็กเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลที่ยั่งยืน การใช้จุลินทรีย์ที่มีศักยภาพในการเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชีวภาพเพื่อผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันที่สกัดได้จากสาหร่ายขนาดเล็ก การเก็บเกี่ยวสาหร่ายขนาดเล็ก (Chlorella sp.) ด้วยการใช้ไฟฟ้า การผลิตไบโอดีเซลจากเมล็ดสำโรง ศึกษาการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจากสาหร่ายท้องถิ่นในแหล่งน้ำ จังหวัดสกลนคร การผลิตน้ำมันจากยีสต์ไขมันสูงโดยใช้กลีเซอรอลดิบจากโรงงานผลิตไบโอดีเซลและศักยภาพในการผลิตเป็นไบโอดีเซล
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก