สืบค้นงานวิจัย
การหาปริมาณน้ำมันและสารไฮโดรคาร์บอนจากพืชน้ำยางเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเหลว
Kamolrat Photi - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การหาปริมาณน้ำมันและสารไฮโดรคาร์บอนจากพืชน้ำยางเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเหลว
ชื่อเรื่อง (EN): Determination of oil and hydrocarbon from latex plants for liquid fuel
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Kamolrat Photi
บทคัดย่อ: วัตถุประสงค์ในการศึกษานี้เพื่อหาปริมาณน้ำมันและสารไฮโดรคาร์บอนจากพืชน้ำยางเพื่อใช้เป็น เชื้อเพลิงเหลว พืชที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ พืชที่ให้น้ำยาง 11 ชนิด ในวงศ์ Euphorbiaceae Asclepiadaceae Moraceae และ Apocynaceae โดยการใช้ตัวทำละลาย acetone hexane ethanol และ cyclohexane ในการ สกัด ส่วนที่สกัดได้จากพืชจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนของ oil hydrocarbon และ ส่วนของ polyphenol โดยทั้งสามส่วนรวมเรียกว่า biocrude ผลผลิตที่ได้จากการสกัดทุกส่วนนำมาชั่งหาน้ำหนัก วิเคราะห์หา องค์ประกอบธาตุโดยเครื่อง CHNS/O analyzer และส่วนประกอบของสารโดย GC/MS โดยทดสอบความ แตกต่างของปริมาณสารไฮโดรคาร์บอนที่สกัดได้จากพืชในแต่ละชนิด โดยใช้สถิติ one way ANOVA และใช้ DMRT ทดสอบความแตกต่างของแต่ละกลุ่ม ผลการศึกษาพบว่าปริมาณ biocrude มีค่าในช่วงร้อยละ 4.78%-18.13 โดย E. antiquorum L. (ร้อย ละ18.13) ให้ปริมาณ biocrude สูงสุด ในส่วนของ oil ให้ปริมาณร้อยละ 1.89 ถึง 6.11 ในส่วนของ hydrocarbon และ polyphenol ให้ปริมาณในช่วงร้อยละ 0.004 ถึง 1.93 และร้อยละ 3.55 ถึง 12.23 ตามลำดับ โดยพืชที่ให้ปริมาณ oil สูงได้แก่ E. neriifolia L. ร้อยละ 6.11 พืชที่ให้ปริมาณ hydrocarbon สูงได้แก่ P. tithymaloides (L.) Poit. ร้อยละ 1.93 และพืชที่ให้ปริมาณ polyphenol สูงได้แก่ ร้อยละ 12.23 การศึกษาองค์ประกอบธาตุพบว่าองค์ประกอบหลักในส่วนต่างๆ ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโดรเจน และออกซิเจน นอกจากนี้ในส่วนของ oil และ hydrocarbon พบ สารจำพวก fatty acid และ สาร ในกลุ่ม paraffin เป็นองค์ประกอบหลัก และสารในกลุ่มของ terpene และ naphthene เป็นองค์ประกอบรอง และสารในกลุ่มของ aromatic และ heteroatom ในสัดส่วนที่น้อยที่สุด เมื่อพิจารณาอัตราส่วน H/C ในส่วน ของ biocrude oil hydrocarbon และ polyphenol พบว่ามีค่าในช่วง 1.59-2.13 1.60-2.15 1.42-1.76 และ 1.95-4.94 ตามลำดับ โดยอัตราส่วน H/C ดังกล่าวมีค่าใกล้เคียงกับค่า H/C ของ crude oil (1.81) fuel oil (1.68) และ gasoline (2.08) โดยผลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าพืชที่ให้น้ำยางทั้ง 11 ชนิดมีศักยภาพเป็นพืชให้ พลังงานได้ โดยเฉพาะพืชในวงศ์ Euphorbiaceae ซึ่งมีความน่าสนใจที่จะพัฒนาเป็นแหล่งเชื้อเพลิงเหลวต่อไป
บทคัดย่อ (EN): The objective of this work was to determine the quantity of oil and hydrocarbon in latex plants for liquid fuel. Eleven species of the latex plants in Euphorbiaceae, Asclepiadaceae, Moraceae, and Apocynaceae were selected as samples. These plants were prepared and classified by solvent extraction using acetone, hexane, ethanol and cyclohexane for oil, hydrocarbon, and polyphenol fractions, these compounds being commonly known as biocrude. All extractable yields then were weighted and further characterized for elemental analysis and composition by CHNS/O analyzer and GC/MS, respectively. In addition, all obtainable data were statistically processed using one way ANOVA and DMRT. The results demonstrated that the biocrude ranging from 4.78%-18.13% were produced, with the highest yield appearing with E antiquorum L. (18.13%). For oil, hydrocarbon, and polyphenol yields ranging from 1.89%-6.11%, 0.004%-1.93% and 3.55% to 12.23% were obtained respectively, while E. neriifolia L. (6.11%), P. tithymaloides (L.) Poit. (1.93%), and E. antiquorum L. (12.23%) exhibited the highest oil yields, the greatest amount of hydrocarbon and polyphenol fractions, respectively. The characteristic of these fractions are that they are comprised of carbon, hydrogen, nitrogen, and oxygen, in which the major component in oil and hydrocarbon fractions are fatty acid and paraffin series, including terpene and naphthene in minor proportion. In addition, a small portion of the aromatic and heteroatom compounds were present. In consideration of the H/C ratio, it appeared that extractable biocrude, oil, hydrocarbon, and polyphenol ranged from 1.59-2.13, 1.60-2.15, 1.42-1.76, and 1.95-4.94 respectively, which is similar to crude oil (1.81), fuel oil (1.68) and gasoline (2.08). These results demonstrated that all eleven-plant species of latex plants are potentially energy producing plants with the promising plants in Euphorbiaceae of interest for further development
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2639&obj_id=1844
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Latex
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: วัตถุประสงค์ในการศึกษานี้เพื่อหาปริมาณน้ำมันและสารไฮโดรคาร์บอนจากพืชน้ำยางเพื่อใช้เป็น เชื้อเพลิงเหลว พืชที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ พืชที่ให้น้ำยาง 11 ชนิด ในวงศ์ Euphorbiaceae Asclepiadaceae Moraceae และ Apocynaceae โดยการใช้ตัวทำละลาย acetone hexane ethanol และ cyclohexane ในการ สกัด ส่วนที่สกัดได้จากพืชจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนของ oil hydrocarbon และ ส่วนของ polyphenol โดยทั้งสามส่วนรวมเรียกว่า biocrude ผลผลิตที่ได้จากการสกัดทุกส่วนนำมาชั่งหาน้ำหนัก วิเคราะห์หา องค์ประกอบธาตุโดยเครื่อง CHNS/O analyzer และส่วนประกอบของสารโดย GC/MS โดยทดสอบความ แตกต่างของปริมาณสารไฮโดรคาร์บอนที่สกัดได้จากพืชในแต่ละชนิด โดยใช้สถิติ one way ANOVA และใช้ DMRT ทดสอบความแตกต่างของแต่ละกลุ่ม ผลการศึกษาพบว่าปริมาณ biocrude มีค่าในช่วงร้อยละ 4.78%-18.13 โดย E. antiquorum L. (ร้อย ละ18.13) ให้ปริมาณ biocrude สูงสุด ในส่วนของ oil ให้ปริมาณร้อยละ 1.89 ถึง 6.11 ในส่วนของ hydrocarbon และ polyphenol ให้ปริมาณในช่วงร้อยละ 0.004 ถึง 1.93 และร้อยละ 3.55 ถึง 12.23 ตามลำดับ โดยพืชที่ให้ปริมาณ oil สูงได้แก่ E. neriifolia L. ร้อยละ 6.11 พืชที่ให้ปริมาณ hydrocarbon สูงได้แก่ P. tithymaloides (L.) Poit. ร้อยละ 1.93 และพืชที่ให้ปริมาณ polyphenol สูงได้แก่ ร้อยละ 12.23 การศึกษาองค์ประกอบธาตุพบว่าองค์ประกอบหลักในส่วนต่างๆ ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโดรเจน และออกซิเจน นอกจากนี้ในส่วนของ oil และ hydrocarbon พบ สารจำพวก fatty acid และ สาร ในกลุ่ม paraffin เป็นองค์ประกอบหลัก และสารในกลุ่มของ terpene และ naphthene เป็นองค์ประกอบรอง และสารในกลุ่มของ aromatic และ heteroatom ในสัดส่วนที่น้อยที่สุด เมื่อพิจารณาอัตราส่วน H/C ในส่วน ของ biocrude oil hydrocarbon และ polyphenol พบว่ามีค่าในช่วง 1.59-2.13 1.60-2.15 1.42-1.76 และ 1.95-4.94 ตามลำดับ โดยอัตราส่วน H/C ดังกล่าวมีค่าใกล้เคียงกับค่า H/C ของ crude oil (1.81) fuel oil (1.68) และ gasoline (2.08) โดยผลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าพืชที่ให้น้ำยางทั้ง 11 ชนิดมีศักยภาพเป็นพืชให้ พลังงานได้ โดยเฉพาะพืชในวงศ์ Euphorbiaceae ซึ่งมีความน่าสนใจที่จะพัฒนาเป็นแหล่งเชื้อเพลิงเหลวต่อไป
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การหาปริมาณน้ำมันและสารไฮโดรคาร์บอนจากพืชน้ำยางเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเหลว
Kamolrat Photi
มหาวิทยาลัยมหิดล
2548
การลดปริมาณสารแขวนลอยของน้ำเสียจากโรงงานถุงมือยางโดยการใช้ไคโตซานเป็นสารช่วยสร้างตะกอน การหาปริมาณสารพอลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนโดยใช้พืชเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพเพื่อประเมินคุณภาพอากาศ การศึกษาปริมาณการใช้น้ำของผักตบชวา จอก และแหน การบำบัดดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาโดยใช้พืช การศึกษาปริมาณน้ำใช้ น้ำเสีย และขยะในมหาวิทยาลัยนเรศวร (ส่วนหนองอ้อ) จังหวัดพิษณุโลก ผลของสารเคมีต่อการจับก้อนของน้ำยางธรรมชาติ การตรวจอย่างรวดเร็วเพื่อหาปริมาณละอองฝอยของเชื้อลีเจียนแนร์ โดยใช้เทคนิคการเก็บอากาศผ่านน้ำร่วมกับวิธีเพิ่มปริมาณ การบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ชุ่มน้ำที่ปนเปื้อนแคดเมียมโดยใช้พืช การใช้ของเสียจากกระบวนการผลิตน้ำมันพืชเพื่อเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพโ การใช้ประโยชน์กากขี้แป้งจากโรงงานผลิตน้ำยางข้นในรูปสารบำรุงดิน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก