สืบค้นงานวิจัย
การวินิจฉัยและการจำแนกสายพันธุ์ของ Acanthamoeba SPP. โดยใช้เทคนิคทางพีซีอาร์ ‪
Chalermpon Kaewjai - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การวินิจฉัยและการจำแนกสายพันธุ์ของ Acanthamoeba SPP. โดยใช้เทคนิคทางพีซีอาร์ ‪
ชื่อเรื่อง (EN): (PCR)‬
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Chalermpon Kaewjai
บทคัดย่อ: อะแคนทามีบาเป็นเชื้ออะมีบาสิ่งแวดล้อมซึ่งทำให้เกิดโรคหรือไม่เกิดโรคในคนได้ และมักพบเป็นเชื้อฉวยโอกาสทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตาในคนที่ใช้คอนแทคเลนส์ (CL) วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้เพื่อตรวจหาเชื้ออะแคนทามีบาโดยวิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อและใช้เทคนิคทางพีซีอาร์และ PCR-RFLP จากยีนส์ 18S rRNA เพื่อจำแนกลักษณะทางพันธุกรรมของเชื้อที่แยกได้ เมื่อนำสิ่งส่งตรวจจากผู้ป่วยจำนวน 52 ราย มาทำการเพาะเชื้อบน non-nutrient agar (NNA) และวินิจฉัยจำแนกตามลักษณะของซีสต์และโทรโฟซอยท์ พบว่า corneal swabs จากผู้ป่วยกระจกตาที่ใช้ CL จำนวน 29 ราย และ corneal swab ของผู้ป่วยกระจกตาที่ไม่ได้ใช้ CL จำนวน 6 ราย ไม่พบเชื้อ ส่วนตัวอย่างที่เป็นน้ำยาแช่ในตลับคอนแทคเลนส์ของผู้ป่วยกระจกตาจำนวน 3 ตลับจาก 17 ตลับ มีเชื้ออะแคนทามีบา 2 ชนิด (Ac1MUTM และ Ac2MUTM) และฮาร์ทมาเนลลา 1 ชนิด (Ha1MUTM) ตามลำดับ จากนั้นได้ใช้เทคนิคทางพีซีอาร์โดยมี genus-specific primers (JDP set) ที่จำเพาะต่อสกุลและ pathogenic-specific primers ที่จำเพาะต่อสายพันธุ์ก่อโรค (Ac6 set) ตรวจยืนยันว่าเชื้อที่แยกได้ว่าเป็นเชื้ออะแคนทามีบาจริงโดยเปรียบเทียบกับเชื้อมาตรฐาน 3 ชนิดคือ เชื้อชนิดไม่บุกรุกเชิงเดี่ยว A. tubiashi, ชนิดบุกรุกเชิงเดี่ยว A. polyphaga และ ชนิดบุกรุกและปนเปื้อนด้วยเชื้อแบคทีเรีย 1 ชนิด A. castellanii นอกจากนี้ยังได้พัฒนาเทคนิค PCR-RFLP โดยใช้ Primers ที่ออกแบบขึ้นมาเอง 1 คู่ จากยีนส์ 18S rRNA ของเชื้อ A. castellanii ซึ่งให้ผลิตภัณฑ์ขนาด 2.1 กิโลเบส เมื่อผลิตภัณฑ์นี้ถูกย่อยด้วยเอนไซม์ 3 ชนิดที่แตกต่างกันคือ HaeIII, HinfI และ MspI พบว่าการใช้เอนไซม์ MspI ย่อยผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะให้รูปแบบ RFLP ที่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ของเชื้ออะแคนทามีบาได้ดีที่สุด ดังนั้นเทคนิค PCR-RFLP ที่พัฒนาขึ้นนี้มีประโยชน์ในการช่วยวินิจฉัยและจำแนกสายพันธุ์ของเชื้ออะแคนทามีบาออกจากเชื้ออะแคนทามีบาสายพันธุ์อื่นๆได้
บทคัดย่อ (EN): The genus Acanthamoeba is comprised of opportunistic organisms associated with wearing contact lenses (CL). The main objectives of this study were to detect Acanthamoeba by culture method and to genotype individual isolates using PCR and PCR-RFLP of the 18S rRNA gene. A total of 52 subjects, and 3 reference strains, i.e. axenic non-invasive A. tubiashi, axenic invasive A. polyphaga, and monoxenic invasive A. castellanii were recruited into this study. The fresh samples were dropped onto non-nutrient agar (NNA) and observed microscopically for the characteristic appearance of Acanthamoeba trophozoites and/or cysts for both diagnosis and culture purposes. Corneal swabs from 29 CL users and 6 non-CL users gave no positive cysts or trophozoties. Three clinical samples were positive for free-living amoebae (FLA) among 17 fluid samples from contact lens storage cases, of which two were Acanthamoeba spp. (Ac1MUTM and Ac2MUTM) and 1 Hartmannella spp. (Ha1MUTM). These 2 Acanthamoeba spp. were further confirmed by PCR using genus-specific primers (JDP set) and pathogenic-specific primers for strains of Acanthamoeba (Ac6 set). DNA extraction was done by Nucleospin kit. A pair of genus-specific primers (Ac1 and Ac2) was designed based on the 18S rRNA of A. castellanii, which amplified approximately 2.1 kb amplicon, followed by digestion with 3 restriction endonucleases, i.e. HaeIII, HinfI and MspI, were analyzed and compared with those of three reference acanthamoebae. The usefulness of the 18S rDNA PCR products for detecting and reliably genotyping Acanthamoeba spp. in Acanthamoeba keratitis was demonstrated. For Acanthamoeba speciation in this study, use of PCR-RFLP product derived from the 18S rRNA gene after MspI digestion was superior. The dendogram tree from these RFLP patterns revealed variation, which could be applied for diagnosis and molecular typing of invasive and noninvasive species of Acanthamoeba, especially after digestion with MspI.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2701&obj_id=1897
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Polymerase Chain Reaction
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: อะแคนทามีบาเป็นเชื้ออะมีบาสิ่งแวดล้อมซึ่งทำให้เกิดโรคหรือไม่เกิดโรคในคนได้ และมักพบเป็นเชื้อฉวยโอกาสทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตาในคนที่ใช้คอนแทคเลนส์ (CL) วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้เพื่อตรวจหาเชื้ออะแคนทามีบาโดยวิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อและใช้เทคนิคทางพีซีอาร์และ PCR-RFLP จากยีนส์ 18S rRNA เพื่อจำแนกลักษณะทางพันธุกรรมของเชื้อที่แยกได้ เมื่อนำสิ่งส่งตรวจจากผู้ป่วยจำนวน 52 ราย มาทำการเพาะเชื้อบน non-nutrient agar (NNA) และวินิจฉัยจำแนกตามลักษณะของซีสต์และโทรโฟซอยท์ พบว่า corneal swabs จากผู้ป่วยกระจกตาที่ใช้ CL จำนวน 29 ราย และ corneal swab ของผู้ป่วยกระจกตาที่ไม่ได้ใช้ CL จำนวน 6 ราย ไม่พบเชื้อ ส่วนตัวอย่างที่เป็นน้ำยาแช่ในตลับคอนแทคเลนส์ของผู้ป่วยกระจกตาจำนวน 3 ตลับจาก 17 ตลับ มีเชื้ออะแคนทามีบา 2 ชนิด (Ac1MUTM และ Ac2MUTM) และฮาร์ทมาเนลลา 1 ชนิด (Ha1MUTM) ตามลำดับ จากนั้นได้ใช้เทคนิคทางพีซีอาร์โดยมี genus-specific primers (JDP set) ที่จำเพาะต่อสกุลและ pathogenic-specific primers ที่จำเพาะต่อสายพันธุ์ก่อโรค (Ac6 set) ตรวจยืนยันว่าเชื้อที่แยกได้ว่าเป็นเชื้ออะแคนทามีบาจริงโดยเปรียบเทียบกับเชื้อมาตรฐาน 3 ชนิดคือ เชื้อชนิดไม่บุกรุกเชิงเดี่ยว A. tubiashi, ชนิดบุกรุกเชิงเดี่ยว A. polyphaga และ ชนิดบุกรุกและปนเปื้อนด้วยเชื้อแบคทีเรีย 1 ชนิด A. castellanii นอกจากนี้ยังได้พัฒนาเทคนิค PCR-RFLP โดยใช้ Primers ที่ออกแบบขึ้นมาเอง 1 คู่ จากยีนส์ 18S rRNA ของเชื้อ A. castellanii ซึ่งให้ผลิตภัณฑ์ขนาด 2.1 กิโลเบส เมื่อผลิตภัณฑ์นี้ถูกย่อยด้วยเอนไซม์ 3 ชนิดที่แตกต่างกันคือ HaeIII, HinfI และ MspI พบว่าการใช้เอนไซม์ MspI ย่อยผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะให้รูปแบบ RFLP ที่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ของเชื้ออะแคนทามีบาได้ดีที่สุด ดังนั้นเทคนิค PCR-RFLP ที่พัฒนาขึ้นนี้มีประโยชน์ในการช่วยวินิจฉัยและจำแนกสายพันธุ์ของเชื้ออะแคนทามีบาออกจากเชื้ออะแคนทามีบาสายพันธุ์อื่นๆได้
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวินิจฉัยและการจำแนกสายพันธุ์ของ Acanthamoeba SPP. โดยใช้เทคนิคทางพีซีอาร์ ‪
Chalermpon Kaewjai
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
การใช้เทคนิคพีซีอาร์ตรวจเยื่อหุ้มปอดเพื่อวินิจฉัยภาวะสารน้ำในโพรงปอดที่มีสาเหตุมาจากวัณโรค การจำแนกเอกลักษณ์ทางพันธุกรรมในไก่พันธุ์ประดู่หางดำ โดยใช้เทคนิคเอเอฟแอลพี ประเมินโครงการฝึกอบรมที่นำเทคนิควิธีบางรัก อาร์พีอาร์ มาใช้ในการตรวจโลหิตหาโรคซิฟิลิส การตรวจหาการแสดงออกที่ต่างกันของยีนในใบประดับของบัวชั้นโดยเทคนิคดีดีอาร์ที-พีซีอาร์ การตรวจหาเชื้อเลปโตสไปร่าสายพันธุ์ก่อโรคอย่างรวดเร็วในตัวอย่างน้ำสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีดูเพล็ก-พีซีอาร์ ความสามารถในการผสมข้ามระหว่างกล้วยไม้หวายกลิ่นหอมกับกล้วยไม้หวายพันธุ์การค้า และการจำแนกลูกผสมโดยเทคนิคอาร์เอพีดี การตรวจหาเชื้อเลปโตสไปราสายพันธุ์ก่อโรคอย่างรวดเร็วในตัวอย่างซีรัมด้วยวิธีดูเพล็ก-พีซีอาร์และการไฮบริไดเซชันด้วยโพรบที่สังเคราะห์ 2 ช การตรวจหาการแสดงออกที่ต่างกันของยีนในกลีบเลี้ยงและกลีบดอกเอื้องดินใบหมากโดยเทคนิคดีดีอาร์ที - พีซีอาร์ แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกในประเทศไทยโดยจำแนกตามโครงสร้างอายุและสายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์ การเปรียบเทียบสมรรถภาพการผลิตและองค์ประกอบซากของไก่เนื้อสายพันธุ์การค้า 3 สายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก