สืบค้นงานวิจัย
การตรวจสอบสมุนไพรในโคเนื้อทางวิทยาศาสตร์ โดยสืบสานจากภูมิปัญญาท้องถิ่น สำหรับเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ เพื่อการประกอบอาชีพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงกรณีศึกษา บ้านสี่เหลี่ยมเจริญ ตำบลแสลงพัน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย
จรัส สว่างทัพ - มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ชื่อเรื่อง: การตรวจสอบสมุนไพรในโคเนื้อทางวิทยาศาสตร์ โดยสืบสานจากภูมิปัญญาท้องถิ่น สำหรับเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ เพื่อการประกอบอาชีพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงกรณีศึกษา บ้านสี่เหลี่ยมเจริญ ตำบลแสลงพัน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย
ชื่อเรื่อง (EN): The Scientific Verification of Medicinal plants of Beef Cattle byCarrying on Local Wisdom for Farmer’s Beef Fattening CattleRaising Group for Sufficiency Economy Career : Case Study ofBan Siliamjaroen, Salangpan Sub-district, Lamplaimat District,Buriram Province.
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: จรัส สว่างทัพ
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อสืบคันภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสมุนไพรในโคเนื้อ (2) เพื่อตรวจสอบตำรับยาสมุนไพรทางวิทยาศาสตร์โดยการศึกษาทดลองใช้ก่อนนำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่และ (3) เพื่อให้ความรู้อบรมเชิงปฏิบัติการด้านตำรับยาสมุนไพรในโคแก่เกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อและส่งเสริมการปลูกและขยายพันธุ์สมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้แก่เกษตรกร กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ผู้รู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเลี้ยงโค-กระบือ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 24 คน หมอสมุนไพร จำนวน 2 คนและปราชญ์ภูมิปัญญาเชี่ยวชาญ จำนวน 3 คน และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อขุนบ้นสี่เหลี่ยมเจริญ จำนวน 18 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกอย่างเจาะจง การดำเนินการวิจัย ได้แก่ (1) การศึกษาสภาพการประกอบการเลี้ยงโคเนื้อของกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อขุนบ้านสี่เหลี่ยมเจริญ (2)การสืบค้นองค์ความรู้ตำรับสมุนไพรที่ใช้โคของผู้รู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น (3) การตรวจสอบความเป็นไปได้ และความเหมาะสมของตำรับสมุนไพรที่ใช้ในโคโดยหมอสมุนไพรและปราชญ์เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร (4) การทดลองประสิทธิผลของตำรับสมุนไพรที่ผ่านการตรวจสอบ (5) การอบรมเชิงปฏิบัติการด้านตำรับยาสมุนไพรในโคแก่เกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ รวมทั้งการส่งเสริมการปลูกและขยายพันธุ์สมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้แก่เกษตรกร เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความพึงพอใจ การอบรมเชิงปฏิบัติการ และเทคนิคการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีการสัมภาษณ์เจาะลึกและการอภิปรายกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติ ความถี่ ฐานนิยม ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวน ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า สภาพการประกอบอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อขุนของเกษตรกร กลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อขุนบ้านสี่เหลี่ยมเจริญ มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 5 คน มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนที่ใช้แรงงานเฉลี่ย 3 คน อาชีพหลักส่วนใหญ่ของสมาชิกประกอบอาชีพทำนาทำไร่ รายได้จากการเลี้ยงโคเนื้อต่อปีเฉลี่ยเท่ากับ 123,261 บาท รายจ่ายจากการเลี้ยงโคเนื้อต่อปีเฉลี่ย เท่ากับ 31,833 บาท รายได้สุทธิจากการเลี้ยงโคเนื้อต่อปีเฉลี่ย เท่ากับ 91,428 บาท สมาชิกการประกอบอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะในประเด็น ประกอบอาชีพแบบผสมผสาน ทั้งปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และอาชีพอื่นๆ ใช้แรงงงานในครอบครัว ไม่ว่าจ้างคนอื่นมาช่วย ไม่กู้หนี้ยืมสิน และ ใฝ่หาความรู้จากการอบรม ดูงาน หรือเรียนรู้ด้วยตัวเอง สมาชิกพื้นที่ที่ใช้ในการปลูกหญ้าอาหารสัตว์เฉลี่ย 1 ไร่ จำนวนโคเนื้อทั้งหมดที่เลี้ยงของสมาชิกกลุ่ม มีค่าเฉลี่ย 11 ตัว ส่วนใหญ่ได้แก้โคลูกผสมบราห์มัน-พื้นเมือง และโคลูกผสมชาโรเลส์-บราห์มัน-พื้นเมือง ส่วนใหญ่มีอายุ 2 ปีขึ้นไป เพศเมีย เฉลี่ย 5 ตัว ไม่มีเพศผู้ สมาชิกยกระดับสายเลือดหรือสายพันธุ์โค โดยเพิ่มจำนวนแม่โคลูกผสมชาโรเลส์-บราห์มัน-พื้นเมืองที่มีโครงร่างดี โดยใช้น้ำเชื้อพ่อพันธุ์ชาโรเลส์และกำแพงแสน ดำเนินการปลูกหญ้าอาหารสัตว์ าทิ หญ้ากินนี หญ้ารูซี่ หญ้าขน เนเปิยร์ปากช่อง เป็นตัน ส่วนใหญ่ทำการเลี้ยงดูโคในรูปแบบเลี้ยงโคขุนให้อาหารหยาบ อาหารข้น มีคอกหรือโรงเรือนสำหรับโคในบริเวณบ้านพัก ทำน้ำหมักชีวภาพใช้สำหรับการเลี้ยงโค จัดเตรียมรางน้ำรางอาหารภายในคอก มีอาสาปศุสัตว์ประจำกลุ่ม ในการดูแลป้องกันรักษาโรคสัตว์ สมาชิกส่วนใหญ่ ร้อยละ 66.7 ไม่เคยใช้สมุนไพรป้องกันรักษาโรคโค มีสถานที่ปลูกพืชสมุนไพรป้องกันโรคโค คิดเป็นร้อยละ 38.9 สมาชิกส่วนใหญ่ดำเนินการจัดการรวมกลุ่มซื้อขายโคเนื้อมาสู่ตลาดนัดโคขุน ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง โดยประเมินราคาตามน้ำหนัก การพัฒนาการประกอบอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อบ้านสี่เหลี่ยมเจริญ ในด้านการปรับปรุงพันธุ์ ด้านอาหารและการให้อาหาร ด้านการจัดการเลี้ยงดูด้านการป้องกันและรักษาโรค และด้านการตลาด พบว่า การพัฒนาการในด้านต่างๆ ทั้ง 5 ด้านของกลุ่มฯ ในภาพรวมของกลุ่มอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจและรายบุคคลบรรลุเกณฑ์สูงสุด การสืบค้นตำรับสมุนไพรที่ใช้ในโค พบว่า ได้ตำรับสมุนไพร จำนวน 36 ตำรับ ผ่านการตรวจสอบจากหมอสมุนไพรและปราชญ์ภูมิปัญญาเชี่ยวชาญ จำนวน 8 ตำรับ ได้แก่ ตำรับยาสมุนไพรกำจัดพยาธิภายนอกจำพวกเห็บเหา 2 ตำรับ และตำรับสมุนไพรถ่ายพยาธิภายใน 6 ตำรับ การทดลองตำรับสมุนไพรกำจัดพยาธิภายนอก พบว่า ยาสูบ และหนอนตายหยาก หมักด้วยเอทานอลหรือน้ำมันก๊าด นาน 7 วัน สามารถฆ่าเห็บโคได้ร้อยละ 100 ในเวลา 3 ชั่วโมง การทดลองตำรับสมุนไพรถ่ายพยาธิภายใน พบว่า เหมือดแอ สังวาลพระอินทร์ แตงการ่วมกับบอระเพ็ด หนอนตายหยาก หมากสง และยางไม้เต็งไม้รังหรือชัน สามารถถ่ายพยาธิได้ดีในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังทำการถ่ายพยาธิ โดยเฉพาะตำรับแตงกาผสมกับบอระเพ็ด และยางไม้เต็งไม้รังมีประสิทธิภาพการถ่ายสูงกว่าตำรับสมุนไพรอื่นๆ สมาชิกกลุ่มผู้เลี้ยงโคบ้านสี่เหลี่ยมเจริญและเครือข่ายมีความพึงพอใจต่อการอบรมเชิงปฏิบัติการในด้านวิทยากร ด้านประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการฯ ด้านการให้บริการ ด้านสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ และด้านอาหาร/อาหารว่าง อยู่ในระดับมากทุกด้าน
บทคัดย่อ (EN): The objectives of this research were: 1) to find out local wisdom of medicinal plants used for treating and preventing various cattle diseases. 2) to test the medicinal plant recipes by scientific experiment before implementation in the target area. 3) to educate the cattle farmers by training workshop and promote the plantation and propagation the essential medicinal plants. The target group used in this research consisted of 24 local wisdom experts, 2 medicinal plants experts, 3 local wisdom philosophers, and 18 cattle raising farmers in Ban Siliamjaroen. The target groups were chosen by purposive sampling. The research was conducted by 1) To study the general condition of Ban Siliamjaroen cattle farmer group in terms of cattle raising. 2) Searching for knowledge of medicinal plant recipes used in cattle according to local wisdom experts. 3) To check the possibility and suitability of medicinal plant recipes used in cattle by medicinal plants experts and local wisdom philosophers. 4) To test the efficacy of the proven medicinal plants recipes. 5) To educate the cattle raising farmers by training workshop and to promote the plantation and propagation the essential medicinal plants. Research instruments were structured interview and satisfaction evaluation interview collected the qualitative data by in-depth interviewing and focus group. Quantitative data was analyzed by descriptive statistics (frequency, mode, percentage, mean, standard deviation and analysis of variance) and qualitative data was concluded through content analysis. This research revealed that cattle raising farmers had family member of 5 persons, average work force of family member were 3 persons. Cultivation was principle career and average income were 123,261 baths per year. The average expenditure of cattle raising were 31,833 baths per year. Average net income per year was 91,428 baths per year. Member of cattle raising farmer’s group followed sufficiency economy philosophy, particularly to integrate the career with planting, animal domestication, and others by using work force in their family without hiring outer work force. No debt and find the new knowledge from training, study trip or learning by themselves. They had their own land average 1 rai. Average number of cattle of each member was 11 cattle. Most of cattle breeds were female Native-Brahman crossbred cattle and Native-Brahman-Charolais crossbred cattle, age over 2 years and there was no male cattle. Artificial insemination was used to improve their cattle breed by using Kamphaengsaen and Charolais semen. Forage plantation was done by using Ginnea grass, Ruzi grass, Para grass, Pank-chong Napier grass. Most of them raised the cattle in their house area by using roughages and concentrates as feed. They did bioextract for raising cattle. They provided the water and feed trough in the cattle barn. There were animal husbandry volunteers for taking care of their cattle. A majority of members never used medicinal plants to protect cattle diseases (66.7 percent). There was area for medicinal plant plantation (38.9 percent). Most of members gather themselves in which selling the cattle in cattle market without passing the middle man by price evaluation according to cattle live weight. Development of cattle raising career according to sufficiency economy philosophy of Ban Siliamjaroen cattle farmer group in terms of breeding, feed and feeding, cattle production, disease prevention and treatment, and cattle marketing. It was shown that the development in overall members showed the satisfied criteria and individual showed the highest criteria. Searching for the medicinal plants recipes revealed that there were 8 from 36 recipes that had been proven by medicinal plant experts and local wisdom philosophers which were 2 recipes for getting rid of outer parasites (ticks, louse) and 6 recipes for getting rid of inner parasites. The test of medicinal plants recipes for getting rid of outer parasites found that Tobacco (Nicotiana tabacum Linn.) and Stemona tuberosa Lour. fermented with ethanol and kerosene for 7 days could get rid of cattle tick 100 percent within 3 hours. The test of medicinal plants recipes for getting rid of inner parasites found that Memecylon edule var. scutellatum (Lour.) Naud., Cassytha filiformis Linn., Trichosanthes cordata Roxb. together with Tinospora crispa (Linn.) Miers ex Hook f. & Thomson, Stemona tuberose Lour., betal nut (Areca catechu Linn.) and Hard resin from Shorea obtusa Wall. Ex Blume or Shorea siamensis Miq. could eradicate inner parasites best in 1-2 weeks after deworming. Especially Trichosanthes cordata Roxb. together with Tinosporacrispa (Linn.) Miers ex Hook f. & Thomson and hard resin showed the highest efficacy when compared with other recipes. Cattle farmer group of Ban Siliamjaroen showed high level in preference all aspects of training workshop in terms of speakers, benefits, services, place and equipment, food and snack.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
คำสำคัญ: เศรษฐกิจพอเพียง
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การตรวจสอบสมุนไพรในโคเนื้อทางวิทยาศาสตร์ โดยสืบสานจากภูมิปัญญาท้องถิ่น สำหรับเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ เพื่อการประกอบอาชีพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงกรณีศึกษา บ้านสี่เหลี่ยมเจริญ ตำบลแสลงพัน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
30 กันยายน 2558
สืบสานภูมิปัญญาเครื่องมือประมงพื้นบ้านลุ่มน้ำป่าสักจังหวัดเพชรบูรณ์ การขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติแบบมีส่วนร่วมให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นในอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ การบูรณาการงานวิจัยชาเมี่ยงเพื่อสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ การพัฒนาคุณภาพมะขามหวานโดยการป้องกันกำจัดเชื้อรา ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนบ้านซับแล้ง ต.ยางงาม อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อของเกษตรกรรายย่อยในกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ ตำบลบ้านดง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก การส่งเสริมการใช้สมุนไพรในท้องถิ่นด้านผลิตปศุสัตว์ต่อ เศรษฐกิจชุมชนในเขตจังหวัดนครสวรรค์บนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การวิจัยและพัฒนาระบบการเลี้ยงและการตลาดโคเนื้อในจังหวัด นครศรีธรรมราช การจัดการความรู้ การใช้พืชสมุนไพรในท้องถิ่นแบบมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มด้านปศุสัตว์บนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง: กรณีบ้านหม้อตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นการใช้ประโยชน์สมุนไพรภาคตะวันตก ปี 2549
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก