สืบค้นงานวิจัย
การตรวจสอบอันตรายในอาหารอย่างรวดเร็วด้วยเทคนิคสเปกโตรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้
ศราวุธ ภู่ไพจิตร์กุล - มหาวิทยาลัยศิลปากร
ชื่อเรื่อง: การตรวจสอบอันตรายในอาหารอย่างรวดเร็วด้วยเทคนิคสเปกโตรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้
ชื่อเรื่อง (EN): Rapid method for food hazards analysis using near infrared spectroscopy (NIR)
บทคัดย่อ: ชื่อโครงการ การตรวจสอบการปนเปื้อนของราและสารพิษอะฟลาทอกซินแบบไม่ทำลายตัวอย่างในพริกไทย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วลิสงด้วยเทคนิคสเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ ชื่อผู้วิจัย 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. บุศรากรณ์ มหาโยธี (หัวหน้าโครงการ) ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร 2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปราโมทย์ คูวิจิตรจารุ (ผู้ร่วมโครงการ) ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร แหล่งทุนอุดหนุนการวิจัย งบประมาณแผ่นดินประจำปี 2558 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่เสร็จ 2559 ประเภทการวิจัย การวิจัยประยุกต์ สาขาวิชา (อ้างอิงตามวช.) เกษตรศาสตร์และชีววิทยา กลุ่มวิชาอุตสาหกรรมเกษตร บทคัดย่อ งานวิจัยนี้ได้ศึกษาการประยุกต์ใช้เทคนิคสเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ในการตรวจสอบการปนเปื้อนของราและสารพิษอะฟลาทอกซินแบบไม่ทำลายตัวอย่างในพริกไทย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วลิสง และศึกษาการตรียมตัวอย่างด้วยเทคนิค dry-extract system for infrared (DESIR) เพื่อเพิ่มความเข้มข้นปริมาณอะฟลาทอกซิน ตัวอย่างพริกไทย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วลิสงวิเคราะห์วิธีมาตรฐานคือ ปริมาณความชื้นด้วยตู้อบลมร้อน ปริมาณเชื้อราด้วยวิธิ total plate count และปริมาณสารพิษอะฟลาทอกซินบี 1 ด้วยเทคนิค HPLC ตัวอย่างจะถูกนำมาวัด NIR ในสองรูปแบบคือแบบเมล็ดและแบบบด ในช่วงความยาวคลื่น 800-2500 นาโนเมตร ด้วยเครื่อง FT-NIR ในระบบการวัดแบบสะท้อนกลับ (reflectance) และศึกษาการเตรียมตัวอย่างสำหรับตรวจสอบอะฟลาทอกซินบี ที่มีความเข้มข้นต่ำ ด้วยเทคนิค dry-extract system for infrared (DESIR) โดยการหยดสารสกัดลงบนกระดาษใยแก้ว (GF/A) หลังจากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งในตู้ดูดควันเป็นเวลา 1 ชั่วโมง นำไปวัดด้วยเครื่อง FT-NIR ในระบบการวัดแบบส่องผ่านและสะท้อนกลับ (transflectance) ในช่วงความยาวคลื่น 800-2500 นาโนเมตร สร้างสมการทำนายโดยใช้วิธีการถดถอยกำลังสองน้อยที่สุดบางส่วน (partial least squares, PLS) จากการศึกษาพบว่าเทคนิค NIRS มีความเหมาะสมในการนำมาตรวจสอบปริมาณความชื้น ปริมาณอะฟลาทอกซินได้ แต่ไม่สามารถใช้ในการตรวจสอบปริมาณเชื้อราได้ โดยให้ค่าสัมประสิทธ์การตัดสินใจ (coefficient of determination, R2) และมีค่าความคลาดเคลื่อนในการทำนาย (root mean mnbsquare error of cross validation, RMSECV) ของปริมาณความชื้น เท่ากับ 0.98 และ 0.521%, ปริมาณเชื้อราเท่ากับ 0.30 และ 3.89x103 cfu/g และ ปริมาณอะฟลาทอกซินเท่ากับ 0.97 และ 0.014 ppm และ ตามลำดับ คำสำคัญ: การปนเปื้อน อาหารปลอดภัย เชื้อรา สารพิษอะฟลาทอกซิน จุลินทรีย์ อันตรายในอาหาร การตรวจสอบแบบไม่ทำลายตัวอย่าง สเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ ชื่อโครงการ การตรวจจับอันตรายทางกายภาพและตรวจวัดคุณภาพโดยใช้สเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้เพื่อคัดแยกเมล็ดกาแฟดิบ ชื่อผู้วิจัย 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปราโมทย์ คูวิจิตรจารุ (หัวหน้าโครงการ) ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร 2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ชัยยงค์ เตชะไพโรจน์ (ผู้ร่วมโครงการ) ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร 3. อาจารย์ ดร. ศราวุธ ภู่ไพจิตร์กุล (ผู้ร่วมโครงการ) ภาควิชาวิทยาการและวิศวกรรมวัสดุ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร แหล่งทุนอุดหนุนการวิจัย งบประมาณแผ่นดินประจำปี 2558 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่เสร็จ 2559 ประเภทการวิจัย การวิจัยประยุกต์ สาขาวิชา (อ้างอิงตามวช.) เกษตรศาสตร์และชีววิทยา กลุ่มวิชาอุตสาหกรรมเกษตร บทคัดย่อ งานวิจัยนี้ได้ศึกษาการประยุกต์ใช้เทคนิคสเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ในการคัดแยกเมล็ดกาแฟดิบสายพันธุ์โรบัสต้า โดยเตรียมตัวอย่างเมล็ดกาแฟดิบออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ เมล็ดกาแฟคุณภาพดี (มีความชื้น 9.5%) และเมล็ดกาแฟที่บกพร่อง 4 กลุ่ม ประกอบด้วยเมล็ดดำ (มีความชื้น 11%) เมล็ดที่สีเปลือกออกไม่หมด (มีความชื้น 10%) เมล็ดดีที่มีความชื้น 14 และ 18% กลุ่มละ 100 เมล็ด นำตัวอย่างเมล็ดกาแฟมาวัดสเปกตรัมทีละเมล็ด โดยวิธีการวัดแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบที่ 1 ให้แสงส่องมายังด้านนูน และแบบที่ 2 ให้แสงส่องมายังด้านเรียบ ในช่วงเลขคลื่น 12500-4000 cm-1 ด้วยเครื่อง FT-NIR ในระบบการวัดแบบสะท้อนกลับ (reflectance) จากนั้นนำข้อมูลสเปกตรัมมาแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 ประกอบด้วยเมล็ดคุณภาพดี เมล็ดดำและเมล็ดที่สีเปลือกออกไม่หมด ชุดที่ 2 ประกอบด้วยเมล็ดคุณภาพดีที่มีความชื้น 9.5, 14 และ 18% และชุดที่ 3 ประกอบด้วยเมล็ดกาแฟทั้ง 5 กลุ่ม และจำแนกกลุ่มตัวอย่างจากทั้ง 3 ชุดด้วยวิธีการวิเคราะห์การจำแนกประเภทเชิงเส้น (linear discriminant analysis; LDA) โดยการใช้ข้อมูลจากทุกเลขคลื่นและใช้ข้อมูลเฉพาะบางเลขคลื่น จากการวิเคราะห์ผลพบว่าการใช้ข้อมูลสเปกตรัมร่วมกับเทคนิค LDA สามารถจำแนกเมล็ดกาแฟจากทั้ง 3 ชุด ออกจากกันได้ โดยการใช้ข้อมูลจากทุกความยาวคลื่น การวัดแต่ละแบบมีค่าความถูกต้องในการจำแนกกลุ่ม 100% และเมื่อรวมข้อมูลการวัดทั้ง 2 แบบ ให้ความถูกต้องในการจำแนกกลุ่มมากกว่า 96% และการใช้ข้อมูลเฉพาะบางความยาวคลื่นโดยวัดแต่ละแบบ ให้ค่าความถูกต้องในการจำแนกกลุ่มมากกว่า 97 % และเมื่อรวมข้อมูลการวัดทั้ง 2 แบบ ให้ค่าความถูกต้องในการจำแนกกลุ่มมากกว่า 98% นอกจากนี้ยังได้ศึกษาการคัดแยกเมล็ดที่มีการปนเปื้อนอันตรายทางกายภาพได้แก่เมล็ดปนเปื้อนดิน และเมล็ดปนเปื้อนมูลไก่ พบว่าการใช้ข้อมูลสเปกตรัมร่วมกับเทคนิค LDA สามารถจำแนกเมล็ดกาแฟที่ปนเปื้อนออกจากเมล็ดดีได้โดยมีค่าความถูกต้องในการจำแนกกลุ่ม 100% คำสำคัญ: เมล็ดกาแฟดิบ โรบัสต้า ความผิดปรกติ คัดแยก ปนเปื้อน สเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ ชื่อโครงการ การตรวจสอบการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ในใบโหระพาอย่างรวดเร็วด้วยเทคนิคสเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ชื่อผู้วิจัย 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ชัยวัฒน์ บันไดเพ็ชร (หัวหน้าโครงการ) ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร 2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. บุศรากรณ์ มหาโยธี (ผู้ร่วมโครงการ) ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร 3. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปราโมทย์ คูวิจิตรจารุ (ผู้ร่วมโครงการ) ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร แหล่งทุนอุดหนุนการวิจัย งบประมาณแผ่นดินประจำปี 2558 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่เสร็จ 2559 ประเภทการวิจัย การวิจัยประยุกต์ สาขาวิชา (อ้างอิงตามวช.) เกษตรศาสตร์และชีววิทยา กลุ่มวิชาอุตสาหกรรมเกษตร บทคัดย่อ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเทคนิคสเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ (NIRS) และการถ่ายภาพสเปกตรัม (HSI) ซึ่งเป็นวิธีการที่รวดเร็ว และไม่ทำลายตัวอย่างมาประยุกต์ใช้ในการทำนายความชื้นและตรวจสอบการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ ได้แก่ จำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด Escherichia coli (E.coli) ยีสต์และรา ในใบโหระพา โดยการเตรียมตัวอย่าง 2 รูปแบบคือ ตัวอย่างใบโหระพาที่เลียนแบบการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ โดยจะทำการวัดสเปกตรัมของตัวอย่างใบโหระพาสด ด้วยเครื่อง FT-NIR (800-2500 นาโนเมตร) ในระบบการวัดแบบสะท้อนกลับ (reflectance) และการถ่ายภาพสเปกตรัมด้วยกล้องถ่ายภาพสเปกตรัม (400-1000 นาโนเมตร) 1 ภาพต่อ 15 ใบ สำหรับการสร้างสมการทำนายปริมาณความชื้น จำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด Escherichia coli (E.coli) ยีสต์และรา ในใบโหระพา สร้างสมการทำนายโดยใช้วิธีการถดถอยกำลังสองน้อยที่สุดบางส่วน (partial least squares, PLS) จากการศึกษาพบว่าเทคนิค NIRS มีความเหมาะสมในการนำมาตรวจสอบปริมาณความชื้น จำนวนยีสต์และราได้ โดยให้ค่าสัมประสิทธ์การตัดสินใจ (coefficient of determination, R2) เท่ากับ 0.65 และ 0.83 ตามลำดับ และมีค่าความคลาดเคลื่อนในการทำนาย (root mean square error of prediction, RMSEP) เท่ากับ 0.963 % และ 3.18x104 cfu/g ตามลำดับ และจากผลการศึกษาด้วยเทคนิค HSI พบว่าเทคนิค HSI ยังไม่สามารถใช้ในการตรวจสอบปริมาณจำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด Escherichia coli (E.coli) ยีสต์และรา ในใบโหระพา ได้ เนื่องจากให้ค่า R2 ที่ต่ำ โดยให้ค่า R2 เท่ากับ 0.37, 0.29, และ 0.11 ตามลำดับ และให้ค่า RMSEP ที่สูงเท่ากับ 1.2 x107 cfu/g 6.1 x108 cfu/g และ3.9 x105 cfu/g ตามลำดับ คำสำคัญ: แบคทีเรีย ยีสต์ รา .ใบโหระพา การปนเปื้อน อาหารปลอดภัย ชื่อโครงการ การออกแบบและจัดทำเครื่องคัดแยกเมล็ดกาแฟดิบด้วยการวัดคุณภาพเมล็ดด้วยเทคนิคสเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ ชื่อผู้วิจัย 1. อาจารย์ ดร.ศราวุธ ภู่ไพจิตร์กุล (หัวหน้าโครงการ) คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร แหล่งทุนอุดหนุนการวิจัย งบประมาณแผ่นดินประจำปี 2558 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่เสร็จ 2559 ประเภทการวิจัย การวิจัยประยุกต์ สาขาวิชา (อ้างอิงตามวช.) เกษตรศาสตร์และชีววิทยา กลุ่มวิชาอุตสาหกรรมเกษตร บทคัดย่อ กาแฟเป็นผลิตผลทางเกษตรที่มีการนำมาแปรรูปเป็นทั้งอาหาร และเครื่องดื่มซึ่งเป็นที่นิยมทั่วโลก การจะได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจะต้องมีการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน จนมีมาตรฐานการคัดเลือกที่เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ซึ่งงานวิจัยนี้จะทำการศึกษาเกี่ยวกับออกแบบและสร้างเครื่องต้นแบบในการคัดแยกเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิกาและโรบัสตาที่มีคุณภาพดีออกจากเมล็ดที่มีข้อบกพร่องและสิ่งปลอมปนทางกายภาพอื่นๆ โดยอาศัยเทคนิคสเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ โดยในการทดลองจะนำเมล็ดกาแฟจากพื้นที่เพาะปลูกต่างๆ ในประเทศไทยมาทำการทดสอบหาปริมาณความชื้น คาเฟอีน น้ำมัน ซูโครส กรดคลอโรจินิก และพอลิแซคคาไรด์เทียบกับค่ามาตรฐาน แล้วนำเมล็ดกาแฟไปวัดสเปกตรัมด้วยเครื่อง minispectrometer (tec5) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีมาตรฐานเพื่อเก็บข้อมูลไว้ใช้อ้างอิง และเครื่อง NIR line scan ที่ออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์แล้วสร้างแบบจำลองทำนายที่จะนำไปคัดแยกเมล็ดกาแฟแบบอัตโนมัติ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า ค่าทางเคมีที่ได้จากการทดลองมีแนวโน้มเป็นไปตามค่ามาตรฐาน แต่ปริมาณน้ำมันสูงกว่ามาตรฐานมาก และปริมาณคาเฟอีนต่ำกว่าค่ามาตรฐานมาก ในส่วนของเครื่อง NIR line scan นั้นใช้ระบบเกรตติ้งที่มีความเหมาะสมกับการใช้งานจริง โดยให้แสงส่องไปที่วัตถุและสะท้อนเข้าสู่สลิตขนาดยาว 300 มม. กว้าง 3 มม. เพื่อให้แสงมีลักษณะเป็นเส้นไปยังชุดเลนส์เพื่อรวมแสงไปที่เกรตติ้งแล้วใช้กล้อง Sony XCEI-50 เป็นตัวตรวจจับ ในส่วนของสเปกตรัมที่วิเคราะห์ด้วยเทคนิค PCA พบว่า จะสามารถแยกกลุ่มเมล็ดกาแฟออกเป็น 2 กลุ่มได้อย่างชัดเจนเมื่อทำการเลือกวิเคราะห์ที่ช่วงความยาวคลื่นเป็น 800-1000 นาโนเมตร โดยกลุ่มหนึ่งเป็นเมล็ดกาแฟอาราบิก้า และอีกกลุ่มหนึ่งเป็นเมล็ดกาแฟอาราบิก้าจากอีกแหล่งหนึ่งรวมกับโรบัสต้า เมื่อนำสเปกตรัมไปวิเคราะห์หาความสัมพันธ์กับค่าทางเคมีที่ได้จากการทดลองข้างต้นพบว่า ความสัมพันธ์ที่ได้จากเครื่อง NIR line scan ยังมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่าเครื่อง minispectrometer คำสำคัญ : เมล็ดกาแฟดิบ, สเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้, สิ่งปลอมปน, คัดแยก
บทคัดย่อ (EN): Non-destructive determination of mold and aflatoxin in pepper, corn and peanut using near infrared spectroscopy (NIRS). Researcher Busarakorn Mahayothee Pramote Khuwijitjaru Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University Pramote Khuwijitjaru Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University Research Grants Fiscal Budget of Year 2015., Research and Development Institute, Silpakorn University Year of completion 2016 Type of research Applied research Subjects (based NRCT) Agriculture and Biology, Agro-Industry The objective of this research was to study the rapid determination of moisture content, aflatoxin content and mold in pepper, corn and peanut using near infrared spectroscopy (NIRS) and studying the feasibility sample preparation of dry-extract system for infrared (DESIR) technique for determination low level of aflatoxin B1. In this study, samples were used for detection of moisture content and mold and aflatoxin B1. The reference analysis of total mold content using dilution plating method and moisture content by oven-dry method and aflatoxin B1 by HPLC were performed. Samples were prepared from two different methods for analysis NIR measurements, the first method was the kernel and the second one were the grond sample. Both types of samples were analyzed using reflectance mode of NIR measurements in wavelength regions 800-2500 nm. glass micro fibre (GF/A) samples were used for model building for determination of aflatoxin B1. Model (GF/A) were dropped with 1 ml of extraction aflatoxin B1 in sample ranging and dried in hood 1 hour. Model (GF/A) were analyzed using transflectance mode of measurements in wavelength regions 800-2500 nm. Then, the calibration model was built by using partial least squares regression analysis. It was found that grinded sample was a proper sample preparation for NIR measurement to predict the moisture content mold and aflatoxin B1 in pepper, corn and peanut. Maximum coefficient of determination (R2) and less root mean square error of prediction (RMSEP) were respectively 0.98 and 0.521%, 0.30 and 3.89x103 cfu/g and 0.97 and 0.14 ppm for moisture content mold and aflatoxin B1, respectively. Keywords: contamination, food safety, mold, aflatoxin, microbial, food hazards, non-destructive, near infrared spectroscopy Detection of Physical Hazards and Quality Determination by Near Infrared Spectroscopy (NIR) for Green Coffee Researcher Pramote Khuwijitjaru Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University Chaiyong Taechapairoj Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University Sarawut Phupaichitkun Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University Research Grants Fiscal Budget of Year 2015., Research and Development Institute, Silpakorn University Year of completion 2016 Type of research Applied research Subjects (based NRCT) Agriculture and Biology, Agro-Industry In this research, application of near infrared spectroscopy to sorting green coffee beans was investigated. Five samples of coffee beans were prepared (100 beans each), good bean (moisture content; m.c. 9.5%), and 4 defective beans which were black beans (m.c. 11%), husk bean (m.c. 10%), good bean with m.c. adjusted to 14 and 18%. Near infrared spectrum of each bean was measured on both sides (convex and flat sides) in a wave number range of 12500-4000 cm-1 using a FT-NIR in a reflectance mode. Three different groups of data were divided; the 1st group consisted of data from good bean, black bean, and husk bean, the 2nd group consisted of data from good bean with m.c. of 9.5, 14 and 18%, and the 3rd group consisted of data from all samples. All data were classified using linear discriminant analysis (LDA) using full spectra and selected-wave number spectra. The results showed that NIR spectra and LDA could be used to separate green coffee bean in all 3 groups of data. Using full spectra with data from either side resulted in 100 % accuracy while combinding data from both sides gave accuracy > 96%. Using selected-wavenumber spectra with data from either side resulted in > 97% accuracy while combinding data from both sides gave accuracy higher than 98%. In addition, detection of physical hazards contaminated coffee beans was also evaluated using fecal and soil contaminated beans. It was found that LDA using full spectra gave 100 % accuracy in separating contaminated from non-contaminated beans. Keywords: Green coffee bean, Robusta, Defects, Sorting, Contamination, Near infrared spectroscopy Rapid determination of aerobic bacteria, yeast and mold in sweet basil by near infrared spectroscopy (NIRS) Researcher Chaiwat Bandaiphet Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University Busarakorn Mahayothee Pramote Khuwijitjaru Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University Pramote Khuwijitjaru Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University Research Grants Fiscal Budget of Year 2015., Research and Development Institute, Silpakorn University Year of completion 2016 Type of research Applied research Subjects (based NRCT) Agriculture and Biology, Agro-Industry The objective of this study was to use near-infrared spectroscopy (NIRS) and hyperspectral imaging (HSI) as rapid and non-destructive techniques to analyze moisture content, total microbial, E. coli, yeast and mold in flesh sweet basil. Total sweet basil were taken for spectrum acquisition using an FT-NIR spectrometer (800 - 2500 nm) in reflectance mode with a nominal resolution of 16 cm-1 and scan time of 32 and the samples were imaged by reflectance HSI at the wavelength of 400 - 1000 nm. Then sample was examined for moisture contents, total microbial, E. coli, yeast and mold in flesh of sweet basil. Calibration and validation models of both techniques were built using a partial least square regression analysis. It was found that NIRS was suitable for determining the moisture content, total microbial, E. coli, yeast and mold that provided the coefficient of determination (R2) of 0.65 and 0.83 respectively and gave the root squares error of prediction (RMSEP) of 0.963 % and 3.18x104 cfu/g fresh weight, respectively. While, the HSI could not be used for determining moisture content, total microb, E. coli, yeast and mold in flesh of sweet basil, due to low R2 of 0.37, 0.29 and 0.11, respectively and high RMSEP of 1.2 x107 cfu/g 6.1 x108 cfu/g and 3.9 x105 cfu/g fresh weight, respectively. Keywords: bacteria, yeast, mold, sweet basil, contamination, food safety Design and instruction of green coffee bean sorting machine using near infrared spectroscopy technique. Researcher Dr. Sarawut Phupaichtkun. (Project Leader) Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University Research Grants Fiscal Budget of Year 2015., Research and Development Institute, Silpakorn University Year of completion 2016 Type of research Applied research Subjects (based NRCT) Agriculture and Biology, Agro-Industry Coffee is an agricultural product that is processed into both food and drink, which is popular around the world. The acquisition of quality products must be meticulously selected until the selection criteria are accepted worldwide. This research will study the design and construction of a prototype machine for the separation of good quality Arabica and Robusta coffee beans from defective and other physical contaminants by using near infrared spectroscopy tecnique. In the experiment, coffee beans from various cultivated areas in Thailand were tested for moisture content, caffeine, sucrose, chlorogenic acid and polysaccharide compare with standard values. Then take the coffee beans to measure the spectrum with the Minispectrometer (tec5), a standardized tool for storing references and measure the spectrum with the NIR line scan machine that designed and built to carry the data analyzed and create predictive models that can automatically separate the coffee beans. The results show that the chemical values obtained from the experiment tend to follow the standard but oil content is much higher than standard and the caffeine content is much lower than the standard. In the NIR line scan machine, the grating system is suitable for real use, by lighting on the subject and reflect to a 300 mm long 3 mm wide slit to give a linear light to the lens unit to combine light to grating to separate light into the Sony XCEI- 50 as detector. In the part of the spectrum analyzed by PCA technique, it was found that the coffee beans can be separated into two groups clearly when the selection at the wavelength range is 800-1000 nm. A group of Arabica coffee. And another group is Arabica coffee from another source including Robusta. When the spectra were taken to analyze the relationship between the chemical values obtained from the above experiments, it was found that the NIR line scan is less reliable than the line scanner. Minispectrometer Key words: Green bean coffee, near infrared spectroscopy, foreign matters, sortin
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยศิลปากร
คำสำคัญ: การตรวจสอบแบบรวดเร็ว
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การตรวจสอบอันตรายในอาหารอย่างรวดเร็วด้วยเทคนิคสเปกโตรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้
มหาวิทยาลัยศิลปากร
30 กันยายน 2558
การตรวจจับอันตรายทางกายภาพและตรวจวัดคุณภาพโดยใช้สเปกโตรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้เพื่อคัดแยกเมล็ดกาแฟดิบ การตรวจสอบการปนเปื้อนของราและสารพิษอะฟลาทอกซินแบบไม่ทำลายตัวอย่างในพริกไทยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วลิสงด้วยเทคนิคสเปกโตรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ การออกแบบและจัดทำเครื่องคัดแยกเมล็ดกาแฟดิบด้วยการวัดคุณภาพเมล็ดด้วยเทคนิคสเปกโตรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ การพัฒนาวิธีการตรวจสอบคุณภาพของผลิตผลการเกษตร และผลิตภัณฑ์อาหารอย่างรวดเร็วด้วยเทคนิคสเปกโตรสโคปีอินฟราเรดย่านใกล้ เทคนิคการตรวจสอบเนื้อแก้วในมังคุดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการวัดการดูดกลืนแสงในย่านใกล้อินฟราเรด การตรวจสอบปริมาณผงชูรสในผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวด้วยเทคนิคสเปกโตรสโกปีย่านใกล้อินฟราเรด การตรวจสอบการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ในใบโหระพาอย่างรวดเร็วด้วยเทคนิคสเปกโทรสโกปีอินฟราเรดย่านใกล้ อาหารบำรุงสมอง อนาคตของอาหารโลกอยู่ในมือของคุณ การทดสอบประสิทธิภาพของเทคนิคสเปกโตรสโกปีย่านใกล้อินฟราเรดสำหรับการวิเคราะห์คุณภาพอ้อยในอุตสาหกรรมน้ำตาล
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก