สืบค้นงานวิจัย
การส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ดินเค็มแบบบูรณาการในพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย
ปราณี สีหบัณฑ์ - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ดินเค็มแบบบูรณาการในพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย
ชื่อเรื่อง (EN): Promoting the restoration and development of integrated salinity - affected area in the sub-basin
บทคัดย่อ: การส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ดินเค็มแบบบูรณาการในพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย ประกอบด้วย 5 โครงการย่อย โครงการย่อยที่ 1: การศึกษาลักษณะทางอุทกธรณีวิทยาและการประยุกต์ในแบบจำลองเชิงคณิตศาสตร์ในการวางแผนการจัดการพื้นที่ดินเค็มในลุ่มน้ำชีส่วนที่ 3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศไทย (Hydrogeological characterization and application of numerical modeling for salinity management plan in the Chi River Basin III, northeast, Thailand) โครงการย่อยที่ 2 : การศึกษาสมรรถนะการเจริญเติบโตของปลานิล (Oreochromis niloticus) และปลาโมง (Pangasius bocourti) ในการทดลองเลี้ยงปลาในพื้นที่ที่มีปัญหาดินเค็ม (A study on effects of saline water on growth performance of Nile tilpia (Oreochromis niloticus)and Pla-Mong (Pangasius bocourti) cultured in differently saline) โครงการย่อยที่ 3: ผลของการใช้ปุ๋ยพืชสดร่วมกับปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิตข้าว ในพื้นที่ดินเค็ม (Effect of using green manure with chemical fertilizerto increasing the yield of rice on saline soils.)โครงการย่อยที่ 4: การเพิ่มศักยภาพพื้นที่ดินเค็มด้วยปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยชีวภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ 105 (Increasing potential of saline soil with chemical fertilizer, green manure and Bio-fertilizer for rice KDML 105 product) โครงการย่อยที่ 5: การปรับปรุงดินเค็มเพื่อปลูกข้าวมะลินิลสุรินทร์ (Reclamation of saline soil for planting rice Mali Nil Surin.) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาร่วมกันฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ดินเค็มแบบบูรณาการในพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย โดยโครงการย่อยที่ 1 การวิจัยนี้เป็นการเก็บข้อมูลภาคสนามเพื่อจัดทำแบบจำลองเชิงมโนทัศน์ทางอุทกธรณีวิทยาของลุ่มน้ำชีส่วนที่ 3 ประกอบด้วย การสำรวจทางธรณีวิทยา การติดตามตรวจวัดระดับน้ำใต้ดิน และการจัดทำแบบจำลองคณิตศาสตร์น้ำใต้ดินเพื่อหาแนวทางการจัดการพื้นที่ดินเค็มในลุ่มน้ำชีส่วนที่ 3 ที่เหมาะสม ขั้นตอนดำเนินงานในด้านฐานข้อมูล และการจำลองเชิงคณิตศาสตร์ 7 ขั้นตอน โครงการย่อยที่ 2วางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block Design; RCBD มี 3 ตำรับการทดลอง จำนวน 3 ซ้ำ โครงการย่อยที่ 3 การศึกษา เป็นการวิจัยเอกสาร (Documentary Research) โดยใช้การศึกษาจากข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) เป็นหลัก โครงการย่อยที่ 4 ดำเนินการวิจัยโดยวิธีวิจัยเอกสาร (documentary research) โดยศึกษาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทุติยภูมิ (secondary data) เป็นหลัก โครงการย่อยที่ 5 ดำเนินการวิจัยโดยวิธีวิจัยเอกสาร (documentary research) โดยศึกษาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทุติยภูมิ (secondary data) เป็นหลัก ผลการทดลองของโครงการย่อยที่ 1 พบว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลอุทกวิทยา และได้ทำการจำลองสภาพแหล่งน้ำบาดาล โดยการประยุกต์ใช้แบบจำลองเชิงคณิตศาสตร์ จำลองการไหลของน้ำบาดาล และทำการประเมินสมดุลน้ำบาดาลในพื้นที่ลุ่มน้ำชีส่วนที่สาม ที่ใช้การจำลองด้วยแบบจำลองที่มีกริดแบบ Finite Difference ซึ่งได้ทำการจำลองใสภาวะคงตัวและสภาวะไม่คงตัว มีการเปลี่ยนแปลงตามเวลาโดยทำการจำลองในช่วงปี พ.ศ. 2557 โดยปรับเทียบพารามิเตอร์และวิเคราะห์ความอ่อนไหวของแบบจำลอง เปรียบเทียบระดับน้ำบาดาลจากข้อมูลบ่อน้ำบาดาลจำนวน 130 บ่อ จากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวพารามิเตอร์ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำบาดาลในพื้นที่มากที่สุด คือ ค่าความนำเชิงชลศาสตร์ และปริมาณการเพิ่มเติมน้ำจากน้ำฝน ผลการทดลองของโครงการย่อยที่ 2 พบว่า การทดลองเลี้ยงปลาในกระชังเพื่อศึกษาผลกระทบของความเค็มต่อสมรรถนะการเจริญเติบโตของปลานิล (Oreochromis niloticus) และปลาโมง angasiusbocourti) โดยเปรียบเทียบกับชุดควบคุมที่เลี้ยงที่ หมวดประมง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระหว่างเดือนธันวาคม 2556 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 เพื่อหาแนวทางการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ในฤดูแล้งทำการเลี้ยงปลาทั้งสองชนิด ปลานิลขนาด 30.0?1.0 กรัมต่อตัว และปลาโมงขนาด 81?1.5 กรัมต่อตัว ในกระชังในบ่อของเกษตรกร พื้นที่หมู่ 11 และหมู่ 4 ตำบลเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่นเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ระดับความเค็มสูงสุดที่วัดได้เท่ากับ 6.5 และ 1.5 ส่วนในพันส่วน ในพื้นที่ทดลองหมู่ 11 และหมู่ 4 ตำบลเมืองเพีย ตามลำดับ ผลปรากฏว่า ทุกชุดการทดลองมีการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p0.05) อัตราการรอดตายของปลาทั้งสองชนิดในพื้นที่ทดลองมีสูงกว่าร้อยละ 80 จากข้อมูลที่ได้จากการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า สัตว์น้ำที่ใช้ในการทดลองสามารถอยู่รอดและเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตามการศึกษาถึงปัจจัยต่างๆที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำในพื้นที่ดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการศึกษาให้ละเอียดในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน เพื่อประโยชน์ในการหาแนวทางปรับปรุงการเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ที่มีปัญหาความเค็มที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ทดสอบนี้ให้ได้ผลผลิตสูงตามศักยภาพต่อไป ผลการทดลองของโครงการย่อยที่ 3 พบว่า ดินเค็มเป็นอุปสรรคต่อการปลูกข้าว เพราะดินเค็มมีผลต่อการเจริญเติบโตของข้าวโดยไปยับยั้งการเจริญเติบโตของราก และการสังเคราะห์แสง ซึ่งมีผลต่อการดูดธาตุอาหารของข้าว ทำให้ข้าวได้ผลผลิตต่อไร่ต่ำ นอกจากนี้ดินเค็มยังมีอัตราการสูญเสียธาตุอาหารสูงเนื่องจากพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในดินเค็มต้องการปริมาณไนโตรเจนและฟอสฟอรัสมากกว่าปกติ ไนโตรเจนมีส่วนในการลดความเค็มของดินและโดยทั่วไปในดินเค็มจะมีสภาพเป็นกรดซึ่งส่งผลให้ฟอสฟอรัสในดินเกิดการตกตะกอน ทำให้ความเป็นประโยชน์ได้ของฟอสฟอรัสในดินลดลง ซึ่งกระทบถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะต้องใส่ปุ๋ยในปริมาณที่มากกว่า อีกทั้งปัญหาปุ๋ยเคมีมีราคาแพงจึงทำให้ต้นทุนการผลิตข้าวสูงขึ้นตาม ดังนั้นการปลูกปุ๋ยพืชสด เช่น โสนชนิดต่างๆ ก่อนการปลูกข้าวเพื่อช่วยลดต้นทุนจากการใช้ปุ๋ยเคมี และเพิ่มผลผลิตข้าว จึงเป็นที่มาของการรวบรวมและวิเคราะห์ผลการศึกษาและทดลองของนักวิจัยของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในประเทศ และในต่างประเทศ ที่ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยพืชสดร่วมกับปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวในพื้นที่ดินเค็มที่ผ่านมา ผลการทดลองของโครงการย่อยที่ 4 พบว่า การเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ดินเค็มด้วยปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยชีวภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ 105 สามารถสรุปได้ดังนี้ 1. การใช้ปุ๋ยเคมี N P K ในอัตราต่างๆ กัน โดยเฉพาะการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในอัตราที่สูงขึ้น ทำให้การเจริญเติบโตของข้าวและผลผลิตข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การแบ่งใส่ปุ๋ยเคมีโดยแบ่งใส่ 3 ครั้ง มีผลให้ค่าความเค็มของดินต่ำกว่าการใส่ปุ๋ยเคมีครั้งเดียว 2. การไถกลบพืชปุ๋ยสด เช่น โสนอัฟริกัน โสนคางคกและโสนจีนแดง สามารถเพิ่มผลผลิตข้าวได้ แต่โสนอัฟริกันเหมาะสมที่จะใช้เป็นพืชปุ๋ยสดในดินเค็ม และช่วยทำให้ผลผลิตของข้าวขาวดอกมะลิ 105 เพิ่มขึ้น การใช้โสนอัฟริกันร่วมกับการใส่หรือไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน มีแนวโน้มทำให้ความเค็มของดินลดลง ส่งผลให้การสะสมธาตุอาหารในดินมีแนวโน้มสูงขึ้น 3. การปลูกเชื้อไรโซเบียมที่เหมาะสมกับโสนส่งผลให้ข้าวมีการเจริญเติบโตเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการตรึงไนโตรเจน ส่งผลให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น การใช้เชื้อไรโซเบียมกับโสนอัฟริกันเมื่อสับกลบลงดินจะทำให้ความเค็มของดินลดลง ค่า pH อยู่ในระดับที่เหมาะสม และยังช่วยเพิ่มประโยชน์ของธาตุไนโตรเจนและฟอสฟอรัสให้แก่ดิน 4. การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยพืชสด หรือปุ๋ยชีวภาพ สำหรับปลูกข้าวในดินเค็ม จะช่วยให้สมบัติทางเคมีของดินดีขึ้น ค่าความเค็มลดลง และได้ผลผลิตสูงอีกด้วย ผลการทดลองของโครงการย่อยที่ 5 พบว่า ข้าวมะลินิลสุรินทร์ เป็นข้าวที่ได้รับการคัดเลือกและพัฒนาจนได้ข้าวที่มีเมล็ดเรียวยาว เยื่อหุ้มเมล็ดสีดำ ข้าวกล้องเมื่อหุงสุกจะเหนียว นุ่ม และมีกลิ่นหอม คุณสมบัติที่สำคัญของข้าวมะลินิลสุรินทร์คือ มีปริมาณอะมิโลส (amylose) ต่ำ มีสารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดปริมาณสูงได้แก่ สารประกอบฟีโนลิก (1.4552-2.47305 มก. GAE/ มก.ที่สกัดได้) และแอนโธไซยานิน (5.5-6.0 มก./100 ก.) นอกจากนี้ลักษณะเด่นของข้าวมะลินิลสุรินทร์เหมาะสำหรับนำไปปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์และมีการใช้ปัจจัยการผลิตต่ำ ลักษณะประจำพันธุ์ข้าวมะลินิลสุรินทร์ เป็นข้าวไวต่อช่วงแสง ออกดอกระหว่างวันที่ 20 -28 ตุลาคม ความสูง 158-165 เซนติเมตร จำนวนรวงต่อกอ 7-9 รวง ผลผลิต 224-369 กิโลกรัม/ไร่
บทคัดย่อ (EN): Promoting the restoration and development of integrated salinity - affected area in the sub-basin, this main project includes 5 like 1) Hydrogeological characterization and application of numerical modeling for salinity management plan in the Chi River Basin III, northeast, Thailand, 2) A study on effects of saline water on growth performance of Nile tilpia (Oreochromis niloticus)and Pla-Mong (Pangasius bocourti) cultured in differently saline, 3) Effect of using green manure with chemical fertilizerto increasing the yield of rice on saline soils, 4) Increasing potential of saline soil with chemical fertilizer, green manure and Bio-fertilizer for rice KDML 105 product and 5) Reclamation of saline soil for planting rice Mali Nil Surin. The objective of this project is restoration and development of integrated salinity - affected area in the sub-basin. Methodology of they are projects; project 1 Study of hydrogeological conceptual model Chi river basin part 3, study geological survey, groundwater monitoring and development satiation hydrogeological conceptual model Chi river basin part 3 (data base and mathematical modeling 7 Step Procedure). Project 2 Study effects of saline water on growth performance of Nile tilpia (Oreochromis niloticus) and Pla-Mong (Pangasius bocourti) cultured in differently saline. There are compared between the control at the Department of Fisheries, Faculty of Agriculture, Khonkaen University and farmer fish cage at Moo 11 and Moo 4, Mueang Phia sub district, Ban Phai district, Khon Kaen Province. This is study in Randomized Complete Block Design (RCBD) 3 replication. Project 3 Methodology of this study in documentary Research and Secondary Data in effect of using green manure with chemical fertilizer to increasing the yield of rice on saline soils. Project 4 Study are documentary research and secondary data about increasing potential of saline soil with chemical fertilizer, green manure and Bio-fertilizer for rice KDML 105 product. And Project 5 Study documentary research and secondary data about increasing potential of saline soil with chemical fertilizer, green manure and Bio-fertilizer for rice KDML 105 product. The result of this study project 1) data analysis of hydrogeological model Chi river basin part 3 used Finite Difference model study at 2014. The survey also assisted in the identification and location of water table well bout 130 points. The parameters have effect of water table level are hydraulic conductivity and additional source of water in soil from rainwater. The result of this study Project 2) Study effects of saline water on growth performance of Nile tilpia (Oreochromis niloticus) and Pla-Mong (Pangasius bocourti) cultured in differently saline. There are compared between the control at the Department of Fisheries, Faculty of Agriculture, Khonkaen University and farmer fish cage at Moo 11 and Moo 4, Mueang Phia sub district, Ban Phai district, Khon Kaen Province in 2014. Experiment at 8 week weight of Nile tilpia 30.0?1.0 g. and Pla-Mong 81?1.5 g. saline rate about 6.5 and 1.5 ppm. in water. There had sigaiontly at p?0.05 ,there are Nile tilapia and control. They had of weight average of 99.48 ? 2.02 and 168.81 ? 1.99 g, respectively, And Feed conversion ratio (FCR) were the lowest at 1.21 ? 0.03 and 1.39 ? 0.02, respectively. the average weight was low and Feed conversion ratio was higher than other trements .The salinity of the water is higher. The result of this study project 3 Soil salinity is a barrier to rice cultivation. Because saline soils had affect on growth of rice growth and rice root and rice photosynthesis. This has effect on rice yield. Saline soil also has high rate of nutrient loss. Because rice nuttent more than Nitrogen can reduce soil salinity generally acid condition. This causes the phosphorus in soil to precipitate. The usefulness of phosphorus in soil decrease. Farmers have use a lot of fertilizer. Moreover, problem of chemical fertilizer is expensive, so increase cost of rice production is higher. So, for Example, planting green manure before rice caltivation , They are incresce soil fotilicon and and rice yield. The result of this study project 4) Increasing potential of saline soil with chemical fertilizer, green manure and Bio-fertilizer for rice KDML 105 product 1) the use of chemical fertilizer N P K different rates expecially in higher rates use time. There are effect on rice groeth and saline soil are decrise. There are increase rice yield, but suited as a plant fertilizer in soil salinity and are rice neild kdml 105 increases. Incorparatoio of green manure C S.rostrata,S.cannabina and S.cannabina,increase rice yield and soil fetilities in saline soil.Inocalation of rhizobium with green manure improve soil properties. The result of this study project 5 Reclamation of saline soil for planting rice Mali Nil Surin rice Mali Nil Surin coobing Qualities are soft and aromatic.There are important properties of Mali Nil Surin like , Phenolic compounds (1.4552-2.47305 mg GAE / Mg extract) and anthocyanin (5.5-6.0 mg / 100.).There are sutable for planting organic system.Characteristice of Mali Nil Surin are photoperiod sensitive varieties,Flowering stage on 20-28 December,hight 158-165 cm.,number of panical per till 7-9 kg/rai and rice yield 224-369 kg/rai.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: กายวิภาค
คำสำคัญ (EN): bio-fertilizer
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ดินเค็มแบบบูรณาการในพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2559
การเปลี่ยนแปลงการแพร่กระจายคราบเกลือบนผิวดินหลังจากการพัฒนา ดินเค็มแบบบูรณาการในพื้นที่ ตำบลด่านช้าง ตำบลขุนทอง อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา การจัดการดินเค็มในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา การสำรวจและศึกษารูปแบบและพันธุ์หญ้าแฝกที่ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดินเค็มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความหลากหลายของพืชพรรณและคุณสมบัติของดินบางประการในพื้นที่ดินเค็มปานกลางบริเวณพื้นที่ลุ่มนํ้าชี การเปรียบเทียบพันธุ์หญ้าแฝกทนเค็มสำหรับพื้นที่ดินเค็มจังหวัดกาฬสินธุ์ ความสำคัญของปุ๋ยพืชสดกับการพัฒนาพื้นที่ดินเค็มเพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน: กรณีศึกษาในพื้นที่แปลงสาธิตหนองบ่อ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม การพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ดินเค็ม เพื่อการปลูกข้าวเหนียว พันธุ์ กข.6 การยอมรับโครงการป้องกันการแพร่กระจายดินเค็มของเกษตรกร ลักษณะทางนิเวศวิทยาของสังคมพืชป่าไม้ที่เกิดจากการฟื้นฟูในรูปแบบที่แตกต่างกัน ผลของการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพ แกลบ และพืชปุ๋ยสดบางชนิดร่วมกับยิปซั่มต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตข้าวในพื้นที่ดินเค็ม
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก