สืบค้นงานวิจัย
การคัดเลือกสายพันธุ์ถั่วเหลืองที่มีศักยภาพในการตรึงไนโตรเจนสูง
อัจฉรา นันทกิจ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การคัดเลือกสายพันธุ์ถั่วเหลืองที่มีศักยภาพในการตรึงไนโตรเจนสูง
ชื่อเรื่อง (EN): Soybean Varietal Selection on High N2-Fixation Protential
บทคัดย่อ: คัดเลือกสายพันธุ์ถั่วเหลืองพันธุ์พ่อแม่ ที่ให้องค์ประกอบการตรึงไนโตร เจนสูง ได้พันธุ์ CM 60, SJ 1 และ KUSL 20004 และ สายพันธุ์เชื้อไรโซเบียม ที่ให้องค์ประกอบการตรึงไนโตร เจนสูง คือ DASA 01026 และ DASA 01054 และสายพันธุ์ที่ให้องค์ประกอบการตรึงไนโตร เจนต่ำ คือ สายพันธุ์ DASA 01041 แล้วนำถั่วเหลืองที่คัดเลือกได้ 3 พันธุ์ เมื่อถั่วเหลืองออกดอกจึงผสมเกสร ระหว่างพันธุ์โดยผสมแบบพบกันหมด ได้ 6 คู่ผสม นำเมล็ด ลูกผสมชั่วที่ 1 ไปปลูกขยายให้ได้เมล็ดลูกผสมชั่วที่ 2 อย่างน้อยคู่ผสมละ 50 เมล็ด แล้วนำมาปลูกทดสอบลูกผสมชั่วที่ 2 จำนวน 36 สายพันธุ์ เก็บข้อมูลองค์ประกอบของขบวนการตรึงไนโตรเจนทั้งหมด และข้อมูลผลผลิตและองค์ประกอบของผลผลิตของลูกผสมชั่วที่ 2 เพื่อใช้ศึกษาพันธุกรรมการถ่ายทอดประสิทธิภาพในการตรึงไนโตรเจนของถั่วเหลือง ซึ่งใช้ในการคัดเลือกมาตั้งแต่ปี 2541-2549 ได้ถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 6 ทำการคัดเลือกลูกผสมชั่วที่ 7 โดยนำถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 6 ที่คัดเลือกได้ จำนวน 6 สายพันธุ์ มาปลูกทดสอบรวมกับพันธุ์พ่อแม่อีก 3 สายพันธุ์ รวมเป็น 9 สายพันธุ์ เพื่อทดสอบกับเชื้อไรโซเบียม 3 สายพันธุ์ จำนวน 2 ฤดู ในปี 2550 ได้สายพันธุ์ถั่วเหลือง F7 ที่ดีที่สุด 3 สายพันธุ์ แล้วนำไปใช้ทดสอบคัดเลือกลูกผสมชั่วที่ 8 โดยปลูกจำนวน 4 แปลง คือ สถานีวิจัยเขาหินซ้อน, สถานีวิจัยพืชไร่ปราจีนบุรี และ แปลงเกษตรกร ในปี 2551 ได้สายพันธุ์ถั่วเหลือลูกผสมชั่วที่ 8 ที่ดีที่สุด 3 สายพันธุ์ เพื่อนำไปใช้ทดสอบในแปลงเกษตรกร มาปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูกคือพันธุ์ CM 60 ในพื้นที่เขตจังหวัดฉะเชิงเทรา, ปราจีนบุรี และ สระแก้ว จำนวน 8 แปลง ผลจาการศึกษาในถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 6, 7 ให้ผลเช่นเดี่ยวกัน คือแต่ละสายพันธุ์มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจนได้แตกต่างกัน มีส่วนทำให้องค์ประกอบของผลผลิตและผลผลิตแตกต่างกัน พบว่า สายพันธุ์ KHS-98-006 ให้ค่าเฉลี่ยสูงเกือบทุกลักษณะที่เก็บข้อมูล (องค์ประกอบการตรึงไนโตรเจน ผลผลิต และองค์ประกอบผลผลิต) รองลงมาคือ สายพันธุ์ KHS-98-005 และสายพันธุ์ KHS-98-004 ส่วนการทดสอบในไร่เกษตรกรในถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 8 นั้น ให้ผลผลิตแตกต่างกัน โดย ถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 8 ที่ปลูกในแปลงวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว ให้ผลผลิตสูงที่สุด คือ 418 กิโลกรัม/ไร่ รองลงมาคือ แปลงเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว และแปลงกบินบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้ผลผลิตเท่ากันคือ 409 กิโลกรัม/ไร่ ส่วนแปลงที่ให้ผลผลิตต่ำที่สุด คือ แปลงแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งให้ผลผลิต 333 กิโลกรัม/ไร่ และ เมื่อพิจารณาสายพันธุ์ถั่วเหลืองชั่วที่ 8 พบว่าให้ผลผลิตแตกต่างกัน โดยสายพันธุ์ KHS-98-006 ให้ผลผลิตมากที่สุด คือ 469 กิโลกรัม/ไร่ แสดงว่า เป็นสายพันธุ์ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี รองลงมาคือ สายพันธุ์ KHS-98-004 ให้ 403 กิโลกรัม/ไร่, สายพันธุ์ KHS-98-005 ให้ 372 กิโลกรัม/ไร่ และสายพันธุ์ KHS-98-001 ให้ 364 กิโลกรัม/ไร่ ส่วนพันธุ์ CM60 ซึ่งให้ผลผลิต 322 กิโลกรัม/ไร่ ดังนั้นจึงทำให้สามารถคัดเลือกสายพันธุ์ถั่วเหลืองที่มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจนสูง ให้ผลผลิตสูง เพื่อนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองในเขตภาคตะวันออกของประเทศไทยปลูกต่อไป คือ สายพันธุ์ KHS-98-006 จากคู่ผสมระหว่าง ถั่วเหลืองพันธุ์ SJ 1 กับ KUSL 20004 คัดเลือกสายพันธุ์ถั่วเหลืองพันธุ์พ่อแม่ ที่ให้องค์ประกอบการตรึงไนโตร เจนสูง ได้พันธุ์ CM 60, SJ 1 และ KUSL 20004 และ สายพันธุ์เชื้อไรโซเบียม ที่ให้องค์ประกอบการตรึงไนโตร เจนสูง คือ DASA 01026 และ DASA 01054 และสายพันธุ์ที่ให้องค์ประกอบการตรึงไนโตร เจนต่ำ คือ สายพันธุ์ DASA 01041 แล้วนำถั่วเหลืองที่คัดเลือกได้ 3 พันธุ์ เมื่อถั่วเหลืองออกดอกจึงผสมเกสร ระหว่างพันธุ์โดยผสมแบบพบกันหมด ได้ 6 คู่ผสม นำเมล็ด ลูกผสมชั่วที่ 1 ไปปลูกขยายให้ได้เมล็ดลูกผสมชั่วที่ 2 อย่างน้อยคู่ผสมละ 50 เมล็ด แล้วนำมาปลูกทดสอบลูกผสมชั่วที่ 2 จำนวน 36 สายพันธุ์ เก็บข้อมูลองค์ประกอบของขบวนการตรึงไนโตรเจนทั้งหมด และข้อมูลผลผลิตและองค์ประกอบของผลผลิตของลูกผสมชั่วที่ 2 เพื่อใช้ศึกษาพันธุกรรมการถ่ายทอดประสิทธิภาพในการตรึงไนโตรเจนของถั่วเหลือง ซึ่งใช้ในการคัดเลือกมาตั้งแต่ปี 2541-2549 ได้ถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 6 ทำการคัดเลือกลูกผสมชั่วที่ 7 โดยนำถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 6 ที่คัดเลือกได้ จำนวน 6 สายพันธุ์ มาปลูกทดสอบรวมกับพันธุ์พ่อแม่อีก 3 สายพันธุ์ รวมเป็น 9 สายพันธุ์ เพื่อทดสอบกับเชื้อไรโซเบียม 3 สายพันธุ์ จำนวน 2 ฤดู ในปี 2550 ได้สายพันธุ์ถั่วเหลือง F7 ที่ดีที่สุด 3 สายพันธุ์ แล้วนำไปใช้ทดสอบคัดเลือกลูกผสมชั่วที่ 8 โดยปลูกจำนวน 4 แปลง คือ สถานีวิจัยเขาหินซ้อน, สถานีวิจัยพืชไร่ปราจีนบุรี และ แปลงเกษตรกร ในปี 2551 ได้สายพันธุ์ถั่วเหลือลูกผสมชั่วที่ 8 ที่ดีที่สุด 3 สายพันธุ์ เพื่อนำไปใช้ทดสอบในแปลงเกษตรกร มาปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูกคือพันธุ์ CM 60 ในพื้นที่เขตจังหวัดฉะเชิงเทรา, ปราจีนบุรี และ สระแก้ว จำนวน 8 แปลง ผลจาการศึกษาในถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 6, 7 ให้ผลเช่นเดี่ยวกัน คือแต่ละสายพันธุ์มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจนได้แตกต่างกัน มีส่วนทำให้องค์ประกอบของผลผลิตและผลผลิตแตกต่างกัน พบว่า สายพันธุ์ KHS-98-006 ให้ค่าเฉลี่ยสูงเกือบทุกลักษณะที่เก็บข้อมูล (องค์ประกอบการตรึงไนโตรเจน ผลผลิต และองค์ประกอบผลผลิต) รองลงมาคือ สายพันธุ์ KHS-98-005 และสายพันธุ์ KHS-98-004 ส่วนการทดสอบในไร่เกษตรกรในถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 8 นั้น ให้ผลผลิตแตกต่างกัน โดย ถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 8 ที่ปลูกในแปลงวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว ให้ผลผลิตสูงที่สุด คือ 418 กิโลกรัม/ไร่ รองลงมาคือ แปลงเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว และแปลงกบินบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้ผลผลิตเท่ากันคือ 409 กิโลกรัม/ไร่ ส่วนแปลงที่ให้ผลผลิตต่ำที่สุด คือ แปลงแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งให้ผลผลิต 333 กิโลกรัม/ไร่ และ เมื่อพิจารณาสายพันธุ์ถั่วเหลืองชั่วที่ 8 พบว่าให้ผลผลิตแตกต่างกัน โดยสายพันธุ์ KHS-98-006 ให้ผลผลิตมากที่สุด คือ 469 กิโลกรัม/ไร่ แสดงว่า เป็นสายพันธุ์ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี รองลงมาคือ สายพันธุ์ KHS-98-004 ให้ 403 กิโลกรัม/ไร่, สายพันธุ์ KHS-98-005 ให้ 372 กิโลกรัม/ไร่ และสายพันธุ์ KHS-98-001 ให้ 364 กิโลกรัม/ไร่ ส่วนพันธุ์ CM60 ซึ่งให้ผลผลิต 322 กิโลกรัม/ไร่ ดังนั้นจึงทำให้สามารถคัดเลือกสายพันธุ์ถั่วเหลืองที่มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจนสูง ให้ผลผลิตสูง เพื่อนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองในเขตภาคตะวันออกของประเทศไทยปลูกต่อไป คือ สายพันธุ์ KHS-98-006 จากคู่ผสมระหว่าง ถั่วเหลืองพันธุ์ SJ 1 กับ KUSL 20004
บทคัดย่อ (EN): Three soybean varieties with high N2-fixation efficiency components namely CM 60, SJ 1, and KUSL 2004 were selected for parent lines in soybean improvement program. Rhizobium strains selection for this experiment were DASA 01026 and DASA 01054, (high N2-fixation efficiency components) and DASA 01041, (low N2-fixation efficiency components). The 3 parent lines were crossed in diallele to received 6 F1 hybrids. All F1 were grown for increasing of F2 seeds at least 50 seeds per cross. From F1, 36 soybean lines were selected and tested for N2-fixation efficiency components, yield, yield components and heritability of N2-fixation efficiency. The lines selection carried out from 1999-2006, then 6 of selected F6 were tested compared to their parent lines by using 3 different rhizobium strains in 2 seasons of the year 2007. From the 2007 trial, 3 superior F7 were tested as F8 in 2008 at 4 locations including Khaohinson Research Station, Prachinburi Field Crops Research Station, and 2 farmers’ fields. From the 1st regional trial in 2008, 3 superior F8 were tested as F9 compared to CM 60, the recommended variety in 2009 at 8 locations in the east region of Thailand including Chachoengsao, Prachinburi, and Srakaew provinces. The result of F6 and F7 trial showed that the selected lines from both generation had the same trend and significantly different in N2-fixation efficiency components, yield, and yield components. The selected line, KHS-98-006 gave superior in all characters under investigation, followed by KHS-98-005 and KHS-98-004, respectively. On farm trial of F8 revealed that at Wang Sombun gave highest yield followed by Khao Chakun, and Kabin Buri, 418, 409, and 409 kg/rai, respectively. At Plangyaow soybean yield was lowest, 333 kg/rai. Selection of potential lines could be concluded that all selected lines had significantly different in N2-fixation efficiency components, yield, and yield components. The KHS-98-006 gave highest yield of 469 kg/rai, followed by KHS-98-004 and KHS-98-005 that gave 403, and 327 kg/rai. The lowest yield found in KHS-98-001 and CM 60 that gave 364 and 322 kg/rai, respectively. Hence, KHS-98-006 which developed from SJ1 x KUSL 20004 was the highest N2-fixation efficiency components, yield, and yield components, so it was the best soybean line for the east region of Thailand. Three soybean varieties with high N2-fixation efficiency components namely CM 60, SJ 1, and KUSL 2004 were selected for parent lines in soybean improvement program. Rhizobium strains selection for this experiment were DASA 01026 and DASA 01054, (high N2-fixation efficiency components) and DASA 01041, (low N2-fixation efficiency components). The 3 parent lines were crossed in diallele to received 6 F1 hybrids. All F1 were grown for increasing of F2 seeds at least 50 seeds per cross. From F1, 36 soybean lines were selected and tested for N2-fixation efficiency components, yield, yield components and heritability of N2-fixation efficiency. The lines selection carried out from 1999-2006, then 6 of selected F6 were tested compared to their parent lines by using 3 different rhizobium strains in 2 seasons of the year 2007. From the 2007 trial, 3 superior F7 were tested as F8 in 2008 at 4 locations including Khaohinson Research Station, Prachinburi Field Crops Research Station, and 2 farmers’ fields. From the 1st regional trial in 2008, 3 superior F8 were tested as F9 compared to CM 60, the recommended variety in 2009 at 8 locations in the east region of Thailand including Chachoengsao, Prachinburi, and Srakaew provinces. The result of F6 and F7 trial showed that the selected lines from both generation had the same trend and significantly different in N2-fixation efficiency components, yield, and yield components. The selected line, KHS-98-006 gave superior in all characters under investigation, followed by KHS-98-005 and KHS-98-004, respectively. On farm trial of F8 revealed that at Wang Sombun gave highest yield followed by Khao Chakun, and Kabin Buri, 418, 409, and 409 kg/rai, respectively. At Plangyaow soybean yield was lowest, 333 kg/rai. Selection of potential lines could be concluded that all selected lines had significantly different in N2-fixation efficiency components, yield, and yield components. The KHS-98-006 gave highest yield of 469 kg/rai, followed by KHS-98-004 and KHS-98-005 that gave 403, and 327 kg/rai. The lowest yield found in KHS-98-001 and CM 60 that gave 364 and 322 kg/rai, respectively. Hence, KHS-98-006 which developed from SJ1 x KUSL 20004 was the highest N2-fixation efficiency components, yield, and yield components, so it was the best soybean line for the east region of Thailand.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: การปรับปรุงพันธุ์
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การคัดเลือกสายพันธุ์ถั่วเหลืองที่มีศักยภาพในการตรึงไนโตรเจนสูง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2552
โครงการปรับปรุงพันธุ์ถั่วเหลืองอายุสั้นและโปรตีนสูง การใช้ RFLPs ของชิ้นส่วนบริเวณ nodD1 และ nodA ของไรโซเบียมถั่วเหลืองระบุศักยภาพการตรึงไนโตรเจน โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ถั่วเหลือง การปรับปรุงพันธุ์ถั่วเหลืองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรึงไนโตรเจนในสภาพที่มีไนโตรเจนสูง การยอมรับการใช้เชื้อไรโซเบียมของเกษตรกรที่ร่วมโครงการขยายเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง ผลกระทบของอุณหภูมิสูงต่อความสูงและคุณภาพเมล็ดของถั่วเหลืองจำนวน 26 สายพันธุ์ การใช้เชื้อไรโซเบียมร่วมกับปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเพิ่มผลผลิตและโปรตีนในถั่วเหลือง การคัดเลือกเบื้องต้นพันธุ์ถั่วเหลืองสำหรับผลิตถั่วงอก การคัดเลือกพืชบางชนิดที่ไม่สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศเพื่อใช้เป็นพืชมาตรฐานในการศึกษาปริมาณการตรึงไนโตรเจนของถั่วเหลืองโดย 15 N Dilution Method การเพิ่มผลผลิตและการตรึงไนโตรเจนของถั่วเหลืองในประเทศไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก