สืบค้นงานวิจัย
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแอนติบอดีบนผิวเฟจเพื่อการตรวจสอบและการสำรวจโรคเน่าเละจากแบคทีเรียของพืชผักตระกูลกะหล่ำในประเทศไทย
กำไร เบือนสันเทียะ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
ชื่อเรื่อง: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแอนติบอดีบนผิวเฟจเพื่อการตรวจสอบและการสำรวจโรคเน่าเละจากแบคทีเรียของพืชผักตระกูลกะหล่ำในประเทศไทย
ชื่อเรื่อง (EN): Application of Phage Display Technology for detection and survey of bacterial soft rot disease of crucifer plant in Thailand
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: กำไร เบือนสันเทียะ
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Kumrai Buensanteai
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การตรวจสอบเชื้อสาเหตุโรคพืชมีความส าคัญและจ าเป็นในการวินิจฉัยเชื้อสาเหตุโรคพืช ดังนั้นจึงได้มี การพัฒนาเทคนิคในการระบุเชื้อและการติดตามเชื้อขึ้นมาหลากหลายวิธีโดยเฉพาะการใช้แอนติบอดี้อย่างไร ก็ตามแอนติบอดี้ที่จ าเพาะกับเชื้อแบคทีเรียสาเหตุโรคพืชยังให้ประสิทธิภาพต่ า ดังนั้นในการศึกษานี้จึงได้น า เทคโนโลยีการผลิตโมโนโคนอลแอนติบอดี้บนผิวเฟจ มาใช้ในการตรวจสอบเชื้อสาเหตุของโรคเน่าเละจาก แบคทีเรียของพืชผักตระกูลกะหล่ า โดยผลการทดลองพบว่าลักษณะทางสัณฐานวิทยา สรีรวิทยาของเชื้อ แบคทีเรียที่แยกได้จากผักกาดเขียวปลีคือ เชื้อ Erwinia carotovora pv. carotovora จากการศึกษา คุณสมบัติทางชีวเคมีพบว่าเชื้อไม่สามารถย่อยยูเรีย ไม่เกิดกระบวนการรีดิวซ์นอกจากนี้เชื้อแบคทีเรียไม่ สามารถย่อยแป้งและเจลาติน สามารถสร้างเอนไซม์คะตะเลสได้ สามารถใช้ประโยชน์จากสารซิเตรตได้ รวมทั้งสามารถเจริญเติบโตบนอาหาร NA ที่มีส่วนผสมของ NaCl ได้สูงถึง 5% ส าหรับการพิสูจน์ ความสามารถในการท าให้เกิดโรค พบว่าเชื้อแบคทีเรียสามารถท าให้เกิดโรคผักกาดเขียวปลีได้ โดยแสดง อาการจุดฉ่ าน้ าสีน้ าตาล ขนาดเล็กกระจายบนก้านและใบภายใน 3 วันหลังจากปลูกเชื้อเละเมื่อเชื้อเข้าท าลาย เป็นระยะเวลา 5 วัน ขนาดแผลจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้น มีสีน้ าตาลและส่งกลิ่นเหม็นการพัฒนาวิธีการที่เหมาะสม ส าหรับตรวจเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของโรค พบว่าสามารถกระตุ้นกระต่ายให้สร้างแอนติซีรั่มที่มีความจ าเพาะสูง และระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมของแอนติซีรั่มที่สามารถท าปฏิกิริยากับแอนติเจน (titer) ที่ได้อยู่ในระดับที่ สามารถน าไปใช้คือ 1 : 25 ถึง 1:200 จากการคัดเลือกหาเฟจแอนติบอดี้scFv ที่สามารถจับกับ O-specific LPS ของแบคทีเรียสายพันธุ์E. carotovora pv. carotovora ได้โดยการใช้สภาวะที่เหมาะสมในการท า biopanning ด้วยคลังของเฟจแอนติบอดีมนุษย์ผลการทดลองพบว่าเมื่อน าเฟจแอนติบอดีscFv ที่ผลิตได้ จ านวน 192 โคลน ไปตรวจความสามารถในการจับกับ O-specific LPS ของเชื้อแบคทีเรีย E. carotovora pv. carotovora ด้วยวิธีการ ELISA พบว่า เฟจจ านวน 4 โคลน (1ErE3, 1ErE8, 1ErB10 and 1ErF10) สามารถจับกับ O-specific LPS ของแบคทีเรียสายพันธุ์E. carotovora pv. carotovora ได้โดยค่าการ ดูดกลืนแสงที่ได้มีค่าเป็นสองเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับค่าการดูกลืนแสงที่ได้จาก BSA ซึ่งเป็น negative control นอกจากนี้พบว่าแอนติบอดีที่ได้จากเฟจโคลน 1ErB10 มีความจ าเพาะเจาะจงกับเชื้อแบคทีเรีย E. carotovora pv. carotovora สามารถเข้าท าปฏิกิริยาจับกับแอนติเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึง สามารถน าความรู้ที่ได้มาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่จะใช้ในการตรวจสอบเชื้อสาเหตุของโรคเน่าเละจากแบคทีเรีย ของพืชผักตระกูลกะหล่ า เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาส าคัญที่พบในการผลิตพืชผักตระกูลกะหล่ าต่อไป
บทคัดย่อ (EN): Rapid development of techniques for characterization of bacteria over the past decade has greatly improved pathogen detection and identification. In this study, phage display technologies have been successfully introduced for recombinant antibody production to detect the bacterial soft rot of crucifer plants. After culturing on NA for 24 hours at 28 0 C, the bacterium formed round, white, semitranslucent, glistening colonies. It produced similar symptoms on detached crucifer leaf as observed in the field at 3 days after inoculation. The bacterium was rod shape and gram - negative. The bacterium could utilize citrate and calcium lactate. But it was urease-negative, hydrolyze starch and gelatin and could not denitrify nitrate. It could tolerate NaCl concentration up to 5%. Moreover, the purpose of this study was to develop the monoclonal antibody for virulence strain of E. carotovora pv. carotovora Er10 by using the phage display technology, which allow to isolate antibodies directly from diverse repertoires of antibody genes. The result showed that human monoclonal antibodies against E. carotovora pv. carotovora Er10 were selected from non-immunized human scFv library (YAMO-I library) by using phage display technology. After screening by biopanning method, the phage clone 1ErE3, 1ErE8, 1ErB10 and 1ErF10 showed high specificity with E. carotovora pv. carotovora Er10 strain by using phage ELISA technique. In addition to, polyclonal antibody produce from immunized rabbit with E. carotovora pv. carotovora Er10 showed low cross reactivity with other genus of bacteria such as Xanthomonas. The result showed that both types of antigen from pure culture could be detected by using phage clone 1ErB10. Thus, this isolated recombinant antibody could be applied for detection pathogenic bacteria in the future
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
คำสำคัญ: แบคทีเรียของพืช
คำสำคัญ (EN): Antibody
หมวดหมู่:
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแอนติบอดีบนผิวเฟจเพื่อการตรวจสอบและการสำรวจโรคเน่าเละจากแบคทีเรียของพืชผักตระกูลกะหล่ำในประเทศไทย
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
30 กันยายน 2555
ฐานข้อมูลจีโนไทป์ของเชื้อพันธุกรรมพืชตระกูลแตง แนวโน้มตลาดอาหารเสริมสุขภาพจากพืช การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการผลิตแอนติบอดีบนผิวเฟจเพื่อการวิจัยและพัฒนาด้านการเกษตร โครงการสำรวจและเฝ้าระวังโรค African Swine Fever ทางห้องปฏิบัติการในประเทศไทย ระหว่างปี 2553-2558 โครงการทดสอบและสาธิตเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของการปลูกพืชผัก ศึกษาการใช้ Chloramphenicol ในการป้องกันโรคเน่าและที่เกิดจากเชื้อ Bacillus sp. No. B. 01 เทคโนโลยีการผลิตพืชแห่งศตวรรษที่ 21 การประยุกต์เทคโนโลยีการลดอุณหภูมิแบบสูญญากาศ เพื่อการส่งออกพืชผักและสมุนไพรของโครงการหลวง การศึกษา Subtype ของเชื้อไวรัสAvian Influenza A จากสัตว์ปีกในประเทศไทย อนุกรมวิธานของฟิล์มมี่เฟิร์นสกุล Hymenophyllum s.l. (Hymenophyllaceae) ในประเทศไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก