สืบค้นงานวิจัย
สมบัติทางโครงสร้างและสมบัติของแป้งเปียกและฟิล์มจากแป้งมันสำปะหลังออกซิไดซ์
รัตนา ตันฑเทอดธรรม - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: สมบัติทางโครงสร้างและสมบัติของแป้งเปียกและฟิล์มจากแป้งมันสำปะหลังออกซิไดซ์
ชื่อเรื่อง (EN): Strucural, paste and film properties of oxidized cassava starch
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมบัติของแป้งเปียกและฟิล์มจากแป้งมันสำปะหลังออกซิไดซ์ที่ดัดแปรภายใต้สภาวะการทำปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน โดยได้ทำการออกซิไดซ์แป้งมันสำปะหลังด้วยโซเดียมไฮโปคลอไรท์ภายใต้สภาวะของปฏิกิริยาที่มีความเป็นด่างแตกต่างกันสองระดับ (pH 9 และ pH 11) และแปรความเข้มข้นของไฮโปคลอไรท์ (1-3% active chlorine) และเวลาการทำปฏิกิริยา (30-420 นาที) หลังจากนั้นจึงทำการคัดเลือกแป้งออกซิไดซ์ที่เตรียมภายใต้สภาวะของปฏิกิริยาต่างๆเพื่อผลิตแป้งออกซิไดซ์ที่มีระดับช่วงความหนืดขณะร้อนของแป้งและปริมาณหมู่คาร์บอกซิลที่แตกต่างกัน แล้วจึงนำไปศึกษาสมบัติทางเคมี-ฟิสิกส์ของแป้งเปียกและฟิล์มแป้ง จากผลการศึกษาพบว่าปฏิกิริยาออกซิเดชั่นด้วยไฮโปคลอไรท์ทำให้แป้งมีปริมาณหมู่คาร์บอนิลและหมู่คาร์บอกซิลสูงขึ้นแต่มีความหนืดลดลง การทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นภายใต้สภาวะที่มีระดับความเป็นด่างต่ำ (pH 9) จะส่งเสริมให้เกิดปฏิกิริยาการสร้างหมู่ฟังก์ชั่นได้ดีกว่า ในขณะที่การทำปฏิกิริยาในสภาวะที่มีความเป็นด่างสูง (pH 11) จะส่งเสริมปฏิกิริยาในการลดค่าความหนืดของแป้งได้มากกว่า จากการศึกษาสมบัติทางเคมี-ฟิสิกส์ของแป้งพบว่าปริมาณหมู่คาร์บอกซิลเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อสมบัติของแป้งออกซิไดซ์ แป้งเปียกของแป้งออกซิไดซ์ที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิลสูง (0.65-0.67%) ไม่เกิดการฟอร์มเจลแม้ลดอุณหภูมิต่ำลงถึง 5 องศาเซลเซียส ในขณะที่แป้งออกซิไดซ์ที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิล < 0.42% จะเกิดการฟอร์มเจล โดยแป้งที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิลต่ำกว่าเกิดการฟอร์มเจลได้ง่ายกว่าและเจลที่ได้มีความแข็งแรงกว่า ฟิล์มที่เตรียมขึ้นจากแป้งออกซิไดซ์ที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิลสูงกว่าจะมีค่าการละลายได้มากกว่า เมื่อศึกษาสมบัติเชิงกลของฟิล์มแป้งพบว่าในกรณีที่ไม่มีการเติมกลีเซอรอล ฟิล์มจากแป้งมันสำปะหลังดิบและฟิล์มจากแป้งมันสำปะหลังออกซิไดซ์มีสมบัติเชิงกลที่คล้ายคลึงกันคือมีลักษณะเป็นฟิล์มที่ค่อนข้างแข็งแต่เปราะ การเติมกลีเซอรอลช่วยทำให้ฟิล์มแป้งมีความยืดหยุ่นดีขึ้น โดยในสภาวะที่มีการเติมกลีเซอรอลพบว่าแป้งออกซิไดซ์ที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิลสูงมีค่า tensile strength และ modulus ต่ำกว่า แต่มีความสามารถในการดึงยืด (elongation) ได้ดีกว่าแป้งที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิลต่ำกว่า หลังจากเก็บรักษาเป็นเวลา 60 วันพบว่าฟิล์มแป้งที่ไม่มีการเติมกลีเซอรอลมีการเปลี่ยนแปลงสมบัติเชิงกลน้อยมาก ในขณะที่ฟิล์มแป้งที่มีกลีเซอรอลมีลักษณะแข็งมากขึ้นและมีความสามารถในการดึงยืดลดลง อัตราการเปลี่ยนแปลงสมบัติเชิงกลของฟิล์มแป้งในระหว่างเก็บรักษาที่พบในฟิล์มจากแป้งมันสำปะหลังดิบจะมากกว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับฟิล์มจากแป้งออกซิไดซ์งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมบัติของแป้งเปียกและฟิล์มจากแป้งมันสำปะหลังออกซิไดซ์ที่ดัดแปรภายใต้สภาวะการทำปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน โดยได้ทำการออกซิไดซ์แป้งมันสำปะหลังด้วยโซเดียมไฮโปคลอไรท์ภายใต้สภาวะของปฏิกิริยาที่มีความเป็นด่างแตกต่างกันสองระดับ (pH 9 และ pH 11) และแปรความเข้มข้นของไฮโปคลอไรท์ (1-3% active chlorine) และเวลาการทำปฏิกิริยา (30-420 นาที) หลังจากนั้นจึงทำการคัดเลือกแป้งออกซิไดซ์ที่เตรียมภายใต้สภาวะของปฏิกิริยาต่างๆเพื่อผลิตแป้งออกซิไดซ์ที่มีระดับช่วงความหนืดขณะร้อนของแป้งและปริมาณหมู่คาร์บอกซิลที่แตกต่างกัน แล้วจึงนำไปศึกษาสมบัติทางเคมี-ฟิสิกส์ของแป้งเปียกและฟิล์มแป้ง จากผลการศึกษาพบว่าปฏิกิริยาออกซิเดชั่นด้วยไฮโปคลอไรท์ทำให้แป้งมีปริมาณหมู่คาร์บอนิลและหมู่คาร์บอกซิลสูงขึ้นแต่มีความหนืดลดลง การทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นภายใต้สภาวะที่มีระดับความเป็นด่างต่ำ (pH 9) จะส่งเสริมให้เกิดปฏิกิริยาการสร้างหมู่ฟังก์ชั่นได้ดีกว่า ในขณะที่การทำปฏิกิริยาในสภาวะที่มีความเป็นด่างสูง (pH 11) จะส่งเสริมปฏิกิริยาในการลดค่าความหนืดของแป้งได้มากกว่า จากการศึกษาสมบัติทางเคมี-ฟิสิกส์ของแป้งพบว่าปริมาณหมู่คาร์บอกซิลเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อสมบัติของแป้งออกซิไดซ์ แป้งเปียกของแป้งออกซิไดซ์ที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิลสูง (0.65-0.67%) ไม่เกิดการฟอร์มเจลแม้ลดอุณหภูมิต่ำลงถึง 5 องศาเซลเซียส ในขณะที่แป้งออกซิไดซ์ที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิล < 0.42% จะเกิดการฟอร์มเจล โดยแป้งที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิลต่ำกว่าเกิดการฟอร์มเจลได้ง่ายกว่าและเจลที่ได้มีความแข็งแรงกว่า ฟิล์มที่เตรียมขึ้นจากแป้งออกซิไดซ์ที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิลสูงกว่าจะมีค่าการละลายได้มากกว่า เมื่อศึกษาสมบัติเชิงกลของฟิล์มแป้งพบว่าในกรณีที่ไม่มีการเติมกลีเซอรอล ฟิล์มจากแป้งมันสำปะหลังดิบและฟิล์มจากแป้งมันสำปะหลังออกซิไดซ์มีสมบัติเชิงกลที่คล้ายคลึงกันคือมีลักษณะเป็นฟิล์มที่ค่อนข้างแข็งแต่เปราะ การเติมกลีเซอรอลช่วยทำให้ฟิล์มแป้งมีความยืดหยุ่นดีขึ้น โดยในสภาวะที่มีการเติมกลีเซอรอลพบว่าแป้งออกซิไดซ์ที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิลสูงมีค่า tensile strength และ modulus ต่ำกว่า แต่มีความสามารถในการดึงยืด (elongation) ได้ดีกว่าแป้งที่มีปริมาณหมู่คาร์บอกซิลต่ำกว่า หลังจากเก็บรักษาเป็นเวลา 60 วันพบว่าฟิล์มแป้งที่ไม่มีการเติมกลีเซอรอลมีการเปลี่ยนแปลงสมบัติเชิงกลน้อยมาก ในขณะที่ฟิล์มแป้งที่มีกลีเซอรอลมีลักษณะแข็งมากขึ้นและมีความสามารถในการดึงยืดลดลง อัตราการเปลี่ยนแปลงสมบัติเชิงกลของฟิล์มแป้งในระหว่างเก็บรักษาที่พบในฟิล์มจากแป้งมันสำปะหลังดิบจะมากกว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับฟิล์มจากแป้งออกซิไดซ์
บทคัดย่อ (EN): The objective of this work was to study the paste and film properties of oxidized cassava starch prepared under different reaction conditions. In this study, cassava starch was oxidized by sodium hypochlorite under two different alkalinity levels (pH 9 and pH 11) with various hypochlorite concentrations (1-3% active chlorine) and reaction times (30-420 min). Then the paste and film properties of oxidized starches with different hot paste viscosity ranges and carboxyl contents were characterized. The results showed that generally hypochlorite oxidation increased the contents of carbonyl and carboxyl groups in starch but decreased the starch viscosity. Oxidation conducted under milder alkaline conditions (pH 9) produced higher amounts of functional groups; however, the extent of viscosity reduction was much greater when oxidation was conducted under conditions with higher alkalinity (pH 11). Paste and film properties of oxidized starch were then characterized. The results revealed that the amount of carboxyl groups in the starch was a key factor influencing the properties of oxidized starch. Paste prepared from oxidized starch with high carboxyl content (0.65-0.67%) did not form gel even the temperature was cooled down to 5 ?C. On the other hand, paste from oxidized starch with carboxyl content < 0.42% formed gel upon cooling. Oxidized starch with lower carboxyl content formed gel more readily and the resulting gel was firmer. Oxidized starch with higher carboxyl content yielded films with higher solubility. Without the addition of glycerol, the films from native and oxidized cassava starches showed similar mechanical properties which were rigid and brittle. With the addition of glycerol, all starch films became more flexible and the starch containing higher amount of carboxyl group yielded films with lower tensile strength and modulus but with higher elongation. After storage for 60 days, the changes in mechanical properties of unplasticized films were negligible; however, films plasticized with glycerol became harder and less flexible. The degree of changes in mechanical properties of starch films during storage observed in native starch was larger than those in oxidized starch.The objective of this work was to study the paste and film properties of oxidized cassava starch prepared under different reaction conditions. In this study, cassava starch was oxidized by sodium hypochlorite under two different alkalinity levels (pH 9 and pH 11) with various hypochlorite concentrations (1-3% active chlorine) and reaction times (30-420 min). Then the paste and film properties of oxidized starches with different hot paste viscosity ranges and carboxyl contents were characterized. The results showed that generally hypochlorite oxidation increased the contents of carbonyl and carboxyl groups in starch but decreased the starch viscosity. Oxidation conducted under milder alkaline conditions (pH 9) produced higher amounts of functional groups; however, the extent of viscosity reduction was much greater when oxidation was conducted under conditions with higher alkalinity (pH 11). Paste and film properties of oxidized starch were then characterized. The results revealed that the amount of carboxyl groups in the starch was a key factor influencing the properties of oxidized starch. Paste prepared from oxidized starch with high carboxyl content (0.65-0.67%) did not form gel even the temperature was cooled down to 5 ?C. On the other hand, paste from oxidized starch with carboxyl content < 0.42% formed gel upon cooling. Oxidized starch with lower carboxyl content formed gel more readily and the resulting gel was firmer. Oxidized starch with higher carboxyl content yielded films with higher solubility. Without the addition of glycerol, the films from native and oxidized cassava starches showed similar mechanical properties which were rigid and brittle. With the addition of glycerol, all starch films became more flexible and the starch containing higher amount of carboxyl group yielded films with lower tensile strength and modulus but with higher elongation. After storage for 60 days, the changes in mechanical properties of unplasticized films were negligible; however, films plasticized with glycerol became harder and less flexible. The degree of changes in mechanical properties of starch films during storage observed in native starch was larger than those in oxidized starch.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
สมบัติทางโครงสร้างและสมบัติของแป้งเปียกและฟิล์มจากแป้งมันสำปะหลังออกซิไดซ์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2554
สมบัติของฟิล์มและเจลจากแป้งมันสำปะหลังดัดแปรด้วยกรดในแอลกอฮอล์ การเตรียมและสมบัติของแป้งมันสำปะหลังละลายน้ำได้โดยการย่อยด้วยกรดในเอทานอล การเตรียมฟิล์มและสมบัติของฟิล์มจากแป้งพุทธรักษากินได้ (ระยะที่ 2) สมบัติทางเคมี-กายภาพ ชีววิทยา และสมบัติเชิงหน้าที่ของโปรตีนจากรำข้าวอินทรีย์ ผลของซูโครสและเกลือต่อสมบัติทางกายภาพของแป้งมันสำปะหลังที่มีไฮโดรคอลลอยด์ การวิเคราะห์ผลของไฮโดรคอลลอยด์และแป้งมันสำปะหลังต่อสมบัติทางกายภาพของเค้ก การทำฟิล์มที่รับประทานได้จากแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันสำปะหลัง โครงการย่อยที่ 2 ความสัมพันธ์ของสมบัติทางประสาทสัมผัสด้วยมือและสมบัติทางกายภาพของผ้าไหม การศึกษาสมบัติของถ่านชีวภาพต่อสมบัติของดิน และผลผลิต พืชสมุนไพรขมิ้นชันในพื้นที่ดินเปรี้ยวจัด ผลของการแทนที่ในบริเวณ B (Ni2+) ที่มีต่อการก่อเกิดเฟส โครงสร้างจุลภาค สมบัติทางไฟฟ้า และสมบัติทางแม่เหล็กของเซรามิก Bi0.5Na0.34K0.11Li0.05Ti(1-x)NixO3
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก